ตอนที่ 36: มู่เหมียนเริ่มสงสัย
มู่เหมียนอยู่กับซ่งซีได้สักพักก่อนจะออกไป ก่อนออกไป เขาใช้กล้องบันทึกวิดีโอสั้น ๆ ของซ่งซีเพื่อให้ตู้ถิงถิงได้ดูและคลายความกังวลลง
หลังจากที่มู่เหมียนออกไป ซ่งซีก็ยกนิ้วโป้งให้หานซานพร้อมกับชมเชยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขา "พี่หาน ฉันได้ยินทุกอย่างเลยนะ คุณพูดว่าจะดูแลฉันและปฏิบัติกับฉันเป็นอย่างดี"
หานซานยิ้มและตอบว่า "อืม ผมเป็นคนสุภาพและเอาใจใส่เสมอ และจะยอมตามใจคุณตลอดเวลา"
ใบหน้าของซ่งซีร้อนผ่าวเล็กน้อยจากคำหยอกเย้าของหานซาน
...
มู่เหมียนกลับไปทำงานหลังจากออกจากโรงพยาบาล เขาไปเยี่ยมมู่ชิวที่โรงพยาบาลหลังเลิกงานและกลับบ้านหลังจากฟ้ามืดแล้ว ขณะที่ตู้ถิงถิงเองใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่โรงพยาบาลกับมู่ชิว ทำให้เธอเหนื่อยล้ามาก เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเธอจึงไปอาบน้ำ
ตู้ถิงถิงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะเธอต้องวิ่งไปมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลและไม่ได้นอนพอ เธอเผลอหลับในขณะที่อาบน้ำ
เมื่อมู่เหมียนกลับมาถึงบ้านและไม่เห็นตู้ถิงถิงในห้องนั่งเล่น เขาจึงถามป้าเจียงที่กำลังทำความสะอาดในครัวว่า "คุณผู้หญิงอยู่ไหน?"
ป้าเจียงตอบว่า "คุณผู้หญิงกลับไปพักผ่อนในห้องหลังจากทานข้าวเย็นค่ะ"
มู่เหมียนพยักหน้าเบา ๆ และคลายเนกไทออก ก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน
"ถิงถิง?" เขาเปิดประตูห้องแล้วไม่เห็นตู้ถิงถิง จึงรู้สึกสงสัย เมื่อเห็นประตูห้องน้ำแง้มอยู่ มู่เหมียนจึงเดินเข้าไปและเห็นตู้ถิงถิงนอนนิ่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ
"ถิงถิง!" มู่เหมียนคิดว่าตู้ถิงถิงหมดสติและตกใจมากจนเสียงสั่น
ตู้ถิงถิงลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา
เมื่อเห็นมู่เหมียนนั่งข้างอ่างน้ำพร้อมสายตาที่เป็นห่วง ตู้ถิงถิงยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาเบา ๆ และพูดว่า "คุณกลับมาแล้ว ฉันคงหลับไป"
"คุณหลับอยู่เหรอ?" มู่เหมียนรู้สึกโล่งใจ "ผมนึกว่าคุณหมดสติ"
"อุ้มฉันไปที่ห้องที ฉันไม่อยากขยับเลย" ตู้ถิงถิงพูดเสียงเบาและเอื้อมแขนไปคล้องคอของมู่เหมียน น้ำเสียงของเธอแฝงความออดอ้อน แม้ว่าอายุเธอจะมากแล้วก็ตาม แต่มันก็ดูไม่ขัดเขิน
"ได้สิ" มู่เหมียนยอมรับด้วยความยินดีเพราะเขารักตู้ถิงถิงมาก
มู่เหมียนเป็นเพียงนักศึกษาปีสองสาขาการบัญชีที่มหาวิทยาลัยหหวังตงตอนที่เขารู้จักตู้ถิงถิง ในปี 1996 ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ค่อยพัฒนา และความเหลื่อมล้ำทางรายได้ภายในประเทศก็กว้างมาก ค่าเทอมในมหาวิทยาลัยระดับสูงพุ่งสูงถึง 2,500 หยวนต่อปี
ในขณะที่ตู้ถิงถิงมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เธอมีคนขับรถคอยรับส่งไปเรียนทุกวัน
