บทที่ 76 เส้นทางรอดเพียงหนึ่งเดียว...ผู้ใดกันแน่
จินเป่าเอ๋อเงยหน้าขึ้นมอง ท่ามกลางท้องฟ้า ปรากฏร่างของผู้เฒ่าที่ลอยตัวอย่างสง่างาม สีหน้าท่านนิ่งสงบปานภูผา สูงส่งจนมิอาจหยั่งถึง พรางตัวอยู่ในอาภรณ์คลุมสีดุจเมฆหมอก อันแสดงถึงชั้นเชิงที่ยากจะล่วงรู้ ทว่าเต็มไปด้วยพลังที่เกินจะคาดเดา
ทันใดนั้นเอง ชายผู้ซ่อนอยู่ในม่านควันสีม่วงไม่รอช้า ปล่อยลำแสงสีม่วงพุ่งเข้าใส่อย่างแรงกล้า แต่กลับถูกผู้เฒ่ารับมือไว้ได้อย่างง่ายดาย เพียงสะบัดมือลำแสงนั้นก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ตูม!”
ไม่นานนัก เสียงฟ้าร้องดังสะท้านทั่วแผ่นฟ้า แสงสีม่วงส่องสว่างไปทั่วผืนดิน ทำให้สีหน้าของเหล่าผู้คนรอบข้างพลันเปลี่ยนไปอย่างหวาดกลัว
“เจ้ากล้าดีอย่างไร จอมมารหลี่เหยี่ยน! คิดจะใช้ร่างแยกมาต่อกรกับข้าอีกแล้วหรือ” ผู้เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ร่างแยกที่ซ่อนอยู่ในควันม่วงดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น พริบตาเดียวมันก็หายตัวไป
ผู้เฒ่าไม่จากไปทันที กลับค่อยๆลดตัวลงสู่พื้น มองจินเป่าเอ๋อด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยเมตตา ก่อนจะหันไปมองเซียวไป๋ซาน ผู้เป็นเจ้าสำนักที่ยังคงสลบไสลอยู่ “เขายังมีสติอยู่ ไม่ต้องกังวลหรอก” ผู้เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
จินเป่าเอ๋อพยักหน้า พลางโค้งคำนับ
“ขอขอบคุณท่านอาจารย์ผู้เฒ่าที่ช่วยชีวิตข้าเจ้าค่ะ!”
ผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นพลันหัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยนด้วยความเมตตา
“อายุสิบเจ็ดปีเป็นถึงขั้นฮวาชิน ช่างน่าเกรงขามนัก! แต่เช่นนี้ เจ้าก็คงได้รับการดูแลจากอาจารย์เจ้าดีใช่หรือไม่”
จินเป่าเอ๋อชะงักเล็กน้อย ท่านผู้เฒ่ารู้จักกับอาจารย์ของนางหรือ นางยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าอาจารย์มีสหายทรงพลังเช่นนี้
“ท่านรู้จักอาจารย์ของข้าหรือเจ้าคะ” จินเป่าเอ๋อถามด้วยความฉงน ก่อนจะเอ่ยอย่างสุภาพ “ท่านคือใครหรือเจ้าคะ”
ผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะดังลั่น “ฮ่าๆ! เจ้าคงไม่เคยได้ยินข้า ชื่อของข้าคือ เต๋าเทียนฉี!”
เต๋าเทียนฉีหรือ ชื่อนี้นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และนางยังคิดไม่ตกว่าอาจารย์จะไปหยิ่งทะนงตนเช่นนั้นเมื่อใดกัน หากอาจารย์มีเพื่อนที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ น่าจะอวดอ้างไปนานแล้วถึงจะถูก
ไม่ทันไรก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา กลุ่มคนจำนวนมากรีบรุดมาที่นี่
ในกลุ่มนั้นมีทั้งเหล่าผู้อาวุโสและเจ้าสำนักในตระกูลต่างๆ รวมถึงอาจารย์ของนางด้วย...
“ศิษย์ข้า! ศิษย์ข้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ใครเป็นผู้ทำร้ายเจ้า! ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!”
จินเป่าเอ๋อรู้สึกอายเล็กน้อยกับความห่วงใยของอาจารย์ที่แสดงออกต่อหน้าผู้คน
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสและเจ้าสำนักของยอดเขาต่างๆ มารวมตัวล้อมรอบเพื่อตรวจดูอาการของเซียวไป๋ซาน และเห็นว่าเขาเพียงสลบไปเท่านั้น ทุกคนจึงค่อยๆ โล่งใจขึ้น ก่อนที่ผู้อาวุโสฝ่ายกฎระเบียบจะหันมาทำท่าจะถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทว่าทันทีที่เห็นชายชราผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ จึงอุทานขึ้นด้วยความตกตะลึง
“ท่าน...ท่านเต๋า!”
