บทที่ 7 ควบคุมอันเดตและเจราฟ
บทที่ 7 ควบคุมอันเดตและเจราฟ
ภายในโกดังเวลาได้ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ตุบๆ!
'โอ๊ย! ฉันหมดแรงแล้ว—!'
แนวคิดและวิธีการนั้นไม่ผิด
เพราะหลังจากการทดลองหลายครั้ง เขาก็สามารถควบคุมพวกอันเดดได้สำเร็จด้วยพลังมหาศาล
วูซๆ !
เขานั่งลงดูซอมบี้ตัวหนึ่งโบกแขนขาอย่างเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงหน้าเขา
ใช่แล้ว มีมันแค่ตัวเดียว
สิ่งเดียวที่เขาควบคุมได้คือซอมบี้ตัวนี้
ด้วยปริมาณ 'มานาแห่งความมืด' ทั้งหมดในตัวฉันนั้นต่ำอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับการควบคุมอันเดดจำนวนหลายตัว
นอกเหนือจากต้องใช้พลังจำนวนหนึ่งเพื่อพยุงร่างกายของเขา เขาได้รวบรวมส่วนที่เหลือไปควบคุมซอมบี้ แต่แม้แต่ซอมบี้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นขีดจำกัดของเขา
เขาไม่ใช่อันเดตประเภทผู้บังคับบัญชาตั้งแต่แรก อันที่จริงเขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ด้วยซ้ำ
บางทีอาจเป็นเพราะ "ความสัมพันธ์กับเวทมนตร์" และด้วยปริมาณมานาที่เขาดูดซับจากสภาพแวดล้อมจึงเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา แต่อย่างไรก็ตามอัตราการเติบโตยังคงห่างไกลจากความเพียงพอ
'ถ้าฉันเป็นพ่อมดโครงกระดูก ฉันจะไม่ต้องกังวลเรื่องแบบนี้'
เขาบ่นพึมพำไร้สาระ และพิจารณาทางเลือกอื่นๆ
จี้ดดๆ
หนูตัวหนึ่งที่ตอนนี้คุ้นเคยวิ่งไปทางที่โครงกระดูกเหล่านั้นยืนและกัดแทะนิ้วเท้าของพวกมันอีกครั้ง
'เจ้าตัวเล็กนี้ขยันแทะจริงๆ แต่... เดี๋ยวนะ ถ้าหาก..?'
เมื่อสังเกตดูสิ่งนั้น เขาก็ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เบ้าตาของเขาเรืองแสง และค่อยๆ เข้าไปใกล้หนูตัวนั้น และโฟกัสไปที่การแทะที่ไม่หยุดหย่อนของมัน
….
เขาต้องการจะจับหนูตัวนั้น
แต่อันเดดตัวเดียวที่เขาควบคุมได้คือซอมบี้ตัวเดียว
แต่ซอมบี้ที่ยืนอยู่นี่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
จี้ดๆๆ!
