ตอนที่แล้วบทที่ 7 ควบคุมอันเดตและเจราฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 ปะทะมัลคอล์ม

บทที่ 8 ดูดซับชิ้นส่วนของราชาอมตะ


บทที่ 8 ดูดซับชิ้นส่วนของราชาอมตะ

เกือบไปแล้ว

'กัดคอมันเกือบไม่เข้า...'

ไม่ว่าจะเป็นโล่เวทมนตร์หรือความแข็งแกร่งของอันเดดที่ได้รับการเสริมด้วยพลังแห่งความมืดที่ไม่สูงเกินไป ในตอนแรกเจราฟก็สามารถหลีกหนีจากกัดนั้นได้

แม้กระทั่งเมื่อพลังแห่งความมืดของเจอราฟผลักไสเขาออกไป มันก็ยังน่าวิตกกังวลอยู่มาก

หากเขาไม่รู้จักเวทมนตร์ของโลกนี้ ก็ยากที่จะตอบสนองอะไรได้ทัน

โชคดีที่เขาสามารถใช้ซอมบี้ที่อยู่ข้างหลังเขามาหยุดอีกฝ่ายไว้ได้ และเกือบจะล้มเหลวในแผนการลอบสังหาร

เขาจ้องมองร่างไร้วิญญาณของเจอราฟ

ซอมบี้หนุ่มจากหมู่บ้านยังคงก้มอยู่ตรงนั้นและกัดแทะคอของเขา

พวกเขามีความขัดแย้งกันตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว

พวกอันเดดทั้งหมดที่นี่ รวมถึงซอมบี้ตัวนั้นด้วย ล้วนเป็นคนที่ถูกพวกมันฆ่าทั้งสิ้น

นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมครั้งแรกที่เขาฆ่าใครสักคน ความตกใจและผลกระทบเชิงลบทางจิตใจจึงไม่รุนแรงมากนัก

อันที่จริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่มี 'แยกจิต' ไม่รู้ว่าความคิดของเขาจะเตลิดไปไหน..ถ้าเป็นเช่นนั้นมันคงอันตราย แต่โชคดีที่ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการฆ่าตัวละครในเกมเลย

แต่ตอนนี้มีปัญหาที่ต้องพิจารณา

'จริงๆแล้ว ฉันกำลังวางแผนที่จะตีศีรษะของเขาด้วยก้อนหินจากด้านหลัง'

เมื่อการเห็นการกระทำของเจราฟทำให้เขาโกรธ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำทันที

ขณะที่เขาตั้งสติไว้ว่าจะโจมตี ร่างของฮันส์ก็เล็งไปที่คอของอีกฝ่ายโดยสัญชาตญาณและโจมตีทันที

การตอบสนองที่ตามมาแทบจะถูกชี้นำโดยร่างกาย

'นี่มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน'

ถึงแม้ว่ามันจะเคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณ แต่สถานการณ์ก็เร่งด่วน ดังนั้น เขาจึงสามารถปล่อยให้มันจัดการตามสัญชาตญาณ

และแน่นอนว่ามันมีประสิทธิผลมากกว่าการใช้ก้อนหินทุบไปที่ด้านหลังศีรษะของอีกฝ่าย

ถ้าเขาทำตามแผนเดิมก็คงจะไม่เกิดการโล่เวทมนตร์ได้

'แต่ถ้าลองคิดดูจริงๆ ความรู้สึกนี้ก็คือ...'

