บทที่ 8 ดูดซับชิ้นส่วนของราชาอมตะ
บทที่ 8 ดูดซับชิ้นส่วนของราชาอมตะ
เกือบไปแล้ว
'กัดคอมันเกือบไม่เข้า...'
ไม่ว่าจะเป็นโล่เวทมนตร์หรือความแข็งแกร่งของอันเดดที่ได้รับการเสริมด้วยพลังแห่งความมืดที่ไม่สูงเกินไป ในตอนแรกเจราฟก็สามารถหลีกหนีจากกัดนั้นได้
แม้กระทั่งเมื่อพลังแห่งความมืดของเจอราฟผลักไสเขาออกไป มันก็ยังน่าวิตกกังวลอยู่มาก
หากเขาไม่รู้จักเวทมนตร์ของโลกนี้ ก็ยากที่จะตอบสนองอะไรได้ทัน
โชคดีที่เขาสามารถใช้ซอมบี้ที่อยู่ข้างหลังเขามาหยุดอีกฝ่ายไว้ได้ และเกือบจะล้มเหลวในแผนการลอบสังหาร
เขาจ้องมองร่างไร้วิญญาณของเจอราฟ
ซอมบี้หนุ่มจากหมู่บ้านยังคงก้มอยู่ตรงนั้นและกัดแทะคอของเขา
พวกเขามีความขัดแย้งกันตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
พวกอันเดดทั้งหมดที่นี่ รวมถึงซอมบี้ตัวนั้นด้วย ล้วนเป็นคนที่ถูกพวกมันฆ่าทั้งสิ้น
นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมครั้งแรกที่เขาฆ่าใครสักคน ความตกใจและผลกระทบเชิงลบทางจิตใจจึงไม่รุนแรงมากนัก
อันที่จริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่มี 'แยกจิต' ไม่รู้ว่าความคิดของเขาจะเตลิดไปไหน..ถ้าเป็นเช่นนั้นมันคงอันตราย แต่โชคดีที่ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการฆ่าตัวละครในเกมเลย
แต่ตอนนี้มีปัญหาที่ต้องพิจารณา
'จริงๆแล้ว ฉันกำลังวางแผนที่จะตีศีรษะของเขาด้วยก้อนหินจากด้านหลัง'
เมื่อการเห็นการกระทำของเจราฟทำให้เขาโกรธ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำทันที
ขณะที่เขาตั้งสติไว้ว่าจะโจมตี ร่างของฮันส์ก็เล็งไปที่คอของอีกฝ่ายโดยสัญชาตญาณและโจมตีทันที
การตอบสนองที่ตามมาแทบจะถูกชี้นำโดยร่างกาย
'นี่มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน'
ถึงแม้ว่ามันจะเคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณ แต่สถานการณ์ก็เร่งด่วน ดังนั้น เขาจึงสามารถปล่อยให้มันจัดการตามสัญชาตญาณ
และแน่นอนว่ามันมีประสิทธิผลมากกว่าการใช้ก้อนหินทุบไปที่ด้านหลังศีรษะของอีกฝ่าย
ถ้าเขาทำตามแผนเดิมก็คงจะไม่เกิดการโล่เวทมนตร์ได้
'แต่ถ้าลองคิดดูจริงๆ ความรู้สึกนี้ก็คือ...'