เขามองลงไปที่หนูที่กำลังกัดแทะระหว่างกระดูกนิ้วของซอมบี้อย่างเงียบๆ
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเร็วอย่างน่าประหลาดใจ และด้วยขนาดตัวที่เล็กทำให้มันสามารถไปที่ไหนก็ได้อย่างอิสระ
เขาคิดว่าจะจับมันได้ง่ายโดยที่มันไม่ทันได้รู้ตัวอะไร แต่กลายเป็นว่าต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจับมัน เพราะมันจะวิ่งหนีไปเมื่อเข้าใกล้เพียงเล็กน้อย
'เมื่อฉันคิดว่าฉันจับมันได้แล้วโดยการปกคลุมมันด้วยร่างกายทั้งหมด แต่เมื่อเห็นมันหลุดออกไปทางซี่โครง ท้องของฉันปั่นป่วนไปหมด'
จากนั้นเขาก็สั่งการให้ซอมบี้ตัวนั้นมาช่วย
ในที่สุดเขาก็สามารถจับมันได้สำเร็จโดยการใช้ซอมบี้ซุ่มโจมตีในทิศทางที่หนูกำลังหลบหนี
ด้วยการฝึกซ้อมการควบคุมอย่างรวดเร็วโดยสถานการณ์จริงเช่นนี้ ทำให้ความสามารถในการควบคุมอันเดดของเขาได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม
“ขออภัย ฉันจะไม่ลืมความเสียสละของนาย อัลเฟรด”
เขาเจาะขากรรไกรล่างของอัลเฟรด หนูที่เขาตั้งชื่อตามใจชอบ ด้วยกระดูกนิ้วที่เต็มไปด้วย 'มานาแห่งความมืด'
ปลายกระดูกนิ้วที่แหลมคมซึ่งได้มาจากการกลายเป็นอันเดดจมลึกลงไป
แม้ว่าอัลเฟรดที่ดิ้นรนอยู่จะหยุดเคลื่อนไหวช้าๆ แต่เขายังคงฉีด 'มานาแห่งความมืด' เข้าไปในร่างเล็กๆ ของมันโดยที่ไม่ดึงนิ้วออก
และแล้ว...ร่างที่หยุดนิ่งก็เริ่มดิ้นอีกครั้ง
เขาวางอัลเฟรดลงบนพื้นด้วยความระมัดระวังและมุ่งความสนใจไปที่สิ่งมีชีวิตที่กำลังดิ้นไปมา
'บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันเป็นคนปล่อยเชื้อให้มันโดยตรง และมันเป็นตัวอย่างขนาดเล็ก ดังนั้นการควบคุมจึงราบรื่นกว่ามากและการเชื่อมต่อก็รวดเร็วกว่ามาก'
ตอนนี้ถือว่าเขามีพันธมิตรที่ดีเยี่ยมแล้ว
เขาตัดสินใจที่จะส่งมันออกไปในครั้งต่อไปที่ประตูเปิด
….
โอกาสมาถึงอย่างรวดเร็ว
เอี๊ยด
“น่าเบื่อๆจริงๆ ทำไมฉันต้องมาทำแบบนี้ทุกครั้งด้วย”
คราวนี้คนเวรที่เข้ามาในคลังสินค้าก็เป็นชายขี้บนที่ชื่อเจฟี่อีกครั้ง
ขณะที่อีกฝ่ายเข้ามา เขาก็ปล่อยให้อัลเฟรดซึ่งเขาสั่งให้รออยู่ที่มุมห้องวิ่งออกไปก่อนที่ประตูจะปิด
เจฟี่ขาดความเอาใจใส่จนไม่สังเกตเห็นสิ่งที่ผ่านไปใต้เท้าของเขาและบ่นต่อไปเหมือนเช่นเคย
“มาดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายหลัง ฉันจะจัดการกับชายชราคนนั้นในภายหลัง”
อัลเฟรดที่หนีออกมาได้ก็วิ่งเข้าไปในเงามืดอย่างระมัดระวัง โดยปล่อยให้เขาบ่นพึมพำอยู่ข้างหลัง
วิธีการที่เขาควบคุมอัลเฟรดนั้นแตกต่างจากวิธีที่เจฟี่ควบคุมเขา
บางทีอาจเป็นเพราะทั้งเขาและอัลเฟรดทั้งคู่เป็นอันเดตเหมือนกัน และเขาได้ใช้วิธีการเหมือนกับเขาใช้กับ "อวตาร" ทำให้การเชื่อมต่อจึงแข็งแกร่งขึ้น และเกิดความรู้สึกร่วมกันในระดับหนึ่ง
แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าอวาตาร แต่มันก็เพียงพอสำหรับการรวบรวมข้อมูล
แม้ว่าอัลเฟรดจะเดินเตร่ไปมาอย่างขยันขันแข็ง แต่น่าเสียดายที่มันก็ไม่ได้รวบรวมข้อมูลได้มากนัก
เพราะมันมีแต่เส้นทางที่ดูเหมือนจะนำไปสู่โกดังสินค้าอื่น ๆ และทางออกก็ถูกปิดไว้แล้ว
“อืม แบบนี้มันก็ค่อนข้างยากสักหน่อย แม้ว่าฉันจะรอให้คนอื่นเปิดประตูเข้ามา แต่อีกฝ่ายอาจไม่ขาดความรับผิดชอบเหมือนเจฟี่”
ดังนั้นคนเดียวที่สามารถแก้ปัญหานี้ให้ได้ก็คือเจฟี่
“เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะเน่าเปื่อยอยู่ในที่แบบนี้ และเขาจะต้องออกมาอย่างรวดเร็วแน่นอน...”
