ตอนที่ 49 ตั้งท้อง
ซ่งซีกล่าวขัดจังหวะคำบ่นของตู้ถิงถิงและอธิบายว่า “หนูเก็บเงินมาได้บ้างในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และมันเพียงพอที่จะจ่ายเงินดาวน์บ้าน” แม้ว่าซ่งซีจะเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวมู่และถึงแม้ว่ามู่เหมียนจะใจกว้างกับเธอ เงินที่เขาให้ก็ไม่เพียงพอ
ในฐานะสาวสังคมอันดับหนึ่ง ซ่งซีมีเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพง และยังมีค่าใช้จ่ายประจำวันสูง ดังนั้นในบัญชีธนาคารของเธอจึงไม่ได้มีเงินสดมากนัก
เงินเก็บของเธอเพียงพอสำหรับใช้จ่ายเงินดาวน์เท่านั้น
ซ่งซีกล่าวว่า “หนูอยากซื้ออพาร์ตเมนต์สำหรับตัวเองก่อนที่จะแต่งงาน หานซานซื้อบ้านโดยการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและต้องจ่ายคืนต่อไปแม้หลังจากเราแต่งงานกัน เราจึงตัดสินใจว่าต่างฝ่ายต่างจะมีภาระสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองและจะไม่มีการผูกพันทางการเงินในอนาคต จะดีกับทุกคนที่สุดค่ะ”
ซ่งซีกำลังพูดไปเรื่อย ๆ แต่ตู้ถิงถิงไม่รู้สถานะการเงินของหานซานเลยเชื่อเธอ ตู้ถิงถิงไม่ได้หัวโบราณและไม่ได้เชื่อว่าผู้หญิงจำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายเสมอ
นอกจากนี้ ถ้าซ่งซีมีบ้านของตัวเอง จะช่วยให้เธอมีสถานะที่มั่นคงขึ้น “แล้วหนูกลับมาทำไมล่ะ? เงินไม่พอเหรอ?” ตู้ถิงถิงหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วถามว่า “ขาดเท่าไหร่ล่ะ แม่โอนให้เลยได้นะ”
หัวใจของซ่งซีรู้สึกอุ่นซ่าน “หนูกลับมาเอาทะเบียนบ้านค่ะ”
ตู้ถิงถิงหยุดไปแล้ววางโทรศัพท์ลง “งั้นแม่จะไปหยิบให้”
“ขอบคุณนะคะแม่”
ซ่งซีรู้สึกผิดเล็กน้อยขณะมองดูตู้ถิงถิงเดินขึ้นไปชั้นบน ที่เธออ้างว่ามาเอาทะเบียนบ้านเพื่อจะซื้อบ้านนั้นเป็นข้ออ้าง ที่จริงแล้วเธอมาต้องการมันเพื่อจดทะเบียนสมรสกับหานซานต่างหาก
ทะเบียนบ้านถูกเก็บไว้ในตู้เซฟภายในห้องทำงานของมู่เหมียน
มู่เหมียนไม่ได้ระแวดระวังตัวจากตู้ถิงถิงเลย ทำให้เธอรู้รหัสเปิดตู้เซฟนั้นได้ ตู้ถิงถิงจึงสามารถหยิบทะเบียนบ้านออกมาได้อย่างรวดเร็ว “นี่จ้ะซ่งซ่ง แค่เอาเฉพาะหน้าของลูกไปก็พอ”
ซ่งซีดึงหน้าเอกสารของตัวเองออกมาใส่ในกระเป๋า แล้วก็นั่งคุยกับตู้ถิงถิงอีกสักพัก แต่พอเห็นว่าตู้ถิงถิงดูเหนื่อยล้า เธอก็เลยขอตัวกลับก่อน
หลังจากซ่งซีกลับไปแล้ว ตู้ถิงถิงจึงถือทะเบียนบ้านเดินกลับขึ้นไปชั้นบน
เธอเปิดตู้เซฟแล้วเก็บทะเบียนบ้านกลับไป ขณะที่กำลังจะปิดตู้เซฟนั้นเอง เธอเหลือบไปเห็นแฟ้มสีน้ำตาลอ่อนใบนึง ด้วยความอยากรู้ ตู้ถิงถิงจึงหยิบมันขึ้นมาดู
เธอเปิดแฟ้มและดึงเอกสารขนาด A4 ออกมา เห็นตราประทับของโรงพยาบาลซินเฉียวติดอยู่ด้านบนสุด
รายงานจากโรงพยาบาลงั้นเหรอ?
