ตอนที่ 27 : เข้ากับเพื่อนร่วมห้องได้ดี
ถนนคนเดินในเมืองมหาวิทยาลัยมีผู้คนพลุกพล่านเป็นจำนวนมาก โดยเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นนักศึกษาปีหนึ่งที่ยินดีข้ามถนนมาทานอาหารเพราะความแปลกใหม่
ส่วนนักศึกษาเก่าเลิกทำไปนานแล้ว วันๆ พวกเขาเอาแต่ใช้ชีวิตซังกะตายอยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่ต้องพูดถึงสตรีทฟู้ดนอกมหาวิทยาลัยเลย แค่จะเดินลงไปซื้อข้าวกินที่ชั้นล่างพวกเขาก็ขี้เกียจแล้ว
แน่นอนว่ายกเว้นคนที่มีแฟน
คนที่มีแฟนต่อให้ขาจะหักก็ยังต้องวิ่ง
เจียงฉินพาเฟิงหนานซูไปที่ร้านแผงลอยริมทางแล้วสั่งไข่คนมะเขือเทศ หมูสองไฟ ปลาผัดผักกาดดอง และผัดมันฝรั่งเส้นเปรี้ยวเผ็ด
การออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรถือเป็นปัญหาอมตะมาตลอด บางทีก็กลัวว่าเมนูใหม่ๆ ที่สั่งมาจะไม่อร่อย บ้างก็กลัวว่าเมนูที่น่าสนใจจะราคาแพงเกินไป ดังนั้นเจียงฉินเลยเลือกที่จะสั่งแค่สี่เมนูเดิมๆ ที่เคยสั่งประจำ เพราะแทบไม่เคยผิดหวังกับรสชาติมันเลยสักครั้ง นี่คือประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการกินอาหารเดลิเวอรี่ตอนเป็นพนักงานเงินเดือนในชีวิตที่แล้ว
ในขณะที่รออาหาร ผู้คนแทบทั้งหมดที่สัญจรผ่านไปมาอดไม่ได้ที่จะหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขา จากนั้นก็มองไปที่เฟิงหนานซูซึ่งกำลังนั่งอย่างเชื่อฟังด้วยดวงตาที่ส่องประกายความประหลาดใจ
บางคนตกตะลึงมากจนไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้สักพัก จากนั้นก็เดินไปชนแผงลอยของคนอื่นด้วยความงุนงง
เจียงฉินเดาะลิ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
สมน้ำหน้า ใครบอกให้แกมามองสาวรวยของฉัน ทำไมแกไม่โดดลงกระทะของเถ้าแก่ไปเลยล่ะ
เขาถอนสายตากลับมา รวบชุดช้อนส้อมเข้าด้วยกันแล้วล้างด้วยน้ำเดือด จากนั้นก็มุ่งความสนใจไปที่เฟิงหนานซู
“เมื่อกี้เธอบอกว่าแอบฟังเพื่อนร่วมห้องคุยกันอยู่นอกประตู พวกเขาพูดว่าอะไร?”