ใช่ มันเป็นเหมือนนิสัยที่ฝังรากลึกในร่างกาย
ถ้าเขามีสติเขาก็จะพอควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีสติมากพอ มันก็จะเคลื่อนไหวไปเองโดยไม่รู้ตัว
เขาตระหนักรู้ว่าเขาไม่สามารถเพิกเฉยต่ออิทธิพลของสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในร่างกายของอันเดตได้
แน่นอนว่ามันไม่ได้ส่งผลเสียเสมอไป และมันยังสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องระมัดระวังไว้ก่อน
และถึงเวลาที่ต้องดำเนินการตามแผนต่อไปแล้ว
…
หัวหน้าหมู่บ้านมัลคอล์ม
ไม่สิ เขาคือหนึ่งในผู้อาวุโสขององค์กร 'การกลับมาของคำพิพากษา' ที่ตั้งรกฐานอยู่ในทวีปนี้ เขากำลังเฝ้าดูฉากที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความพึงพอใจ
มันเป็นอัญมณีสีดำที่เต้นระรัวไปด้วยออร่าแห่งความตายที่ถูกดูดซับมาจากอันเดดรอบๆ
เขาได้ค้นหา 'หัวใจของราชาอมตะ' มานานหลายทศวรรษ
แต่สิ่งที่เขาพบในที่สุดหลังจากความยากลำบากมากมายเป็นเพียงชิ้นส่วนที่ไม่สมบูรณ์ของราชาอมตะเท่านั้น
และในกระบวนการย้ายมันไปยังสำนักงานใหญ่ มีความเสี่ยงที่จะเปิดเผยต่อนิกายต่างๆ ของทวีป ดังนั้นเขาจึงเลือกหมู่บ้านบนภูเขาห่างไกลที่ไม่มีใครมาและปิดผนึกชิ้นส่วนไว้ที่นี่ เพื่อทำให้มันสมบูรณ์และกักขังพลังของมันไว้บางส่วน
เวลาได้ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว
‘ใกล้ถึงเวลาแล้ว แค่รออีกนิด หลังจากนั้น...’
ทรัพยากรที่เขาทุ่มเทลงไปใน 'ชิ้นส่วนของราชาอมตะ' นี่ไม่น้อยเลย
ทำให้แม้แต่ตำแหน่งของเขาเองก็ไม่มั่นคงแล้วตอนนี้
“แต่เมื่อสิ่งนี้สำเร็จ ทุกสิ่งจะพลิกกลับ แข็งแกร่งของข้าก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม...”
“ท่านอาจารย์..”
ทันใดนั้นศิษย์ของเขาที่กำลังเฝ้าทางเข้าก็ติดต่อมาหาเขา
“เกิดอะไรขึ้น..?”
“อาจารย์ครับ มีบางอย่างเกิดขึ้นข้างนอก”
….
“พี่ชายของฉันอยู่ในนั้น!...”
“แล้วเขาก็พึ่งออกมาไม่นานนี้เอง”
มีชายรูปลักษณ์คล้ายฮันส์กำลังสร้างความวุ่นวายอยู่หน้าหมู่บ้าน
คนตรงหน้าเขาคือชายวัยกลางคนที่เขาพบครั้งแรกเมื่อเขาค้นพบหมู่บ้าน
“เอาล่ะ สัญญาณน่าจะชี้มาทางนี้แน่นอน! ให้ฉันเข้าไปยืนยันหน่อยเถอะ”
“ฉันไม่มีทางปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาข้างในหรอก!”
“ถ้าอย่างนั้นโปรดให้ฉันคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านหน่อยเถอะ!”
ถ้าเขาสามารถล่อหัวหน้าหมู่บ้านออกมาได้ก็คงจะดีที่สุด แต่อีกฝ่ายไม่ออกมาก็ไม่เป็นไร
เขายังคงได้รับข้อมูลสำคัญบางอย่างได้
การไม่ออกมาหมายความว่าเขาคงยุ่งกับเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง และมีสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวในหมู่บ้านนี้
“ฉันเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ มีเรื่องอะไรถึงได้วุ่นวายเช่นนี้”
มัลคอล์มไม่คิดว่าจะมีคนมาตามหาคนที่เขาคิดว่าถูกกำจัดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะมีสิ่งอื่นเกิดขึ้น
เขาทักทายหัวหน้าหมู่บ้านมัลคอล์มด้วยรอยยิ้มอันสุภาพ
“สวัสดี ฉันชื่อไฮนซ์ ฉันสร้างความวุ่นวายโดยไม่ตั้งใจเพราะเชื่อว่าฮันส์ พี่ชายฝาแฝดของฉันอยู่ที่นี่”
“อืม ฮันส์... ชื่อนั้นคุ้นหู แต่ชายหนุ่มคนนั้นมาที่นี่เพราะเขาหลงทางตอนเดินทางคนเดียวไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ… ฉันรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะบอกว่า เราเพิ่งทะเลาะกันใหญ่โตเมื่อไม่นานนี้และแยกทางกัน แต่ฉันรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องคืนดีกัน ดังนั้นฉันจึงมาหาเขา”
อีกฝ่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อเขา
เพราะอย่างไรก็ตาม หน้าของเขาก็ดูเหมือนฮันส์อย่างมากเลยล่ะ
แล้วตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าเขาจะต้องจากไปตอนนี้
เพราะเขาได้บรรลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว
….