หรือจะเป็นของชิวเอ๋อร์?
ตู้ถิงถิงถือเอกสารไว้ในมือ แล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของมู่เหมียนเพื่ออ่านมันอย่างละเอียด ขณะที่อ่านจนจบ มือของเธอก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่
เมื่อยังคงตัวสั่นไม่หยุด ตู้ถิงถิงรีบยัดเอกสารกลับเข้าไปในแฟ้ม เธอรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนก
ตู้ถิงถิงเดินโซเซกลับไปยังห้องนอน เธอนั่งลงบนเตียงพิงหมอน เคี้ยวเล็บนิ้วอย่างเหม่อลอย เธอส่ายหน้าแล้วพึมพำว่า “เป็นไปได้ยังไง… ไม่มีทาง… มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดแน่ ๆ…”
...
ตอนกลางคืน มู่เหมียนกลับมาพร้อมกับเค้กกล่องสวยงาม เขาได้ยินจากป้าจางว่าตู้ถิงถิงทานข้าวเย็นไปเพียงเล็กน้อยแล้วก็กลับไปพักที่ห้องทันที ด้วยความกังวลว่าเธออาจจะป่วย เขาจึงรีบกลับมาพร้อมกับกล่องเค้ก
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นตู้ถิงถิงมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนเด็กตัวน้อยที่รู้สึกไร้ที่พึ่ง มู่เหมียนขมวดคิ้ว “ถิงถิง ป้าจางบอกว่าคุณทานข้าวไปแค่นิดเดียวเองวันนี้ คุณรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?”
หัวของตู้ถิงถิงยังคงมุดอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอไม่ส่งเสียงใด ๆ
มู่เหมียนเดินเข้ามาดึงศีรษะเธอออกจากผ้าห่ม เขาพิจารณาดูสีหน้าของตู้ถิงถิงแล้วพบว่าเธอดูซีดเซียวและหมองคล้ำ ผมของเธอก็ยุ่งเหยิง สภาพของเธอทำให้เขาตกใจ
“ถิงถิง คุณรู้สึกไม่สบายหรือ? หรือป่วย?”
มู่ชิวกำลังป่วยและนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนตู้ถิงถิงก็อยู่ในสภาพเช่นนี้ มู่เหมียนจึงตื่นตระหนกมาก เขาพูดอย่างเร่งรีบว่า “เราต้องไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้ ผมต้องพาคุณไปตรวจให้ละเอียด!”
ตู้ถิงถิงตอบรับในที่สุด
เธอพูดเสียงแผ่ว “ไม่เป็นอะไรมากหรอก ฉันแค่…” ตู้ถิงถิงมองไปที่กล่องเค้ก “ฉันไม่ค่อยมีความอยากอาหารเลย และรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา นั่นลูกมะพร้าวหรอ?”