“เย็นชา ดูเข้าใกล้ยาก ไม่อยากอยู่กับคุณหนูอะไรประมาณนี้”
เฟิงหนานซูเช็ดมุมปากพลางมองไปที่กระทะในมือของเถ้าแก่ร้านแผงลอยริมทางเป็นครั้งคราว
เจียงฉินพยักหน้าหลังจากฟัง เขาอาจจะเข้าใจความคิดของหญิงสาวทั้งห้าคนนั้นแล้ว
เสี่ยวฟู่โผสวยเกินไป สวยจนเหมือนมีออร่าแผ่ออกมารอบๆ ตัว แถมยังมีบอดี้การ์ดคอยเคลียร์ทางให้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่ดูอลังการมาก แม้ว่าการทำความสะอาดห้องพักของพวกเขาจะดูเหมือนเป็นการแสดงความมีน้ำใจ แต่จริงๆ แล้วมันกลับทำให้เพื่อนร่วมห้องรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกกดดันมากกว่า
และหญิงสาวคนนี้ที่เหล่าเพื่อนร่วมห้องมองว่าเธอเป็นหลงอ้าวเทียนเวอร์ชั่นผู้หญิง…
เธอกำลังจ้องมองกระทะสีดำใบใหญ่ด้วยสายตาละโมบ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเธอได้ทำเรื่องวุ่นวายอะไรลงไปบ้าง
อันที่จริงมันง่ายมากที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะหญิงสาวพวกนั้นกลัวเธอมากกว่าเกลียด ตราบใดที่เธอแสดงความปรารถนาดีสักหน่อยก็น่าจะเพียงพอแล้ว
แต่เฟิงหนานซูนั้นซื่อบื้อโดยธรรมชาติและมักจะพูดไม่ตรงประเด็นเท่าไหร่ การให้เธอไปพูดกับเพื่อนร่วมห้องเพื่อแสดงความปรารถนาดีนั้นคงจะไม่ไหวหรอก ดังนั้นจึงต้องหาวิธีอื่นให้เธอ
“เจียงฉิน ฉันอยากกินอันนั้น!”
เจียงฉินหันศีรษะไปทางนิ้วของเธอ และเห็นรถเข็นขายมาร์ชแมลโลว์สีสันสดใสจอดอยู่ข้างๆ: “ไม่ เธอไม่อยากกินพวกมันหรอก”
เฟิงหนานซูกลืนน้ำลาย: “งั้นฉันซื้อเองได้ไหม?”
“ของพวกนี้มีแต่เม็ดสี ลิ้นของเธอจะเปลี่ยนสีหลังจากกินเข้าไป จงเชื่อฟังและห้ามกิน”
“เดี๋ยวฉันซื้อให้นายด้วย นายชอบสีอะไร ฉันชอบสีชมพู นายเอาสีฟ้าไหม?”
เจียงฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป: “เธอช่วยเลิกยัดใต้โต๊ะฉันด้วยของเด็กน้อยแบบนี้ได้ไหม? ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนเขารับสินบนกันหรอก ในเมื่อฉันบอกไม่ได้ก็คือไม่ได้”
เฟิงหนานซูเผยสีหน้าเย็นชาให้เห็นทันที: “เด็กน้อย? ฮึ นายถึงกับนั่งรถหยอดเหรียญมาแล้วด้วยซ้ำ”
“?????”
ดวงตาของเจียงฉินเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ คิดกับตัวเองว่าเรื่องผูกมิตรกับคนอื่นน่ะเธอทำไม่เป็น แต่เรื่องยัดเยียดความผิดให้คนอื่นนี่สิโคตรจะเก่งกาจ ถ้าไม่ใช่เพราะไปเป็นเพื่อนเธอ มิสเตอร์มัสเซิลอย่างฉันจะไปนั่งรถหยอดเหรียญได้เหรอ?
“เจียงฉิน แถวนี้มีรถหยอดเหรียญไหม?”