มู่เหมียนรับหน้าที่ต้อนรับตู้ถิงถิงในวันแรกของการเรียน เธอใส่รองเท้าสีเทาอ่อนและชุดกระโปรงสีขาว มีผ้าคาดผมสีขาวผูกไว้บนผมยาว
ยืนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน มีคนแอบมองเธอมากมาย
เมื่อมู่เหมียนเห็นตู้ถิงถิงครั้งแรก หัวใจของเขาไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป มันเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้
ครั้งแรกที่เขาจับมือตู้ถิงถิง เขาตื่นเต้นจนจำไม่ค่อยได้ว่าจะเดินไปทางไหน ครั้งแรกที่เขาจูบตู้ถิงถิง กล้ามเนื้อหลังของเขากระชับเป็นก้อน และครั้งแรกที่เขานอนกับตู้ถิงถิง เขาอาบน้ำอยู่เป็นชั่วโมง ขัดถูตัวเองจนผิวแดง
เส้นทางความรักของพวกเขานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่มีใครยอมรับเด็กหนุ่มที่ยากจนกับหญิงสาวจากครอบครัวร่ำรวย แต่เมื่อพวกเขาได้อยู่ด้วยกัน มู่เหมียนก็ทุ่มเทดูแลตู้ถิงถิงอย่างดี เขาซื่อสัตย์และไม่เคยไปเกี้ยวพาราสีผู้หญิงคนอื่นเลย เรื่องราวความรักของพวกเขานั้นช่างเหมือนนิยายโรแมนติก
ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เธอยังเป็นวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ตู้ถิงถิงมอบช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตให้กับมู่เหมียน มู่เหมียนเองก็เปลี่ยนจากคนที่ไม่มีอะไรเลยกลายเป็นคนมั่งคั่ง แต่แม้จะมีเงินมากมาย ตู้ถิงถิงยังคงเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ
มู่เหมียนอุ้มตู้ถิงถิงมาวางบนเตียง เขาสังเกตเห็นว่ารอบดวงตาของเธอมีรอยเหี่ยวย่นบาง ๆ แล้ว จึงขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมคุณถึงหลับในอ่างน้ำล่ะ? คุณคงเหนื่อยจากการไปโรงพยาบาลทุกวันแล้วสินะ?”
“คงงั้นแหละ”
ตู้ถิงถิงไม่สนใจจะใส่เสื้อผ้า เพียงแต่ดึงผ้าห่มไหมมาห่มตัวอย่างเกียจคร้านและพูดเบา ๆ ว่า “วันนี้ฉันโทรหาซ่งซี เธอบอกว่าไม่ได้บาดเจ็บหนักเท่าไร เด็กคนนั้นยังพยายามปลอบใจฉันอีก”
“ผมรู้ว่าคุณคงเป็นห่วงเธอตลอดเวลา” มู่เหมียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเปิดวิดีโอที่เขาได้บันทึกไว้ก่อนหน้า เขาเอามาให้ตู้ถิงถิงดู “ผมถ่ายวิดีโอไว้ ดูสิ”
ตู้ถิงถิงเห็นซ่งซีใส่ที่รองคอและพูดอย่างร่าเริง เธอรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างแล้ว “ดีแล้วล่ะ ทำไมเธอถึงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้นะ เด็กคนนั้นโชคดีจริง ๆ ฉันไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าเธอจะ…”
ตู้ถิงถิงปิดตาลงเพราะทนไม่ได้ที่จะพูดให้จบ
ชิวเอ๋อร์ก็กำลังป่วยหนัก ถ้าซ่งซีเป็นอะไรไปอีก ตู้ถิงถิงก็คงทนไม่ไหว
“ที่รัก” น้ำตาคลอเบ้าในดวงตาของตู้ถิงถิง แต่เธอไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้ามู่เหมียน เธอจึงเอียงแก้มไปแนบฝ่ามือของเขาและถามว่า “ถ้าชิวเอ่อร์ไม่ได้หัวใจที่เหมาะสม เราจะทำยังไง?”