ใช่ มันเป็นเหมือนนิสัยที่ฝังรากลึกในร่างกาย

ถ้าเขามีสติเขาก็จะพอควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีสติมากพอ มันก็จะเคลื่อนไหวไปเองโดยไม่รู้ตัว

เขาตระหนักรู้ว่าเขาไม่สามารถเพิกเฉยต่ออิทธิพลของสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในร่างกายของอันเดตได้

แน่นอนว่ามันไม่ได้ส่งผลเสียเสมอไป และมันยังสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องระมัดระวังไว้ก่อน

และถึงเวลาที่ต้องดำเนินการตามแผนต่อไปแล้ว

หัวหน้าหมู่บ้านมัลคอล์ม

ไม่สิ เขาคือหนึ่งในผู้อาวุโสขององค์กร 'การกลับมาของคำพิพากษา' ที่ตั้งรกฐานอยู่ในทวีปนี้ เขากำลังเฝ้าดูฉากที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความพึงพอใจ

มันเป็นอัญมณีสีดำที่เต้นระรัวไปด้วยออร่าแห่งความตายที่ถูกดูดซับมาจากอันเดดรอบๆ

เขาได้ค้นหา 'หัวใจของราชาอมตะ' มานานหลายทศวรรษ

แต่สิ่งที่เขาพบในที่สุดหลังจากความยากลำบากมากมายเป็นเพียงชิ้นส่วนที่ไม่สมบูรณ์ของราชาอมตะเท่านั้น

และในกระบวนการย้ายมันไปยังสำนักงานใหญ่ มีความเสี่ยงที่จะเปิดเผยต่อนิกายต่างๆ ของทวีป ดังนั้นเขาจึงเลือกหมู่บ้านบนภูเขาห่างไกลที่ไม่มีใครมาและปิดผนึกชิ้นส่วนไว้ที่นี่ เพื่อทำให้มันสมบูรณ์และกักขังพลังของมันไว้บางส่วน

เวลาได้ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว

‘ใกล้ถึงเวลาแล้ว แค่รออีกนิด หลังจากนั้น...’

ทรัพยากรที่เขาทุ่มเทลงไปใน 'ชิ้นส่วนของราชาอมตะ' นี่ไม่น้อยเลย

ทำให้แม้แต่ตำแหน่งของเขาเองก็ไม่มั่นคงแล้วตอนนี้

“แต่เมื่อสิ่งนี้สำเร็จ ทุกสิ่งจะพลิกกลับ แข็งแกร่งของข้าก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม...”

“ท่านอาจารย์..”

ทันใดนั้นศิษย์ของเขาที่กำลังเฝ้าทางเข้าก็ติดต่อมาหาเขา

“เกิดอะไรขึ้น..?”

“อาจารย์ครับ มีบางอย่างเกิดขึ้นข้างนอก”

….

“พี่ชายของฉันอยู่ในนั้น!...”

“แล้วเขาก็พึ่งออกมาไม่นานนี้เอง”

มีชายรูปลักษณ์คล้ายฮันส์กำลังสร้างความวุ่นวายอยู่หน้าหมู่บ้าน

คนตรงหน้าเขาคือชายวัยกลางคนที่เขาพบครั้งแรกเมื่อเขาค้นพบหมู่บ้าน

“เอาล่ะ สัญญาณน่าจะชี้มาทางนี้แน่นอน! ให้ฉันเข้าไปยืนยันหน่อยเถอะ”

“ฉันไม่มีทางปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาข้างในหรอก!”

“ถ้าอย่างนั้นโปรดให้ฉันคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านหน่อยเถอะ!”

ถ้าเขาสามารถล่อหัวหน้าหมู่บ้านออกมาได้ก็คงจะดีที่สุด แต่อีกฝ่ายไม่ออกมาก็ไม่เป็นไร

เขายังคงได้รับข้อมูลสำคัญบางอย่างได้

การไม่ออกมาหมายความว่าเขาคงยุ่งกับเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง และมีสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวในหมู่บ้านนี้

“ฉันเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ มีเรื่องอะไรถึงได้วุ่นวายเช่นนี้”

มัลคอล์มไม่คิดว่าจะมีคนมาตามหาคนที่เขาคิดว่าถูกกำจัดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะมีสิ่งอื่นเกิดขึ้น

เขาทักทายหัวหน้าหมู่บ้านมัลคอล์มด้วยรอยยิ้มอันสุภาพ

“สวัสดี ฉันชื่อไฮนซ์ ฉันสร้างความวุ่นวายโดยไม่ตั้งใจเพราะเชื่อว่าฮันส์ พี่ชายฝาแฝดของฉันอยู่ที่นี่”