“อย่าแม้แต่จะคิด”
เจียงฉินจินตนาการถึงฉากที่คนสองคนกำลังเล่นรถหยอดเหรียญท่ามกลางผู้คนที่ถนนคนเดิน ทันใดนั้นขนทั่วร่างก็ลุกชันขึ้นมา
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันเถ้าแก่ก็ทำอาหารเสร็จแล้ว เขารีบยกพวกมันมาเสิร์ฟที่โต๊ะอย่างคล่องแคล่ว
เฟิงหนานซูรู้สึกมีความสุขมากหลังจากได้เห็นของกิน เธอหยุดเรียกร้องของไม่จำเป็นทันที
หลังมื้ออาหารเย็น เจียงฉินพาเฟิงหนานซูไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต หยิบขนมขบเคี้ยวจากชั้นวางแล้วแบ่งเป็นอย่างละห้าถุง
“พอแล้วๆ ฉันกินไม่หมดหรอก”
“ฉันไม่ได้ซื้อให้เธอ”
เฟิงหนานซูตกตะลึงเมื่อได้ยิน ใบหน้าเล็กๆ ซีดเสียไปทันที
เจียงฉินไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเธอ เขายังคงใส่ขนมลงในถุงต่อไป
“เธอพูดไม่เก่ง ในอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้ แค่ตอนอยู่ในหอพักยิ้มให้มากขึ้นก็พอ”
“ไม่ใช่ว่าพวกเพื่อนร่วมห้องเกลียดเธอ พวกเขาก็แค่คิดว่าเธอสูงส่งเกินกว่าจะเข้าถึงได้ เพราะงั้นเธอถึงต้องเป็นฝ่ายแสดงความปรารถนาดีกับพวกเขาก่อน”
“เขาว่ากันว่ากินของคนอื่นนั้นปากอ่อน รับของคนอื่นนั้นมือสั้น ถ้าเธอให้ขนมพวกนี้กับพวกเขา พวกเขาก็จะรู้ว่าเธอเป็นคนเข้ากับคนง่าย”
เจียงฉินพาเธอไปจ่ายเงิน ขณะที่เดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตเขาก็นึกถึงคำพูดของกัวจื่อหัง: “ให้ตายเถอะ ตอนนี้ฉันดูเหมือนพ่อของเธอเลย”
เฟิงหนานซูตื่นตระหนก: “ไม่เอา ฉันมีพ่อแล้ว ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนกับนาย”
“ฉันแค่เปรียบเทียบ!”
“โอ้…ตก ตกใจแทบตาย”
เมื่อทั้งคู่กลับจากถนนคนเดินในมหาวิทยาลัยก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว กลิ่นฮอร์โมนอบอวลไปทั้งมหาวิทยาลัย และในมุมมืดก็มีแต่คู่รักหนุ่มสาวเต็มไปหมด
เจียงฉินเดินถือถุงขนมนำไปด้านหน้า ขณะที่เฟิงหนานซูซึ่งสวมรองเท้าหนังคู่เล็กก็เดิมตามมาติดๆ ทั้งสองคนก้าวเดินภายใต้แสงจันทร์ ด้านซ้ายเป็นต้นหลิวที่ถูกลมพัดโชยไหว ส่วนด้านขวาเป็นผิวน้ำที่ส่องแสงระยิบระยับ
ในขณะที่กำลังเดินเจียงฉินก็หยุดอย่างกะทันหัน เสี่ยวฟู่โผที่ไม่มีเวลาให้เบรกก็ชนเข้ากับเขาโดยไม่คาดคิด มันทั้งกลมทั้งอุ่น ทั้งเด้งดึ๋งและอ่อนนุ่ม
เจียงฉินยกยิ้มมุมปาก คิดว่าคนใสซื่อบริสุทธิ์อย่างเฟิงหนานซูคงไม่ตระหนักถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาหรอก
ดังนั้นเขาจึงทำท่าทางแปลกๆ แบบนี้ซ้ำอีกเจ็ดหรือแปดครั้งตลอดทาง และไม่หยุดจนกระทั่งมาถึงชั้นล่างของหอพักหญิง
“อันนี้ของเธอ กลับไปแล้วอย่าลืมแบ่งให้คนอื่นๆ ด้วย” ท่าทางของเจียงฉินดูเหมือนสุภาพบุรุษ
“เข้าใจแล้ว” เฟิงหนานซูรับถุงมา “ฉันขอแอบกินนิดนึงได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“โอ้”
เจียงฉินแสดงสีหน้าจริงจังและอธิบายกับเธอทีละคำ: “ฉันพูดจริงนะ ถ้าหากว่าเธอแอบกินอะไรบางอย่าง แล้วทำให้คนอื่นๆ มีของครบหมดแต่มีคนเดียวที่ของหายไป ผลที่ตามมาจะยุ่งยากแน่นอน”
เฟิงหนานซูเงียบไปครู่หนึ่งและค่อยๆ ตระหนักถึงบางอย่าง: “ถ้างั้นฉันเลือกมาอันหนึ่งแล้วกินอันนั้นให้หมดทั้งห้าถุงเลยได้ไหม?”
