ตอนที่ 10: สามสิ่งที่หานซานไม่ชอบ
หัวใจของซ่งซีเจ็บปวดขึ้นมาทันที
คนเดียวที่เธอไม่เคยตัดสินใจผิดพลาดในชีวิตก่อนคือเหยียนเจียง
ซ่งซีลูบหน้าอกของตัวเองก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย วันนี้ไปสัมภาษณ์งานนักบินมา และได้เป็นนักบินฝึกหัด เราออกไปดื่มฉลองกันไหม?”
ซ่งซีรู้สึกดีกับเหยียนเจียงเป็นพิเศษ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ร้องไห้ให้เธอหน้าห้องฉุกเฉินหลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ บางทีเขาอาจเป็นคนเดียวที่มาเยี่ยมหลุมศพของเธอในวันครบรอบการเสียชีวิต
“ได้สิ ไปดื่มกันเถอะ!”
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
หลังจากเปลี่ยนชุด ซ่งซีปล่อยผมลอนยาวของเธอและแต่งหน้าอย่างประณีต พร้อมสวมแว่นกันแดด จากนั้นเธอก็ยืนหน้ากระจกถ่ายเซลฟี่โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ ก่อนโพสต์ลงใน Weibo แล้วออกเดินทางไปที่บาร์
ในขณะเดียวกัน คนขับรถของหานซานก็กำลังขับรถพาหลี่ลี่กลับบ้าน ด้วยความสงสัย หลี่ลี่จึงค้นหาข้อมูลของซ่งซีใน Weibo เพื่อรู้จักนักบินฝึกหัดคนใหม่ให้มากขึ้น จุดประสงค์หลักของเขาคืออยากเห็นว่าเธอสวยขนาดไหน
หลังจากเลื่อนดูโปรไฟล์ของเธอ หลี่ลี่ก็พบว่าเธอสวยจริง ๆ จึงกดติดตามทันที
ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกที่จะไม่ชื่นชมผู้หญิงสวย ๆ
หลี่ลี่กำลังจะออกจาก Weibo เมื่อเห็นว่าซ่งซีเพิ่งโพสต์อะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา ด้วยความอยากรู้ เขาจึงคลิกเข้าไปดู
[ซ่งซี: คืนนี้ฉันจะเป็นสาวที่เท่ที่สุดในเมืองหวังตง! พร้อมรูปภาพ.jpg]
หลี่ลี่กดดูรูป
ในรูป ซ่งซีสวมเสื้อเชิ้ตยีนส์คลุมทับเสื้อสายเดี่ยวสีดำแบบเปิดอกเล็กน้อย พร้อมกางเกงขาสั้นที่เน้นเรียวขายาวและสะโพกที่ชวนมอง
ภาพเซลฟี่นี้ถ่ายหน้ากระจกยาว เธอถือโทรศัพท์มือถือในมือขวา ส่วนมือซ้ายเล่นผมลอนของตัวเอง เพียงแค่ภาพนิ่ง แต่ความร้อนแรงของซ่งซีก็สื่อออกมาได้อย่างชัดเจน
หลี่ลี่ส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้หานซานหลุดพ้นจากสถานะโสดได้
เมื่อพูดถึงผู้หญิง หานซานมีสามสิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุด
หนึ่ง เขาไม่ชอบผู้หญิงที่มีผมลอน สอง เขาไม่ชอบผู้หญิงที่มีรูปร่างอวบอิ่มเกินไป และสาม เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เจ้าชู้และแสดงท่าทางยั่วยวน
ซ่งซีมีทุกข้อที่ว่ามา
...
เมื่อมาถึงบาร์ ซ่งซีขึ้นไปที่ชั้นสองและหายานเจียงที่นั่งอยู่ในบูธด้านซ้าย
เหยียนเจียงเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร
เขาเป็นนักแสดงและถือว่าเป็นชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในวงการบันเทิง เขาเป็นหนึ่งในดาราระดับแถวหน้า
เหยียนเจียงมีแฟนคลับมากมายและได้รับความนิยมอย่างมาก
ด้วยความที่เขาหล่อเกินไป ทำให้เหยียนเจียงหาโอกาสได้รับตอนที่เหมาะสมได้ยาก นอกจากนี้ เขายังเป็นคนเลือกบทมากและปฏิเสธภาพยนตร์ที่ไม่มีบทดี ๆ จนสุดท้าย แม้ว่าเขาจะเป็นที่นิยม แต่ก็ไม่สามารถแสดงภาพยนตร์ได้บ่อยนัก
เมื่อสามปีก่อน ปาปารัสซี่พยายามล้อเลียนเขาที่ไม่ได้เล่นภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยถามเขาอย่างเหน็บแนมว่า
‘งานสร้างที่สมบูรณ์แบบที่สุดของคุณคืออะไร?’