“อืม ฮันส์... ชื่อนั้นคุ้นหู แต่ชายหนุ่มคนนั้นมาที่นี่เพราะเขาหลงทางตอนเดินทางคนเดียวไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ… ฉันรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะบอกว่า เราเพิ่งทะเลาะกันใหญ่โตเมื่อไม่นานนี้และแยกทางกัน แต่ฉันรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องคืนดีกัน ดังนั้นฉันจึงมาหาเขา”

อีกฝ่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อเขา

เพราะอย่างไรก็ตาม หน้าของเขาก็ดูเหมือนฮันส์อย่างมากเลยล่ะ

แล้วตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าเขาจะต้องจากไปตอนนี้

เพราะเขาได้บรรลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว

….

ขณะที่ไฮนซ์ทำให้เกิดความวุ่นวายนอกหมู่บ้านและยืนยันการปรากฏตัวของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ฮันส์ก็เคลื่อนไหวทันที

เขาอยากจะหารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการถูกพบเจอก็ตาม

อาจมีจุดที่ไม่คาดฝันที่ไม่ได้มาจากภายนอกแต่มาจากหัวใจที่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนานี้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงมายืนอยู่ตรงหน้า "เศษเสี้ยวของราชาอมตะ" ได้ไม่ถูกอะไรขัดขวาง

และไม่ต้องผ่านคนกลางอย่างอัลเฟรด เขานสามารถสัมผัสชิ้นส่วนนั้นโดยตรงและเข้าใจได้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านกำลังทำอะไร

แล้วทำไมพวกอันเดดถึงมาล้อมรอบมันแบบนี้

มันดูดซับพลังแห่งความมืดจากพวกอันเดดใช่ไหม?

แล้วเสียงสะท้อนพวกนี้ละ?

แปลว่าชิ้นส่วนนั้นไม่ได้เพียงแค่ดูดซับพลังแห่งความมือเท่านั้นใช่ไหม?

เนื่องจากมันอยู่ในสถานะที่ไม่สมบูรณ์ เขาน่าจะสามารถเชื่อมต่อกับมันได้ใช่หรือป่าว แม้ว่านี้จะเป็นความคิดที่ยากจะเป็นไปได้ก็ตาม

ถ้าลองคิดดูแล้ว มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามยืนอยู่รอบๆ เท่านั้น รวมถึงซอมบี้และอัศวินไร้หัวด้วย

แม้ดูเหมือนว่าสิ่งที่อ่อนแอที่สุดคืออัศวินโครงกระดูก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังดูเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาเห็นในโกดังแรกมากนัก

“แปลว่าโกดังที่ฉันอยู่เป็นโกดังสินค้าชำรุดและใช้เก็บซากที่ทิ้งเหรอเนี่ย มันยากจะยอมรับจริงๆ”

ในกระบวนการ "การทำให้ชิ้นส่วนสมบูรณ์" นั้น อันเดดระดับต่ำจะกลายเป็นของเหลือใช้หรือขยะรอการรีไซเคิล

บางทีพวกมันอาจถูกทำเป็นเศษเล็กเศษน้อยเพื่อใช้เป็นอาหารหากมีอันเดดที่ดูมีประโยชน์ปรากฏขึ้น

'ที่จริงมันเป็นโชคดีสำหรับฉันที่ไม่ได้อยู่โกดังนี้ แต่ก็น่าหงุดหงิดอยู่ดี'

ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ชิ้นส่วนนั้น เขารู้สึกว่าพลังแห่งความมืดในร่างกายของเขาก็ถูกดูดเข้าไปด้วยพลังอันล้นหลาม

ทำให้เขาตระหนักถึงความอันตรายของมัน

หากสิ่งมีชีวิตทั่วไปมาสัมผัส ก็จะตายหรือกลายเป็นอันเดตในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ

นอกเหนือจากพลังที่มันครอบครอง มันยังราวกับเต็มไปด้วยคำสาปอันทรงพลังอีกด้วย

เขายื่นมือออกไปหา "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ"

“ฉันอาจจะสามารถทดลองดูดซับพลังของมันดูบ้างได้”

แน่นอนว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้มันครอบงำเขาโดยเต็มใจ

เพราะเขามีความเชื่อของตัวเอง

….