“เธอ…เธอนี่มันฉลาดแกมโกงจริงๆ”
เจียงฉินไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังชมหรือบ่นเธอ เขาโบกมือลาเสี่ยวฟู่โผ จากนั้นก็เดินออกจากบริเวณหอพักหญิงไปท่ามกลางแสงจันทร์
หลังจากเฝ้ามองเขาจากไปแล้ว เฟิงหนานซูก็ก้มศีรษะลงและมองที่หน้าอกตัวเอง ขนตางอนงามของเธอสั่นเล็กน้อย สีหน้าเผยให้เห็นแววครุ่นคิด
สิ่งนี้มันมีดีอะไร เขาแค่มองยังไม่พอ แต่ถึงกับต้องพยายามหาทางสัมผัสมันด้วยซ้ำ
เสี่ยวฟู่โผเงียบไปสักพัก จากนั้นจึงเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับขนมถุงใหญ่ห้าใบในมือ สาวๆ ในห้อง 503 กำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่เมื่อเธอผลักเปิดประตูเข้าไปเสียงข้างในก็เงียบลงทันที ทุกคนหันมามองเธอพร้อมกัน แววตาแสดงออกถึงความตึงเครียดและระมัดระวัง
เฟิงหนานซูสูดหายใจลึกๆ แล้วเดินเข้าไป วางถุงขนมไว้บนโต๊ะของพวกเธอทีละถุง จากนั้นกัดริมฝีปากโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังจากนั้นไม่นานฟ่านซูหลิงก็กระแอมขึ้นมาและส่งสัญญาณให้กับอีกสี่คนที่อยู่รอบๆ เธอ
“เอิ่ม.. เฟิงหนานซู พรุ่งนี้เราจะไปรายงานตัวกันตอนแปดโมงเช้า ไปด้วยกันไหม?”
“ใช่ๆ ไปด้วยกันเถอะ ถ้าช่วงบ่ายไม่มีเรื่องอะไรเราไปกินข้าวด้วยกันเป็นไง?”
เฟิงหนานซูยิ้มและพยักหน้าอย่างมีความสุข พอเห็นแบบนี้ทั้งห้าคนในห้องพักก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบดึงเธอมานั่งตรงกลางวง
บรรยากาศในห้องพักเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น และเสียงหัวเราะที่ใสราวกับระฆังเงินก็ยังดังต่อไป แต่เฟิงหนานซูยังคงพูดไม่เก่ง เธอเพียงแค่ฟังอย่างเงียบๆ
เจียงฉินอาจกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเธอ ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความ QQ มาหาไม่นานหลังจากแยกกัน เขาถามเธอว่าได้เอาของให้ทุกคนแล้วใช่ไหม
เฟิงหนานซูตอบไปว่าอืม จากนั้นก็มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
เธอรู้สึกใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก มันคล้ายกับความเหงาเมื่อครั้งที่แล้วมาก แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะแตกต่างออกไป
(จบตอน)
หลงอ้าวเทียน เป็นชื่อตัวละครที่มักจะถูกนำไปใช้ในนิยายหลายๆ เรื่อง ซึ่งชื่อนี้สื่อถึงลักษณะที่โดดเด่น ทั้งเรื่องเก่งเกินธรรมดา รูปลักษณ์หน้าตาที่หล่อเหลา โชคชะตาที่พิเศษ และเป็นคนมีความมั่นใจสูง ดังนั้นหลงอ้าวเทียนจึงเป็นเหมือนพระเอกสุดเทพในนิยายจีน