ขณะนั้น เจฟีซึ่งกำลังตรวจสอบโกดังที่เขาอยู่อย่างคร่าวๆ ก็ดูเหมือนจะออกมาที่ทางเดิน
อัลเฟรดเคลื่อนไหวเข้าไปในเงามืดอย่างระมัดระวัง
ในขณะที่เดินไปตามทางที่นำไปสู่โกดังอีกแห่ง เจฟี่ก็บ่นไม่หยุดหย่อน
เอี้ยดดดๆ
เมื่อเขาเปิดประตูโกดังใต้ดินและเข้าไป อัลเฟรดก็ตามไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าภายในโกดังจะเต็มไปด้วยอันเดต แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของพวกมันได้ง่ายนัก และคนที่พูดคุยไม่หยุดหย่อนก็เงียบลงอย่างผิดปกติ และเริ่มการตรวจสอบภายในอย่างเงียบๆ
ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงทำตัวแบบนี้
'ที่นี่มันที่ไหน...?'
แม้ว่าโกดังจะเต็มไปด้วยพวกอันเดด แต่ก็ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งอยู่ตรงกลางโกดัง
'ตรงนั้นมีอะไรอยู่กันแน่นะ?'
อัลเฟรดเป็นเพียงหนูซอมบี้ ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ ได้
มันรู้สึกโดยสัญชาตญาณเหมือนกับว่ามันจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างหากมันเข้าใกล้ 'สิ่งนั้น' มากเกินไป
มันซ่อนตัวอยู่ใกล้ทางเข้าและรอสังเกตเจฟีที่กำลังตรวจสอบภายในด้วยสายตาที่จริงจัง
สถานที่ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยพวกอันเดด เขาไม่ทราบว่าพวกเขากำลังทำอะไรหรือมีจุดประสงค์อะไร
แต่การสังเกตการเคลื่อนไหวของพวกเขาก่อนเมื่อต้องรับมือกับคนเลวไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอยู่แล้วใช่ไหม?
“ลองสังเกตสถานการณ์ไปก่อนก็แล้วกัน ‘โอกาสที่เจฟี่มอบให้’ คงไม่จบแค่นี้หรอก”
เมื่อตรวจดูโน่นนี่แล้ว อีกฝ่ายก็ออกไปจากโกดังอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ เข้าไปทีไรก็เหนื่อยทุกที...”
เขาตามคนที่กำลังเร่งเดินไปที่ประตูที่จะนำออกไปข้างนอก
ประตูนั้นไม่มีกลไกการล็อกแบบปกติที่เขาเคยเห็นมาก่อน
เมื่อเจฟีวางฝ่ามือไว้บนสิ่งนั้น ก็มีรูปแบบแปลกๆ ปรากฏขึ้น และประตูก็เปิดออกได้อย่างราบรื่น
‘ห๊ะ นี่พวกเขาใช้รูปแบบค่ายกลเลยเหรอ?’
เขารู้สึกตกใจในชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็รีบเดินตามเขาไปที่ประตู
“เฮ้ คุณออกมาแล้วเหรอ?”