มู่เหมียนไม่สามารถตอบได้
ความเงียบของเขาทำให้ใจของตู้ถิงถิงแทบสลาย
“เราไม่เคยทำบาปร้ายแรงอะไรในชีวิตเลย ทำไมร่างกายของชิวเอ่อร์ถึงได้…” น้ำตาของตู้ถิงถิงหยดลงบนฝ่ามือของมู่เหมียน ทำให้เขารู้สึกร้าวรานในใจ
“ไปนอนเถอะถิงถิง ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณเอง” มู่เหมียนพูด
ตู้ถิงถิงซบหน้าลงกับมือของมู่เหมียนโดยไม่พูดอะไรอีก
เมื่อตู้ถิงถิงหลับสนิท มู่เหมียนค่อย ๆ ถอนมือออกและสลัดความรู้สึกชาในมือ เขาลุกขึ้นและเดินไปยังห้องทำงาน มีหลายเรื่องที่เขาต้องคิด
ซ่งเฟยซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่?
ตราบใดที่คนยังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องทิ้งร่องรอยไว้ในเมืองบ้าง แต่ซ่งเฟยเหมือนจะหายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่สามารถหาตัวเธอเจอได้เลย
หรือว่า…
มู่เหมียนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
คนที่ตื่นขึ้นคืนนั้น จริง ๆ แล้วเป็นซ่งเฟยหรือเปล่า?
ความคิดน่าสะพรึงกลัวผุดขึ้นในใจของมู่เหมียน
เพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานของเขา มู่เหมียนติดต่อกับนักสืบเอกชน
“ช่วยผมตรวจสอบอะไรบางอย่างได้ไหม?”
“ช่วยเช็กกิจกรรมของซ่งซีในเมืองชุนเฉินระหว่างวันที่ 11 ถึง 14 กรกฎาคมให้ผมหน่อย”
“เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
หลังจากวางสาย มู่เหมียนก็ใจเต้นแรง
หากข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้อง แสดงว่าซ่งซีเป็นคนที่น่ากลัวและมีความลึกซึ้งอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน ซ่งซีที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้นไม่รู้เลยว่ามู่เหมียนเริ่มสงสัยในตัวเธอแล้ว เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพักฟื้นและคุยเล่นกับเหยียนเจียงเรื่อง “แมว” ของเขา และส่งข้อความแซวหานซานเวลาที่เขาว่าง
เวลาผ่านไปจนถึง 21:30 น.
พยาบาลเข้ามาตรวจอาการและวัดอุณหภูมิของซ่งซี หลังจากนั้นก็ออกไป ซ่งซีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันใกล้จะ 4 ทุ่มแล้ว
เมื่อคิดถึงการที่หานซานกำลังจะพักผ่อน ความคิดซุกซนก็ผุดขึ้นในหัวของซ่งซี
เธอเปิดอัลบั้มภาพในโทรศัพท์เลื่อนหาภาพที่ถ่ายไว้ก่อนเกิดอุบัติเหตุ ซ่งซีเป็นคนที่ดูเซ็กซี่อยู่แล้ว ด้วยการแต่งหน้าที่พิถีพิถันและท่าทางยั่วยวน ภาพของเธอก็ดูเหมือนกับการถ่ายแฟชั่น
ซ่งซีเลือกภาพที่เธอพอใจและส่งให้กับหานซาน
หลังจากนั้นเธอก็รอคอยข้อความตอบกลับอย่างมีความสุข