ขณะที่ไฮนซ์ทำให้เกิดความวุ่นวายนอกหมู่บ้านและยืนยันการปรากฏตัวของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ฮันส์ก็เคลื่อนไหวทันที
เขาอยากจะหารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการถูกพบเจอก็ตาม
อาจมีจุดที่ไม่คาดฝันที่ไม่ได้มาจากภายนอกแต่มาจากหัวใจที่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนานี้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมายืนอยู่ตรงหน้า "เศษเสี้ยวของราชาอมตะ" ได้ไม่ถูกอะไรขัดขวาง
และไม่ต้องผ่านคนกลางอย่างอัลเฟรด เขานสามารถสัมผัสชิ้นส่วนนั้นโดยตรงและเข้าใจได้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านกำลังทำอะไร
แล้วทำไมพวกอันเดดถึงมาล้อมรอบมันแบบนี้
มันดูดซับพลังแห่งความมืดจากพวกอันเดดใช่ไหม?
แล้วเสียงสะท้อนพวกนี้ละ?
แปลว่าชิ้นส่วนนั้นไม่ได้เพียงแค่ดูดซับพลังแห่งความมือเท่านั้นใช่ไหม?
เนื่องจากมันอยู่ในสถานะที่ไม่สมบูรณ์ เขาน่าจะสามารถเชื่อมต่อกับมันได้ใช่หรือป่าว แม้ว่านี้จะเป็นความคิดที่ยากจะเป็นไปได้ก็ตาม
ถ้าลองคิดดูแล้ว มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามยืนอยู่รอบๆ เท่านั้น รวมถึงซอมบี้และอัศวินไร้หัวด้วย
แม้ดูเหมือนว่าสิ่งที่อ่อนแอที่สุดคืออัศวินโครงกระดูก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังดูเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาเห็นในโกดังแรกมากนัก
“แปลว่าโกดังที่ฉันอยู่เป็นโกดังสินค้าชำรุดและใช้เก็บซากที่ทิ้งเหรอเนี่ย มันยากจะยอมรับจริงๆ”
ในกระบวนการ "การทำให้ชิ้นส่วนสมบูรณ์" นั้น อันเดดระดับต่ำจะกลายเป็นของเหลือใช้หรือขยะรอการรีไซเคิล
บางทีพวกมันอาจถูกทำเป็นเศษเล็กเศษน้อยเพื่อใช้เป็นอาหารหากมีอันเดดที่ดูมีประโยชน์ปรากฏขึ้น
'ที่จริงมันเป็นโชคดีสำหรับฉันที่ไม่ได้อยู่โกดังนี้ แต่ก็น่าหงุดหงิดอยู่ดี'
ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ชิ้นส่วนนั้น เขารู้สึกว่าพลังแห่งความมืดในร่างกายของเขาก็ถูกดูดเข้าไปด้วยพลังอันล้นหลาม
ทำให้เขาตระหนักถึงความอันตรายของมัน
หากสิ่งมีชีวิตทั่วไปมาสัมผัส ก็จะตายหรือกลายเป็นอันเดตในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
นอกเหนือจากพลังที่มันครอบครอง มันยังราวกับเต็มไปด้วยคำสาปอันทรงพลังอีกด้วย
เขายื่นมือออกไปหา "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ"
“ฉันอาจจะสามารถทดลองดูดซับพลังของมันดูบ้างได้”
แน่นอนว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้มันครอบงำเขาโดยเต็มใจ
เพราะเขามีความเชื่อของตัวเอง
….