“ใช่แล้ว ทุกครั้งที่เข้าไปฉันเหนื่อยแทบขาดใจ เมื่อไหร่ตาแก่นั่นจะทำเสร็จเสียที?”
หน้าประตูมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งทำบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงาน
เช่นเดียวกับเจฟี่ เขาก็มีหน้าที่มาตรวจสอบโกดังเป็นระยะๆ
เขาน่าจะเฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าตรงนี่
“คงจะเร็วๆ นี้แหละ ช่วงหลังนี้เจ้านายอยู่ที่นั่นทุกวัน แต่วันนี้เขามาไม่ได้เพราะต้องกำลังติดต่อกัยผู้บริหารระดับสูง”
“ก็ดี ฉันอยากจบเรื่องให้เร็วที่สุดแล้วออกไปจากที่นี่ ฉันเบื่อหน่ายกับ ‘เศษเสี้ยวของราชาอันเดต’ หรืออะไรก็ตามนั่นแล้ว”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน เราต้องตรวจสอบโกดังนั้นทุกวัน..ช่างน่าเบื่อจริงๆ”
เขาสั่งให้อัลเฟรดไปซ่อนใต้เงาของโต๊ะและแอบฟังบทสนทนาของพวกเขา และตอนนี้เจฟีก็กำลังช่วยเหลือเขาอีกครั้ง
“เฮ้ มันไร้สาระไหมที่ต้องเฝ้าไว้แบบนี้ ไม่ใช่แค่อยู่ในโกดังที่มีประตูทางเข้าแน่หนาเท่านั้น แต่รอบหมู่บ้านทั้งก็มีกำแพงด้วย ใครกันที่จะแอบเข้ามาที่นี่ได้ล่ะ”
“ก็เผื่อไว้ ..เราไม่สามารถรู้อนาคตได้”
“เผื่อไว้ล่ะมั้ง? ไม่ต้องพูดถึงคนมีชีวิต ไม่แต่คนตายก็ไม่สามารถออกจากสถานที่นี่ไปได้”
เจฟี่หัวเราะเบาๆ แล้วรีบเดินออกไป
ครั้งนี้ถือว่าเขาได้รับอะไรหลายอย่าง
อย่างไรก็ตามปฏิบัติการที่ชื่อว่า 'ภารกิจลับในยามค่ำคืนของหนูแสนซน' ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เขาต้องขอบคุณเจฟี่ที่ให้ความร่วมมือและเดินออกจากอาคารอย่างเงียบๆ
โชคดีที่ข้างนอกเป็นเวลากลางคืน เขาจึงสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่า
อัลเฟรดเดินไปทั่วหมู่บ้านโดยอาศัยเดินไปตามทางที่คดเคี้ยวท่ามกลางความมืดของเวลากลางคืน
อาคารส่วนใหญ่ปิดอยู่ แต่อัลเฟรดใช้ความเชี่ยวชาญของมันและสามารถแอบเข้าไปในรูหนูเล็กๆ ได้
แต่ก็ไม่มีข้อมูลใดๆ เลยเกินกว่าที่ได้รับจากเจฟี่เลย
ดูเหมือนว่าชาวบ้านทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณสี่สิบคน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่พ่อมดดำแต่เป็นลูกสมุนของเขา
ขณะที่กำลังพอใจกับการเก็บเกี่ยวที่ดีในครั้งนี้
วู้ช!
หนามสีดำงอกออกมาจากพื้นดิน ทิ่มแทงร่างของอัลเฟรด
“อืม... เจ้ากำลังทำอะไรอยู่เหรอ..เจ้าหนูน้อย”
เขาได้ยินเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับรู้จากชาวบ้านว่าพ่อมดแห่งความมือมัลคอล์ม
'บ้าเอ้ย ฉันโดนจับได้เหรอ?'