ในทันใดนั้น เหล่าผู้อาวุโสที่เคยเข้าร่วมสงครามครั้งใหญ่ในอดีตต่างหันไปมองท่านเต๋า พร้อมแสดงอาการตกใจตามกัน และรีบคารวะอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม เต๋าเทียนฉีเพียงโบกมือเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ สายตาของเขากลับไปยังจินเป่าเอ๋อ
“หนูน้อย เจ้าเรียกผู้นี้ว่าอาจารย์หรือ”
จินเป่าเอ๋อมองตอบด้วยสายตาฉงน “มิใช่ท่านบอกว่ารู้จักกันหรอกหรือ แล้วเหตุใดทั้งสองท่านจึงดูประหลาดใจกันเช่นนี้”
“เรียนท่านอาจารย์เต๋า เขาเป็นอาจารย์ของข้าเจ้าค่ะ”
คำเรียก "อาจารย์" สำหรับจินเป่าเอ๋อในชีวิตนี้ ไม่ใช่ “ท่านอาจารย์” อันยิ่งใหญ่จากชีวิตก่อนอีกต่อไป
เต๋าเทียนฉีถึงกับอึ้งกับคำตอบนั้น ขณะที่คนอื่นต่างมองมาด้วยความงุนงง ส่วนจินเป่าเอ๋อเองก็เริ่มรู้สึกว่ามีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ในเรื่องนี้
ทันใดนั้น โหลวหยุนเซียนจุนผู้เพิ่งมาถึงก็ตกใจขึ้นบ้าง “เต๋าเทียนฉี! ท่านออกจากการเก็บตัวแล้วหรือ”
ในฐานะที่ทั้งสองต่างเป็นผู้มีพลังขั้นรวมร่าง จึงสามารถเรียกชื่อกันได้อย่างตรงไปตรงมา
หลังจากนั้น ไม่นานทุกคนก็ร่วมกันนั่งลงในห้องโถงด้วยสีหน้าจริงจัง
“จอมมารหลี่เหยี่ยนได้หลุดออกจากอาณาจักรปีศาจแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะทำลายผนึกได้เสียแล้ว! เรื่องนี้เกี่ยวพันกับโชคชะตาของยุทธภพพวกเจ้า จงอย่าแพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด”
ทุกคนพยักหน้ารับรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
“จริงสิ จินเป่าเอ๋อ เจ้าได้ล่วงรู้หรือไม่ว่าเหตุใดเขาจึงต้องการสังหารเจ้า หรือเป็นเพราะเขาเห็นว่าเจ้ามีความสามารถเก่งกาจตั้งแต่อายุน้อย จึงคิดลงมือก่อนจะสายเกินไป”
ผู้อาวุโสฝ่ายกฎระเบียบถามด้วยความสงสัย เพราะเจ้าสำนักเพียงแค่สลบไป แต่จินเป่าเอ๋อนั้นถึงกับเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดูยังไงเป้าหมายก็ดูเหมือนจะเป็นนางมากกว่า
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกสายตาก็หันไปจับจ้องที่จินเป่าเอ๋อ ใบหน้าที่งดงามของนางแม้จะเปรอะเปื้อนและเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ก็ยังคงความงามสง่าและเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
จินเป่าเอ๋อรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่จะมีใครเชื่อสิ่งที่นางกำลังจะพูดหรือไม่ ในเมื่อนางรู้ดีว่าโหลวหยุนเซียนจุนนั่งอยู่ตรงนี้ หากพูดไปแล้วจะต้องถูกปฏิเสธในทันทีเป็นแน่
“มิกล้าปิดบังท่านอาจารย์หลี่เหยี่ยน...ท่านจอมมารกล่าวว่าที่ต้องการสังหารข้า ก็เพื่อแก้แค้นให้กับนางสาวน้อยที่เขารัก ข้าเชื่อว่าเจ้าสำนักก็ได้รับบาดเจ็บเพราะข้า”
เมื่อคำพูดนั้นสิ้นสุด ทุกคนก็ดูท่าทีสงสัยไปตามๆ กัน ช่างน่าขันเสียจริง ที่เหตุผลนั้นคือเรื่องของสตรี
จินเป่าเอ๋อหัวเราะเยาะกับความคิดนั้นเล็กน้อย พร้อมทั้งเตรียมตั้งค่ายป้องกันอย่างเงียบ ๆ
“ข้าที่รอดชีวิตได้จนท่านอาจารย์เต๋าเข้ามาช่วยนั้น เป็นเพราะจอมมารหลี่เหยี่ยนประมาทในตัวข้า คิดว่าข้าคงตายแน่แล้ว จึงเผลอเผยตัวตนของสาวน้อยออกมา!”