“พวกเราเป็นฝาแฝด เรารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนตั้งแต่เกิด”
“เฮ้อ เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ…”
ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสกลับแข็งทื่อลงอย่างกะทันหัน
จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเต็มไปด้วยออร่าสังหารในขณะที่เขามองไปทางหมู่บ้าน
มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับชิ้นส่วนนั้น
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาจัดการกับเรื่องน่ารำคาญเล็กๆ น้อยๆ นี้
"ฆ่าไอ้นี่ซะ!"
มัลคอล์มใช้พลังแห่งความมืดทันทีและมุ่งหน้าไปยังที่ที่ชิ้นส่วนนั่นอยู่ พร้อมตะโกนคำสั่งออกมา
ชายวัยกลางคนชื่อโบคัล อัศวินผู้สาบานตนต่อเทพเจ้าแห่งความตาย เขาได้หันร่างเพื่อที่จะไปฆ่าไฮนซ์ แต่…
"เขาหายไปไหน?"
ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย
….
“ฆ่าพวกมันให้หมด”
...ความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง ความทุกข์ทรมาน การกดขี่ ความบ้าคลั่ง ความขาดแคลน ความเกลียดชัง ความปรารถนาในการกลืนกิน ความโกรธ…
อารมณ์ด้านลบสารพัดพาพุ่งพล่านเข้ามาไม่หยุดหย่อน
“จงเกลียดชังสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย จงปกคลุมแผ่นดินนี้ด้วยความสิ้นหวัง เมื่อโลกเต็มไปด้วยความตายมากขึ้น พลังของคุณก็จะแข็งแกร่งขึ้น จงกำจัดความมีชีวิตชีวาให้สิ้นซาก…”
ปริมาณข้อมูลและความรู้สึกด้านลบที่ถูกกรองผ่าน "แยกจิต" นั้นมหาศาลมาก
ในระดับนี้ใครก็ตามที่สัมผัสกับพลังงานนี้ก็จะกลายเป็นอันเดดโดยธรรมชาติ และจิตใจของพวกเขาจะถูกชิ้นส่วนนี้กลืนกินไปจนหมดสิ้น
ใครจะสามารถคงสติไว้ได้เมื่อเผชิญกับอารมณ์ที่ท่วมท้นเหล่านี้ได้ล่ะ
'แต่นี่ไม่มีผลกับฉันเลย'
เขาจึงรีบทำงานต่อไป
มัลคอล์มคงสังเกตเห็นและมุ่งหน้าไปทางนี้ ดังนั้นเวลาจึงเหลือน้อยแล้ว
'ฉันอาจต้องเปลี่ยนวิธีการ เพราะไม่งั้นไม่ทันแน่'
ณ จุดนี้ สิ่งที่เขาทำตอนนี้อาจไม่ได้ผลมากนัก
บางทีหากเขาสามารถต้านทานอิทธิพลของชิ้นส่วนนี้ได้ เขาอาจจะเชื่อมต่อกับมันได้บ้าง
“เอาล่ะ ลองดูก็แล้วกัน ฉันหวังว่ามันจะได้ผลนะ”
ในขณะที่ดูดซับพลังแห่งความมืดไปด้วย เขาก็ได้พยายามที่จะเชื่อมต่อกับ "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ" เพื่อบางทีอาจสามารถควบคุมมันได้
โดยปกติแล้วสิ่งนี้จะเป็นไปไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตาม เขาเป็นอันเดตเหมือนกันและสามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีทางจิตอันรุนแรงที่ส่งมาจากชิ้นส่วนนั้นได้ โดยยังคงความตระหนักรู้ในตนเองเอาไว้