“อันเดดหรือ? ฉันไม่รู้สึกถึงออร่าแห่งพลังแห่งความมืดเลย... มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยพลังงานมืดหรือเปล่า? แล้วมันมาจากไหน?”
ขณะที่มัลคอล์มเข้ามาใกล้ เขาก็ตัดการติดต่อกับอัลเฟรดอย่างเงียบๆ
‘เขายังไม่สังเกตเห็นการมีอยู่ของฉันเลย จากนี้ไปต้องระวังหน่อยเพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติใดๆ...’
“เป็นเรื่องแปลกที่ร่างกายนี้เต็มไปด้วยพลังแห่งความมืด แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้เกิดจากพลังแห่งความมืด แล้วทำไมร่างกายนี้ถึงได้มีพลังแห่งความมืดมากมายขนาดนี้”
ด้วยการเชื่อมต่ออันเลือนลาง เชสได้ยินมัลคอล์มบ่นพึมพำ จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด
“มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่พลังแห่งความมืดสามารถไหลล้นออกมา ใช่แล้ว วันนี้เจราฟเป็นคนไปดูแลโกดัง”
เจฟี่ ขอบใจมากนะที่ช่วย! แต่ต้องขอโทษนะ!
วู้ช!
….
การเชื่อมต่อถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์
เขาบอกได้เลยว่าอัลเฟรดถูกมัลคอล์มทำลายจนสิ้นซากไปแล้ว
เขาใช้เวลาสักครู่เพื่อไตร่ตรองและไว้อาลัยอัลเฟรดผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญในวันนี้
“อัลเฟรด ฉันจะล้างแค้นให้นายแน่นอน คอยดูจากตรงนั้นเลย”
เขาตัดสินใจแล้วว่ามัลคอล์มเป็นศัตรูที่ฆ่าอัลเฟรด
จากนั้นเขาละทิ้งความรู้สึกผิดที่เจ็บปวดนั้นและนำข้อมูลที่ได้มามาจัดระเบียบใหม่
“ชื่อจริงของเจฟี่คือเจราฟ”
อืม..มันเป็นข้อมูลที่ไม่จำเป็น
“สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ ‘เศษชิ้นส่วนของราชาอมตะ’ ที่อยู่ในโกดังข้างเคียง และมัลคอล์มกำลังเฝ้าติดตามมันอย่างใกล้ชิด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร?”
มันไม่สำคัญว่าพวกเขาต้องการอะไรจาก 'ชิ้นส่วนของราชาอมตะ'
จากนี้ไปเขาต้องการสอดส่องพวกเขาให้มากขึ้น
'ถ้าฉันสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของมัลคอล์มได้ บางทีมันก็น่าจะได้ผล...'
สุดท้ายแล้วทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ
'อีกอย่างหนึ่ง...เขาเป็นศัตรูที่ฆ่าอัลเฟรด!'
-
เจราฟรู้สึกไม่สบายมากนัก
แม้กระทั่งการตรวจสอบโกดังเมื่อวานนี้ก็สร้างความหงุดหงิดมากพอแล้ว แต่เขายังโดนเจ้านายดุอย่างรุนแรงเพราะไม่จัดการอย่างเหมาะสม
"ใครจะไปรู้ว่าจะมีหนูตัวเล็ก ๆ คลานออกมาล่ะ!"
มันไม่ยุติธรรม
เพื่อเป็นการลงโทษสำหรับการจัดการที่หละหลวม เขาจึงต้องรับผิดชอบโกดังเพียงลำพังชั่วเวลาหนึ่ง
ฮวานที่ทำหน้าที่เฝ้าทางเข้าในวันนั้น ก็ได้รับโทษฐานเฝ้าทางเข้าเป็นระยะเวลาเท่ากัน
“โลกที่สกปรกนี้! มีเรื่องให้ทำมากมาย! และเรื่องใหญ่อะไรที่เกี่ยวกับหนูน้อยตัวหนึ่งที่ออกมา! ตาแก่บ้าเอ๊ย”
เจราฟระงับความโกรธเอาไว้ภายในเช่นเคย ไม่สามารถแสดงออกมาได้ และไปทำหน้าที่ทันที
กริ๊ง!