จินเป่าเอ๋อเหลือบมองไปที่โหลวหยุนเซียนจุนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดขีด ซึ่งทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ พากันตกตะลึง แม้แต่โหลวหยุนเองก็นิ่วหน้า แทบไม่เชื่อว่านางจะกล้าจ้องมองเขาด้วยความดูถูกเช่นนี้
“สาวน้อยผู้ที่ทุกท่านเรียกว่า 'นางฟ้า' นั้น แท้จริงแล้วก็คือศิษย์เพียงคนเดียวของโหลวหยุนเซียนจุน...ซูเซียนจือ!”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกสายตาต่างหันไปมองโหลวหยุน ทางด้านเต๋าเทียนฉีเองก็ตกใจไม่น้อย ส่วนโหลวหยุนที่ได้ยินก็ถึงกับโกรธจัด พลังของเขาพุ่งตรงไปหาจินเป่าเอ๋ออย่างไม่มีปรานี!
แต่ในขณะนั้นเอง จินเป่าเอ๋อก็เปิดค่ายป้องกันทันที ด้วยการใช้ไม้ไผ่ล้ำค่า ‘จู้ลู่หยวน’ เป็นแกนกลางของค่ายป้องกัน แม้จะเป็นพลังข่มขวัญจากยอดฝีมือระดับรวงร่าง แต่นางก็ยังปลอดภัยดี!
“เหตุใดเซียนจุนจึงต้องโมโหเช่นนี้เล่า ข้าบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว หากได้รับแรงกดดันจากท่านอีก ร่างกายข้าอาจถูกทำลายได้! ท่านช่างปกป้องศิษย์รักจริง ๆ ไม่นึกแม้แต่จะฟังความ ข้าทำสิ่งใดผิดท่านก็มุ่งจะกำจัดข้าเสียเหลือเกิน! ฮึ!!”
คำพูดของนางที่แสดงถึงความท้าทายและดูถูกอย่างตรงไปตรงมาทำให้ใบหน้าของโหลวหยุนเซียนจุนบึ้งตึงเป็นอย่างมาก เขาตั้งท่าจะลงมืออีกครั้ง แต่ถูกเต๋าเทียนฉีขัดไว้เสียก่อน
“โหลวหยุน! เรื่องยังไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัด เจ้าจะทำอะไร นางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี เจ้าทำไมถึงได้ใจร้อนถึงเพียงนี้”
ท่าทีที่รุนแรงนี้ขัดกับสิ่งที่เขาคาดไว้ในความทรงจำไปมาก เต๋าเทียนฉีไม่เข้าใจเลยว่าเกิดปัญหาที่จุดใด
หลังจากที่คนอื่นๆ ออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงโหลวหยุนและเต๋าเทียนฉีอยู่ในห้องโถงเพียงลำพัง
“โหลวหยุน เราไม่พูดถึงเรื่องจอมมารหลี่เหยี่ยนก่อน แต่ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า! เมื่อห้าสิบปีก่อน ข้าเคยบอกเจ้าว่าโอกาสบินสู่สวรรค์ของเจ้าขึ้นอยู่กับศิษย์ของเจ้า แต่เหตุใด…”
เต๋าเทียนฉีไม่เข้าใจเลย ทั้งที่เขาเสียเวลาอย่างมากในการทำนายชะตานี้ให้โหลวหยุน แต่โหลวหยุนกลับทำให้ทุกอย่างวุ่นวายจนแทบหมดสิ้นความหวัง
โหลวหยุนเซียนจุนที่เผชิญหน้ากับเต๋าเทียนฉีดูเคร่งขรึม แต่ก็ยังปรับน้ำเสียงให้ดูอ่อนลง
“ข้าได้ทำตามที่ท่านบอก รับซูเซียนจือเป็นศิษย์ และทุ่มเทดูแลนางอย่างเต็มที่ แต่จินเป่าเอ๋อกลับคอยขัดขวางนางตลอด ทั้งยังมีความสามารถเหนือกว่านาง ทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้…”
เต๋าเทียนฉีได้ยินถึงกับอึ้ง และถามอย่างงุนงง “เดี๋ยวก่อน เจ้าเพิ่งพูดอะไรนะ ซูเซียนจืออย่างนั้นหรือ เด็กสาวคนนั้นชื่อว่าจินเป่าเอ๋อมิใช่หรือ”