'แม้ว่าสิ่งนี้มันจะไม่ได้ผลและใช้งานไม่ได้แล้ว ฉันก็จะถือว่าเป็นความสำเร็จในการขัดขวางเรื่องราวของพวกเขาได้'
ชิ้นส่วนนั้นไม่สมบูรณ์และมีความเปราะบางในบางจุด จู่ๆ มันก็เกิดการสั่นสะเทือนและเกิดความบกพร่องขึ้น
เขาใส่คำว่า 'ฮันส์' เข้าไปในความบกพร่องนั้น
ผลลัพธ์ก็ปรากฏชัดเจนอย่างรวดเร็ว
[คุณได้บรรลุเงื่อนไขการทำให้ชิ้นส่วนของราชาอมตะสมบูรณ์แล้ว ได้รับทักษะพิเศษ 'ปัญญาอันชั่วร้าย']
ข้อความนั้นปรากฏตรงหน้าเขา
แต่ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
ร่างกายของเขาไม่มีอะไรแตกต่างยังคงเป็นกระดูกเหมือนเดิม แต่คุณภาพตัวตนของเขาเปลี่ยนไป
และความรู้ใหม่ๆ ก็ถูกจารึกไว้ในจิตใจของฉันโดยธรรมชาติ
“โอ้ ฉันพูดได้งั้นหรือ?”
ด้วยการทำให้เส้นเสียงสั่นสะเทือนด้วยพลังแห่งความมืด ตอนนี้เขาสามารถพูดได้แล้ว แต่เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เขาก้มหัวลงและมองดูร่างกายของตัวเอง
อัญมณีสีดำเต้นระรัวอยู่ระหว่างซี่โครงหน้าอก
มีหัวใจปรากฏขึ้นมา
<ข้อมูลส่วนบุคคล>
- ชื่อ : ฮันส์
- สายพันธุ์: อันเดด (เดมิลิช)
- ลักษณะทั่วไป: "แยกจิต", "การฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว"
- ลักษณะเฉพาะ: "หัวใจที่เสื่อมสลาย" "ปัญญาอันชั่วร้าย" "ความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับเวทมนตร์"
- หมายเหตุพิเศษ: พลังของคุณจะเพิ่มขึ้นตามพลังของ "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ (1/3)" พลังแห่งความมืดที่แฝงอยู่ภายในเศษชิ้นส่วนได้ประสานเข้ากับคุณ ไม่มีการปนเปื้อนทางจิตเกิดขึ้นเนื่องมาจากอิทธิพลของ "แยกจิต" นอกจากนี้คุณได้พัฒนาจาก "โครงกระดูกชั้นยอด" เป็น "เดมิลิช" ปรมาจารย์แห่งเวทย์แห่งความมืด
….
วันนี้ฮวนกลับมาเฝ้าหน้าทางลับของโกดังอีกแล้ว
การไม่จัดการกับหนูซอมบี้ที่หลบหนีออกไปเมื่อวานอย่างทันเวลา ทำให้เขาถูกลงโทษไปด้วย
"เฮ้อ เป็นเพราะไอ้เจอราฟนั่น ฉันเลยต้องเจอกับเรื่องไร้สาระนี่"
เมื่อคิดดูแล้ว เวลาก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้ว และเจราฟก็ยังไม่ปรากฏตัว
“แน่นอน มันชัดเจนอยู่แล้ว เขาคงกำลังอาละวาดอยู่แน่ๆ”
ฮวนเอนหลังและพิงหลังกับเก้าอี้
หนึ่งปีผ่านไป แต่หมู่บ้านห่างไกลนี้ยังคงเงียบสงบเหมือนเคย
หน้าที่หลักของเขาคือบอกข่าวจากประตูทางเข้าไปให้อาจารย์ที่อยู่ข้างใน
“ฮวน! เฮ้! ตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่?”
บูม!
ทันใดนั้น เวทมนตร์สื่อสารของอาจารย์ก็ดังขึ้น และฮวนก็ล้มลงไปด้านหลังและล้มลงพร้อมกับเก้าอี้ของเขา
“ครับท่านอาจารย์ ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติเลยครับ!”