เสียงดังเอี๊ยดอ้าด
ปัง
เจราฟที่เดินราวกับกำลังวิ่งได้เปิดประตูโกดังอย่างสุดแรงและเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเล
จากนั้นเมื่อปิดประตูแล้ว เขาก็ตรวจสอบบริเวณนั้นอย่างพิถีพิถัน ต่างจากพฤติกรรมไม่ใส่ใจปกติของเขา
“เฮ้! พวกแกที่อยู่ตรงนั้น! ยืนให้ดีๆนะพวกโง่!”
เขาตะโกนด้วยความรำคาญกับโครงกระดูกที่เรียงกันเป็นแถว
“นี่มันอะไรอีกเนี่ย! เฮ้! ยืนตัวตรง!”
เขาดุซอมบี้ที่ยืนตัวไม่สมดุลหลังจากข้อเท้าข้างหนึ่งของมันถูกตัดออกไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซอมบี้ได้แค่เซและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างถูกต้อง เจอราฟจึงวิ่งไปหาทันทีและเริ่มเตะมัน
“เฮ้ แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ ห๊ะ? ฉันบอกให้ยืนตรงๆ เดี๋ยวนี้!”
เจราฟโกรธมากและบ่นพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยุดและมองไปรอบๆ
อันเดตทุกตัวที่อยู่ที่นี่ต่างปฏิบัติตามคำสั่งของเขาโดยไม่ถามคำถามใดๆ
มันก็น่าพอใจนะ
โลกควรจะเป็นแบบนี้
เขาเงยหน้าขึ้นมองและจ้องมองซอมบี้ตัวนั้นอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็เดินหนีไป
“ฮะ? นี่ใคร? ไม่ใช่ไอ้หนุ่มเย่อหยิ่งคนนั้นเหรอ?”
ขณะที่เขามองไปรอบๆ เขาก็จำรูปร่างที่คุ้นเคยได้
เจราฟเดินเข้าไปหาซอมบี้ซึ่งเป็นชายวัย 20 ปีต้นๆ และใช้ไม้เท้าจิ้มไหล่ของมัน
“เฮ้ ก่อนหน้านี้แกพูดว่ายังไง ห้ะ?”
ซอมบี้ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ เพียงแค่แกว่งไปมาเมื่อถูกสัมผัส
“ทำไมเงียบไปล่ะ อ๋อ..ฉันจำได้แล้ว ฉันเป็นคนดึงลิ้นแกออกมาเองนั่นแหละ ฮ่าๆ”
เจราฟหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า
พอความเครียดเริ่มก่อตัวขึ้น เขาก็เริ่มหาวิธีระบายความเครียดโดยไม่สนใจอะไรเลย
“เฮ้ นี่มันเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ฉันจะได้ล้างแค้นชาวบ้านทีละคน”
ปัง!
ตุบๆ!
เขาเตะซอมบี้แล้วพูดจาเพ้อเจ้อเหมือนคนบ้า
“โดยเฉพาะแกเป็นคนเสียงดังมาก ชอบพูดจาโอ้อวด ก่อนหน้านี้แกพูดว่าอะไรนะ..ถ้าฉันก่อเรื่องกับครอบครัวแก แกจะไม่ปล่อยฉันไปงั้นเหรอ”
กรอดๆ
มีเสียงฟันกระทบกันเบาๆ ที่ไหนสักแห่ง แต่เจราฟจมอยู่กับโลกของตัวเอง เขาจึงไม่ได้ยินและยังคงเยาะเย้ยอีกฝ่ายต่อไป
“อิอิ งั้นฉันจะให้การดูแลคุณเป็นพิเศษด้วย เมื่อครอบครัวของแกมาร้องไห้ต่อหน้าต่อตา การแสดงออกของแกคงน่าประทับใจมาก”
เมื่อนึกถึงฉากนั้น เจราฟก็ระบายความเครียดของเขาไปที่ซอมบี้อย่างรุนแรงทันที
“ตอนนี้แกจะทำอะไรได้ล่ะ ครอบครัวที่แกอยากปกป้องหายไปไหน ทิ้งให้แกอยู่ที่นี่เพียงลำพัง...”