เหยียนเจียงตอบได้อย่างน่าชื่นชม ‘ตัวผมเอง ผมคืองานสร้างที่สมบูรณ์แบบที่สุด’
แม้ว่าจะมีคนล้อเลียนว่าเหยียนเจียงเรื่องความจุกจิกและหลงตัวเอง แต่แฟนคลับของเขายังคงรักและสนับสนุนเขาเสมอ
เหยียนเจียงกับซ่งซีเคยเป็นเพื่อนบ้านกันตั้งแต่เด็ก ครอบครัวทั้งสองสนิทสนมกันมาก แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวและครอบครัวมู่รับซ่งซีไปดูแล เหยียนเจียงก็ขาดการติดต่อกับทั้งซ่งซีและซ่งเฟย
ซ่งซีเติบโตขึ้นมาเป็นเดบูตองต์แห่งเมืองหวังตงและเป็นผู้มีอิทธิพลทางสังคม ในขณะที่เหยียนเจียงกลายเป็นนักแสดงนำชายที่หล่อที่สุดในวงการบันเทิง เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จต่างฝ่าย ต่างก็ได้พบกันในงานแฟชั่นแห่งหนึ่ง หลังจากพูดคุยกันก็พบว่าพวกเขาเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็ก
พวกเขาเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อได้พบกันอีกครั้งในวัยผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์จึงกลับมาแน่นแฟ้นและกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเขาจะเป็นนักแสดงชาย แต่เหยียนเจียงกลับมีความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์พื้นฐาน แพทย์คลินิก และนิติวิทยาศาสตร์น่าประทับใจมาก มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเหยียนเจียงมีความฝันอยากเป็นแพทย์นิติเวช
เขามักพูดว่า ถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง เขาจะเป็นแพทย์นิติเวชและใช้ชีวิตอยู่กับคนตาย
เมื่อซ่งซีเจอเหยียนเจียง เขากำลังอ่านหนังสือวิชาผ่าตัดพร้อมกับทานป๊อปคอร์นไปด้วย
เหยียนเจียงสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อแขนยาวสีดำลายขนนก และมีสร้อยเงินห้อยคอ
แม้ว่าเขาจะใส่เสื้อผ้าแบบเรียบง่าย แต่ผู้ชายหล่อก็คือผู้ชายหล่อ ต่อให้เป็นเสื้อยืดธรรมดา เขาก็ยังดูหล่อเกินจะห้ามใจ
ซ่งซีเดินไปนั่งข้างเหยียนเจียงและรินไวน์แดงใส่แก้วตัวเอง
เหยียนเจียงหันมามองซ่งซีอย่างพิจารณาอยู่นาน แม้ว่าท่าทีของเขาจะดูเย่อหยิ่ง แต่เสียงของเขากลับนุ่มนวลและอ่อนโยน “ไม่ได้เจอแค่ไม่กี่วัน เธอดูเปลี่ยนไปนะ”
ซ่งซีชะงัก
ซ่งซีมองสบตาเหยียนเจียงพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ดูมีเลศนัย “ฉันเปลี่ยนไปตรงไหนเหรอ? มาลองทายดูสิว่าจะเดาถูกไหม”
เหยียนเจียงจ้องลึกลงไปในดวงตาของซ่งซีก่อนจะเม้มปาก “เธอดูเจ้าชู้มากขึ้น”
ซ่งซีที่เหลือไวน์แดงในแก้วอยู่ราวหนึ่งอึก สาดมันไปที่หน้าเหยียนเจียงทันที
เหยียนเจียงเคยชินกับท่าทีที่ร้ายกาจของเธออยู่แล้ว
เขาหยิบผ้าเช็ดปากมาเช็ดหน้า พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ “เธอซวยแล้ว ใบหน้าฉันทำประกันไว้ เธอกล้าสาดไวน์ใส่ฉันแบบนี้ ไม่กลัวแฟนคลับฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ เหรอ?”