แม้ว่าจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและนั่งพิงเก้าอี้ ลูบศีรษะด้านหลัง แต่เสียงของฮวนก็ไม่ได้ทำให้อาจารย์สงบลงเลย
“ไม่มีอะไรผิดปกติบ้าบออะไร... ไม่สิ รีบตรวจสอบชิ้นส่วนนั้นเร็วเข้า! เร็วเข้า! ติดต่อหาเจราฟด้วย!”
“ครับๆ! เดี๋ยวผมเช็คให้ทันทีครับ!”
เนื่องจากมีรูปแบบกีดขวางอยู่รอบตำแหน่งของชิ้นส่วน การสื่อสารจึงต้องถูกส่งต่อเข้าไปในโกดังโดยใช้อุปกรณ์วิเศษพิเศษที่ติดตั้งไว้ที่ทางเข้า
“เฮ้! เจราฟ! ไปตรวจดูเศษชิ้นส่วนนั้นสิ... ห๊ะ?”
ขณะที่ฮวนรีบส่งข้อความถึงเจราฟ เขาก็หยุดและตรวจสอบอุปกรณ์วิเศษอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็ส่งข้อความอีกครั้ง
“เจอราฟ? เฮ้ คุณได้ยินฉันไหม?”
ไม่มีคำตอบซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
มันไม่ได้เชื่อมต่ออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
“อะไรนะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ขณะนั้นเอง ฮวนผู้ตกใจก็รีบลุกจากที่นั่ง
วูบบ
จากนั้นจู่ๆ วงเวทย์ที่ทางเข้าโกดังตอบสนองและประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ เจราฟ ทำไมอยู่ๆ คุณถึง...”
ฮวนจ้องกลับไปที่ประตูเปิด และหยุดนิ่งอยู่กับที่
ไม่ใช่เจราฟที่ยืนอยู่หน้าประตู
“อะไร... ทำไม…มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?...”
มีเหล่าอันเดดหลายร้อยตัวที่ปล่อยพลังลึกลับแผ่กระจายไปทั่วทางเดิน พวกมันบิดตัวเดินออกมาอย่างน่ากลัว
….
การสั่งการอันเดดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาแล้ว
ด้วยปริมาณพลังแห่งความมืดในร่างกายของเขาตอนนี้อยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากตอนแรกอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถแบ่งปันความรู้สึกได้เหมือนตอนที่เชื่อมต่อกับอัลเฟรด แต่การควบคุมก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาไม่ได้มีเพียงซอมบี้และโครงกระดูกเท่านั้น แต่ยังมีอันเดตระดับสูงที่อยู่ใกล้กับชิ้นส่วนนั้นด้วย
'แต่เนื่องจากพวกมันถูกชิ้นส่วนดูดซับพลังเป็นเวลานาน สภาพของพวกมันจึงไม่ดีที่สุด...'
แค่พวกเขายืนขึ้นได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
พื้นรอบๆ "ชิ้นส่วนของราชาอมตะ" เต็มไปด้วยซากศพของอันเดด ซึ่งบ่งบอกว่ามีศพจำนวนมากที่ถูกสังเวย
เขานำเหล่าอันเดดเพื่อไปปิดกั้นทางเดิน
‘ตรงนั้นมีสิ่งปิดกั้นอยู่ ดังนั้นฉันจึงออกไปไม่ได้... ฉันควรจะทำลายมันมั้ย?’
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตระหนักถึงสิ่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว และเหมือนกับที่เจราฟทำ ฉันจึงยกมือขึ้นเหนือประตู
จากนั้นฉันก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ประสิทธิภาพของ “ปัญญาอันชั่วร้าย” ได้โดยตรง
วิ้ง
วงเวทย์ตอบรับแล้วประตูก็เปิดออก
พลังแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งลึกลับที่เขาไม่รู้จักอีกต่อไป….
…………………..