“พวกเราเป็นฝาแฝด เรารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนตั้งแต่เกิด”

“เฮ้อ เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ…”

ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสกลับแข็งทื่อลงอย่างกะทันหัน

จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเต็มไปด้วยออร่าสังหารในขณะที่เขามองไปทางหมู่บ้าน

มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับชิ้นส่วนนั้น

นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาจัดการกับเรื่องน่ารำคาญเล็กๆ น้อยๆ นี้

"ฆ่าไอ้นี่ซะ!"

มัลคอล์มใช้พลังแห่งความมืดทันทีและมุ่งหน้าไปยังที่ที่ชิ้นส่วนนั่นอยู่ พร้อมตะโกนคำสั่งออกมา

ชายวัยกลางคนชื่อโบคัล อัศวินผู้สาบานตนต่อเทพเจ้าแห่งความตาย เขาได้หันร่างเพื่อที่จะไปฆ่าไฮนซ์ แต่…

"เขาหายไปไหน?"

ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย

….

“ฆ่าพวกมันให้หมด”

...ความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง ความทุกข์ทรมาน การกดขี่ ความบ้าคลั่ง ความขาดแคลน ความเกลียดชัง ความปรารถนาในการกลืนกิน ความโกรธ…

อารมณ์ด้านลบสารพัดพาพุ่งพล่านเข้ามาไม่หยุดหย่อน

“จงเกลียดชังสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย จงปกคลุมแผ่นดินนี้ด้วยความสิ้นหวัง เมื่อโลกเต็มไปด้วยความตายมากขึ้น พลังของคุณก็จะแข็งแกร่งขึ้น จงกำจัดความมีชีวิตชีวาให้สิ้นซาก…”

ปริมาณข้อมูลและความรู้สึกด้านลบที่ถูกกรองผ่าน "แยกจิต" นั้นมหาศาลมาก

ในระดับนี้ใครก็ตามที่สัมผัสกับพลังงานนี้ก็จะกลายเป็นอันเดดโดยธรรมชาติ และจิตใจของพวกเขาจะถูกชิ้นส่วนนี้กลืนกินไปจนหมดสิ้น

ใครจะสามารถคงสติไว้ได้เมื่อเผชิญกับอารมณ์ที่ท่วมท้นเหล่านี้ได้ล่ะ

'แต่นี่ไม่มีผลกับฉันเลย'

เขาจึงรีบทำงานต่อไป

มัลคอล์มคงสังเกตเห็นและมุ่งหน้าไปทางนี้ ดังนั้นเวลาจึงเหลือน้อยแล้ว

'ฉันอาจต้องเปลี่ยนวิธีการ เพราะไม่งั้นไม่ทันแน่'

ณ จุดนี้ สิ่งที่เขาทำตอนนี้อาจไม่ได้ผลมากนัก

บางทีหากเขาสามารถต้านทานอิทธิพลของชิ้นส่วนนี้ได้ เขาอาจจะเชื่อมต่อกับมันได้บ้าง

“เอาล่ะ ลองดูก็แล้วกัน ฉันหวังว่ามันจะได้ผลนะ”

ในขณะที่ดูดซับพลังแห่งความมืดไปด้วย เขาก็ได้พยายามที่จะเชื่อมต่อกับ "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ" เพื่อบางทีอาจสามารถควบคุมมันได้

โดยปกติแล้วสิ่งนี้จะเป็นไปไม่ได้

แต่อย่างไรก็ตาม เขาเป็นอันเดตเหมือนกันและสามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีทางจิตอันรุนแรงที่ส่งมาจากชิ้นส่วนนั้นได้ โดยยังคงความตระหนักรู้ในตนเองเอาไว้