“ใช่ ผมไปเข้าคิวซื้อมาให้โดยเฉพาะเลยนะ” มู่เหมียนรีบส่งขนมให้ตู้ถิงถิง
ตู้ถิงถิงหยิบขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น “หวานเกินไป”
มู่เหมียนชิมขนมตามไปด้วย “รสชาติปกตินะ”
“แต่ฉันรู้สึกว่ามันหวานเกินไป” ตู้ถิงถิงบ่น “พักนี้ไม่ว่าจะกินอะไรก็รู้สึกว่ามันหวานไป เค็มไป หรือมันไปทั้งนั้น”
เมื่อได้ยินคำบ่นของตู้ถิงถิง มู่เหมียนก็นึกถึงบางอย่างได้ทันที เขาจับมือของเธอไว้แน่น
"ถิงถิง!" มู่เหมียนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
ตู้ถิงถิงมองเขาด้วยความสงสัย "มีอะไรเหรอ?"
มู่เหมียนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "หรือว่า… คุณท้อง?"
สีหน้าของตู้ถิงถิงแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดนี้
เธอนั่งตัวตรงทันที
ตู้ถิงถิงลูบท้องของเธอ หน้าซีดลงอีก "ไม่… เป็นไปไม่ได้…" ตู้ถิงถิงอายุ 43 ปีแล้ว เธอฝังห่วงคุมกำเนิดไว้นานหลายปีและไม่ได้ตั้งครรภ์เลย จึงไม่เคยคิดว่าอาจจะตั้งครรภ์ได้
มู่เหมียนเห็นว่าถิงถิงสับสน จึงพูดขึ้นว่า "นี่ก็นานประมาณ 13 ปีแล้วตั้งแต่คุณใส่ห่วงคุมกำเนิด? คุณเองก็ไม่ได้ไปตรวจสุขภาพในช่วงสองปีที่ผ่านมา บางทีห่วงอาจจะเสื่อมประสิทธิภาพไปแล้ว"
"เป็นไปไม่ได้หรอก" สีหน้าของตู้ถิงถิงหม่นลง เธอลุกขึ้นแล้วพูดว่า "เราไปซื้อที่ตรวจครรภ์จากร้านขายยากันเถอะ"
ระหว่างทางไปที่ร้านขายยา มือของมู่เหมียนเต็มไปด้วยเหงื่อ
การมีลูกอีกคน…
มู่เหมียนรู้สึกกระวนกระวายใจ เขาต้องการมีลูกเพิ่ม โดยเฉพาะในเวลานี้ที่มู่ชิวอาจจะจากไปได้ทุกเมื่อ
ไม่มีใครรู้ว่าตู้ถิงถิงคิดอะไรอยู่ตลอดทาง เพราะเธอไม่ได้พูดอะไรเลย
เมื่อถึงร้านขายยา มู่เหมียนก็ซื้อชุดตรวจครรภ์มาไม่กี่ชุด จากนั้นเขาพาตู้ถิงถิงกลับบ้าน และเธอก็ตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที หลังจากผ่านไปประมาณห้าถึงหกนาที เธอออกมาพร้อมกับชุดตรวจครรภ์สามชิ้น
มู่เหมียนนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ชุดตรวจครรภ์ในมือของตู้ถิงถิงด้วยแววตาที่ส่องประกาย
สีหน้าของตู้ถิงถิงเต็มไปด้วยความกังวล ริมฝีปากของเธอสั่นไหว มู่เหมียนรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่เต้นอยู่ในอก เขายื่นมือออกไป "ขอดูหน่อย"
ตู้ถิงถิงวางชุดตรวจครรภ์ในฝ่ามือของมู่เหมียน
มู่เหมียนก้มลงดู และเห็นว่าชุดตรวจครรภ์ทั้งสามชิ้นขึ้นขีดสีม่วงแดงสองขีด มู่เหมียนถอนหายใจออกมา แล้วลุกขึ้นกอดตู้ถิงถิงไว้ "เรากำลังจะมีลูกอีกคน"
ตู้ถิงถิงเอนตัวพิงอกของเขาอย่างอ่อนแรง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอจึงพูดขึ้น "สามี… ฉันไม่คิดว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้"
คำพูดนั้นทำให้มู่เหมียนตกใจ
เขาประคองใบหน้าของตู้ถิงถิงไว้ "ทำไมล่ะ?"