กรอดด!
มีเสียงน่าขนลุกดังออกมา
ทันใดนั้น กะโหลกศีรษะที่เข้ามาจากด้านหลังก็คว้าไหล่และศีรษะของเจอราฟ และกัดเข้าที่คอของเขา
“เฮ้ย.. นี่มันอะไรเนี่ย?!”
โล่เวทมนตร์ที่คอยปกป้องอยู่รอบตัวเขาตลอดเวลาถูกทำลายลงด้วยการโจมตีที่กะทันหัน
แต่ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถหันศีรษะหลบได้ชั่วขณะและไม่ให้คอฉีกขาดออกไปได้
แต่เขาก็ยังถูกกัดอยู่ดี
"อ๊าก!"
จากนั้นเจราฟก็ปล่อยพลังแห่งความมืดออกจากร่างของเขาทั้งหมด ทำให้กะโหลกที่ห้อยอยู่บนหลังของเขาหลุดออกไป
เขาปิดบาดแผลที่เลือดพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วด้วยมือข้างหนึ่งและก้าวถอยหลังเพื่อมองดูผู้โจมตี
“โครงกระดูกเหรอ? เหตุใดจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?”
อย่างไรก็ตามไม่มีเวลาให้เขาตกใจหรือคิดวิเคราะห์อะไร
โครงกระดูกที่ล้มลงไปก็ลุกขึ้นมาและพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง
"อ๊าก... หยุด! หยุดนะ!"
โครงกระดูกดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อคำสั่งของเจอราฟและพุ่งเข้าหาเขาเหมือนกับว่ามันไม่ได้ยินอะไร
แม้ว่าจะไม่ทันตั้งตัวและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่โดยพื้นฐานแล้วเจอราฟก็เป็นพ่อมดแห่งความมืดอยู่ดี
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอันเดด แต่เขาก็มีหลายวิธีที่จะโต้ตอบ โดยเฉพาะถ้ามีแค่โครงกระดูกเพียงตัวเดียวอยู่ตรงหน้าเขา
วูช
ในขณะที่เขาพยายามใช้เวทมนตร์มีบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในปากของเขา ทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากในลำคอ
ทันใดนั้น ซอมบี้ตัวหนึ่งที่เข้ามาจากด้านหลังก็ยื่นมือเข้าไปในปากของเจอราฟและกัดคออีกข้างของเขา
เมื่อมีการขัดขวางการร่ายเวทย์ จิตใจของเจอราฟก็สับสนวุ่นวาย และเวทมนตร์ที่เขาเตรียมไว้ก็ถูกยกเลิกไป
ในความตื่นตระหนก สายตาอันเลือนลางของเจอราฟสบตากับดวงตาที่ไร้ชีวิตของซอมบี้ ซึ่งเพิ่งถูกเขาเยาะเย้ยเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
เป็นดวงตาเดียวกันที่จ้องมองมาที่เขา ตัวที่เขาสัญญาว่าจะดูแลมันเป็นพิเศษ
การปลดปล่อยพลังแห่งความมืดเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ใช่เทคนิคที่เขาสามารถใช้ได้อีก และตอนนี้โครงกระดูกที่อยู่ข้างหลังเขากำลังอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้าเขา
ความกลัวฉายชัดในดวงตาของเจอราฟ….
……………………