'แม้ว่าสิ่งนี้มันจะไม่ได้ผลและใช้งานไม่ได้แล้ว ฉันก็จะถือว่าเป็นความสำเร็จในการขัดขวางเรื่องราวของพวกเขาได้'

ชิ้นส่วนนั้นไม่สมบูรณ์และมีความเปราะบางในบางจุด จู่ๆ มันก็เกิดการสั่นสะเทือนและเกิดความบกพร่องขึ้น

เขาใส่คำว่า 'ฮันส์' เข้าไปในความบกพร่องนั้น

ผลลัพธ์ก็ปรากฏชัดเจนอย่างรวดเร็ว

[คุณได้บรรลุเงื่อนไขการทำให้ชิ้นส่วนของราชาอมตะสมบูรณ์แล้ว ได้รับทักษะพิเศษ 'ปัญญาอันชั่วร้าย']

ข้อความนั้นปรากฏตรงหน้าเขา

แต่ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

ร่างกายของเขาไม่มีอะไรแตกต่างยังคงเป็นกระดูกเหมือนเดิม แต่คุณภาพตัวตนของเขาเปลี่ยนไป

และความรู้ใหม่ๆ ก็ถูกจารึกไว้ในจิตใจของฉันโดยธรรมชาติ

“โอ้ ฉันพูดได้งั้นหรือ?”

ด้วยการทำให้เส้นเสียงสั่นสะเทือนด้วยพลังแห่งความมืด ตอนนี้เขาสามารถพูดได้แล้ว แต่เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

เขาก้มหัวลงและมองดูร่างกายของตัวเอง

อัญมณีสีดำเต้นระรัวอยู่ระหว่างซี่โครงหน้าอก

มีหัวใจปรากฏขึ้นมา

<ข้อมูลส่วนบุคคล>

- ชื่อ : ฮันส์

- สายพันธุ์: อันเดด (เดมิลิช)

- ลักษณะทั่วไป: "แยกจิต", "การฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว"

- ลักษณะเฉพาะ: "หัวใจที่เสื่อมสลาย" "ปัญญาอันชั่วร้าย" "ความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับเวทมนตร์"

- หมายเหตุพิเศษ: พลังของคุณจะเพิ่มขึ้นตามพลังของ "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ (1/3)" พลังแห่งความมืดที่แฝงอยู่ภายในเศษชิ้นส่วนได้ประสานเข้ากับคุณ ไม่มีการปนเปื้อนทางจิตเกิดขึ้นเนื่องมาจากอิทธิพลของ "แยกจิต" นอกจากนี้คุณได้พัฒนาจาก "โครงกระดูกชั้นยอด" เป็น "เดมิลิช" ปรมาจารย์แห่งเวทย์แห่งความมืด

….

วันนี้ฮวนกลับมาเฝ้าหน้าทางลับของโกดังอีกแล้ว

การไม่จัดการกับหนูซอมบี้ที่หลบหนีออกไปเมื่อวานอย่างทันเวลา ทำให้เขาถูกลงโทษไปด้วย

"เฮ้อ เป็นเพราะไอ้เจอราฟนั่น ฉันเลยต้องเจอกับเรื่องไร้สาระนี่"

เมื่อคิดดูแล้ว เวลาก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้ว และเจราฟก็ยังไม่ปรากฏตัว

“แน่นอน มันชัดเจนอยู่แล้ว เขาคงกำลังอาละวาดอยู่แน่ๆ”

ฮวนเอนหลังและพิงหลังกับเก้าอี้

หนึ่งปีผ่านไป แต่หมู่บ้านห่างไกลนี้ยังคงเงียบสงบเหมือนเคย

หน้าที่หลักของเขาคือบอกข่าวจากประตูทางเข้าไปให้อาจารย์ที่อยู่ข้างใน

“ฮวน! เฮ้! ตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่?”

บูม!