ซ่งซีขอโทษแบบไม่จริงใจเลยสักนิด “ฉันผิดไปแล้ว”
“ไม่รับคำขอโทษ” เหยียนเจียงเช็ดหน้าจนสะอาดแล้วพับผ้าเช็ดปากอย่างเรียบร้อยก่อนจะโยนมันลงในที่เขี่ยบุหรี่
นี่เป็นหนึ่งในนิสัยแปลก ๆ ของเขา
ซ่งซีมองลงไปที่ฝูงวัยรุ่นที่กำลังเต้นราวกับคนบ้าบนฟลอร์เต้นรำ ก่อนที่เหยียนเจียงจะพูดขึ้นอีกครั้ง “เธอเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า? ฉันรู้สึกว่าเธอดูอารมณ์ไม่ดีเลย”
ซ่งซีหันไปมองเขา
ภายใต้แสงไฟกระพริบ เหยียนเจียงมีสีหน้าจริงจัง
ราวกับว่าเธอได้ยินเสียงสะอื้นอย่างรุนแรงของเหยียนเจียงข้างห้องฉุกเฉิน ความคิดนี้ทำให้หัวใจของซ่งซีสั่น เธอเอนตัวไปพิงศีรษะของเหยียนเจียง
เหยียนเจียงถึงกับตกใจ เขาดูทึ่งและไม่คาดคิด
ซ่งซีเป็นผู้หญิงที่แกร่งและร้ายเสมอ เธอไม่เคยเผยด้านที่อ่อนแอให้ใครเห็น แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างเหยียนเจียงก็ไม่เคยเห็นเธอในสภาพแบบนี้มาก่อน
เหยียนเจียงรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น? ใครแกล้งเธอ?”
ซ่งซีพูดขึ้นเบา ๆ “ในที่สุดฉันก็เชื่อแล้วว่าถ้าวันหนึ่งฉันต้องตาย และมีใครสักคนร้องไห้ให้ฉัน คน ๆ นั้นคงเป็นนาย”
‘ตั้งแต่ฉันเคยได้ยินนายร้องไห้ให้ฉันมาก่อน ฉันไม่อยากให้นายต้องร้องไห้ให้ฉันอีกแล้วในชีวิตนี้’
คำพูดของซ่งซีทำให้เหยียนเจียงถึงกับอึ้งและรู้สึกซาบซึ้ง แม้กระนั้น เขาก็ผลักซ่งซีออกเบา ๆ “อย่ามาเนียนนะ ไปไกล ๆ เลย”
ซ่งซีที่กำลังอารมณ์เศร้าไม่ทันได้ตั้งตัวกับการผลักของเหยียนเจียง เธอเซไปข้างหนึ่งและชนกับพนักงานเสิร์ฟที่ถือถาดเครื่องดื่มอยู่ ส่งผลให้ถาดเครื่องดื่มทั้งหมดพลิกคว่ำและเครื่องดื่มทั้งหมดก็สาดใส่เธอเต็ม ๆ
ทุกคนในบาร์อึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซ่งซีเองก็พูดไม่ออก
นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เธอไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับเหยียนเจียงเลย แม้ว่าเขาจะหล่อขนาดไหนก็ตาม
เหยียนเจียงเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทั้งคู่จึงได้แต่มองหน้ากัน
“ขอโทษจริง ๆ” เหยียนเจียงยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้
ซ่งซีพูดเสียงเย็นชา “ไปให้พ้น!”
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ทั้งสองก็ไม่สามารถสนุกต่อไปได้อีก เหยียนเจียงจึงจ่ายบิลและพาซ่งซีออกจากบาร์
เหยียนเจียงกอดหนังสือวิชาผ่าตัดของเขาเอาไว้ มองดูผมเปียกโชกของซ่งซี เขาถามอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันเรียกคนขับรถมาแล้ว แล้วเธอจะกลับยังไง?”
ซ่งซีตอบ “ฉันจะเรียกรถส่วนตัวไป”
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ซ่งซีก็มองไปยังถนนฝั่งตรงข้ามทันที
เหยียนเจียงมองตามสายตาของเธอและเห็นมู่ชิว เธอกำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนสาว ดูเหมือนเธอจะไม่สบายและกำลังเอนตัวพิงเพื่อนสาวคนหนึ่งอย่างอ่อนแรง