ทันใดนั้น เวทมนตร์สื่อสารของอาจารย์ก็ดังขึ้น และฮวนก็ล้มลงไปด้านหลังและล้มลงพร้อมกับเก้าอี้ของเขา

“ครับท่านอาจารย์ ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติเลยครับ!”

แม้ว่าจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและนั่งพิงเก้าอี้ ลูบศีรษะด้านหลัง แต่เสียงของฮวนก็ไม่ได้ทำให้อาจารย์สงบลงเลย

“ไม่มีอะไรผิดปกติบ้าบออะไร... ไม่สิ รีบตรวจสอบชิ้นส่วนนั้นเร็วเข้า! เร็วเข้า! ติดต่อหาเจราฟด้วย!”

“ครับๆ! เดี๋ยวผมเช็คให้ทันทีครับ!”

เนื่องจากมีรูปแบบกีดขวางอยู่รอบตำแหน่งของชิ้นส่วน การสื่อสารจึงต้องถูกส่งต่อเข้าไปในโกดังโดยใช้อุปกรณ์วิเศษพิเศษที่ติดตั้งไว้ที่ทางเข้า

“เฮ้! เจราฟ! ไปตรวจดูเศษชิ้นส่วนนั้นสิ... ห๊ะ?”

ขณะที่ฮวนรีบส่งข้อความถึงเจราฟ เขาก็หยุดและตรวจสอบอุปกรณ์วิเศษอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ส่งข้อความอีกครั้ง

“เจอราฟ? เฮ้ คุณได้ยินฉันไหม?”

ไม่มีคำตอบซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างมาก

มันไม่ได้เชื่อมต่ออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

“อะไรนะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ขณะนั้นเอง ฮวนผู้ตกใจก็รีบลุกจากที่นั่ง

วูบบ

จากนั้นจู่ๆ วงเวทย์ที่ทางเข้าโกดังตอบสนองและประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ เจราฟ ทำไมอยู่ๆ คุณถึง...”

ฮวนจ้องกลับไปที่ประตูเปิด และหยุดนิ่งอยู่กับที่

ไม่ใช่เจราฟที่ยืนอยู่หน้าประตู

“อะไร... ทำไม…มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?...”

มีเหล่าอันเดดหลายร้อยตัวที่ปล่อยพลังลึกลับแผ่กระจายไปทั่วทางเดิน พวกมันบิดตัวเดินออกมาอย่างน่ากลัว

….

การสั่งการอันเดดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาแล้ว

ด้วยปริมาณพลังแห่งความมืดในร่างกายของเขาตอนนี้อยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากตอนแรกอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถแบ่งปันความรู้สึกได้เหมือนตอนที่เชื่อมต่อกับอัลเฟรด แต่การควบคุมก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาไม่ได้มีเพียงซอมบี้และโครงกระดูกเท่านั้น แต่ยังมีอันเดตระดับสูงที่อยู่ใกล้กับชิ้นส่วนนั้นด้วย

'แต่เนื่องจากพวกมันถูกชิ้นส่วนดูดซับพลังเป็นเวลานาน สภาพของพวกมันจึงไม่ดีที่สุด...'

แค่พวกเขายืนขึ้นได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว

พื้นรอบๆ "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ" เต็มไปด้วยซากศพของอันเดด ซึ่งบ่งบอกว่ามีศพจำนวนมากที่ถูกสังเวย

เขานำเหล่าอันเดดเพื่อไปปิดกั้นทางเดิน

‘ตรงนั้นมีสิ่งปิดกั้นอยู่ ดังนั้นฉันจึงออกไปไม่ได้... ฉันควรจะทำลายมันมั้ย?’

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตระหนักถึงสิ่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว และเหมือนกับที่เจราฟทำ ฉันจึงยกมือขึ้นเหนือประตู

จากนั้นฉันก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ประสิทธิภาพของ “ปัญญาอันชั่วร้าย” ได้โดยตรง

วิ้ง

วงเวทย์ตอบรับแล้วประตูก็เปิดออก

พลังแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งลึกลับที่เขาไม่รู้จักอีกต่อไป….

…………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด