บทที่ 6 เวทย์แห่งความมืด
บทที่ 6 เวทย์แห่งความมืด
หลังจากหัวเราะออกมาอย่างช่วยอะไรไม่ได้ เขาก็เข้าใจสถานการณ์
จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องคิดลึกซึ้งเลย
ฮันส์ได้เสียชีวิตแล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะเชื่อมต่อและเรียกเขากลับมาอีกครั้งได้
ผ่านการทำสมาธิครั้งนี้ เขาได้ลองทักษะต่างๆ และได้ตระหนักถึงความสามารถของ "อวตาร" มากขึ้น
เมื่ออวตารตายจะสามารถฟื้นคืนได้หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง
อวาตารที่เพิ่งสร้างขึ้นจะกลายเป็นตัวตนใหม่ที่รีเซ็ตความคืบหน้าและความแข็งแกร่งที่สะสมทั้งหมด
ครั้งนี้ฮันส์ที่ตายได้ผจญภัยและการออกกำลังกายอย่างเข้มงวดมาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้มีความเสียใจมากนัก แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่น
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องหาสาเหตุ
ฮันส์ที่อยู่ในหมู่บ้านที่ปลอดภัยแล้วเขาจะเสียชีวิตได้อย่างไร?
ทำไมเขาถึงไม่ตระหนักรู้เลยว่าเขาได้ตายไปแล้ว แม้ว่าเขาจะหลับสนิทเพียงใดก็ตาม แต่ก็น่าจะรับรู้อะไรบ้างใช่ไหม?
'นี่เป็นปัญหาและต้องคิดถึง'
หากมีการโจมตีจากภายนอก เขาคงสามารถตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ในระหว่างนั้น
แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน?
“ชายชราคนนั้น…” เขาพบว่าตัวเองกำลังพึมพำออกมา
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองโชคดี
เมื่อเผชิญหน้ากับเสือดำเพียงตัวเดียวในป่าอันตราย เขาก็จัดการมันลงมาได้ และได้พบกับหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ใกล้เคียง ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านก็ใจดีกับเขามาก
เขาเกิดความประมาทจริงๆ
เขาเป็นคนแปลกหน้าในดินแดนที่ไม่รู้จักเลย
มันไม่เหมือนกับการเผชิญหน้ากับ NPC ที่ไม่เป็นอันตรายที่จะปรากฏในเกมเมื่อเราเจอในหมู่บ้าน
แต่เขาก็ไม่สามารถจะระมัดระวังและสงสัยอยู่ตลอดเวลาได้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเขาไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง แต่กลับไปสงสัยและระวังเจ้าบ้านมากเกินไป มันก็ไม่ถูกต้อง
‘แต่เขาทำอะไรลงไป เขาใส่อะไรลงไปในเครื่องดื่มหรือเปล่า ยานอนหลับหรือเปล่า? แต่ก่อนจะหลับไปฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรผิดปกตินะ...'
แม้แต่เครื่องดื่มก็ยังถูกแบ่งปันกับหัวหน้าหมู่บ้าน และไม่มีปฏิกิริยาพิเศษใดๆ แม้ว่าพวกเขาจะดื่มไปสักพักแล้ว
บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดและมีบางสิ่งที่มองข้ามไป…
เพี้ยง!
เขาตบตัวเองเพื่อให้หลุดจากความคิด
ความจริงแล้วการสูญเสียของเขาไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก
มีเพียงค่าใช้จ่ายในการพยายามของฮันส์ไม่กี่วันและข้าวของที่เขาส่งไปเท่านั้นที่เขาสูญเสีย
แต่ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่เขาสามารถเข้าใจ "อวตาร" ได้ดียิ่งขึ้น เนื่องมาจากต้องสูญเสียฮันส์ไปก่อนที่จะต้องสูญเสียอะไรไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถที่จะคิดบวกและกระทำอย่างมักง่ายต่อไปได้
อันตรายจากโลกอีกใบได้รับการพิสูจน์แล้วจากสถิติการกลับมาที่เฉลี่ยน้อยกว่า 20%
ด้วยสิ่งที่เขาได้ประสบมาในครั้งนี้ หากไม่ใช่อวตารที่เสียชีวิตไป มันคงเป็นจุดจบของเขาภายในสองวันหลังจากไปถึงโลกอีกใบ
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี
เขาควรส่งอวตารอีกร่างไปไหม?
แต่ในขณะนี้มันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการเคลื่อนย้ายมิติระหว่างโลกมีเวลาคูลดาวน์หนึ่งวัน
และการส่งไซนส์กลับไปยังที่ที่อวตารคนก่อนไปเขาก็ลังเลเช่นกัน เพราะอาจยังมีความเสี่ยงอยู่ที่นั่น
เขาควรส่งไซนส์ไปที่อื่นดีไหม?
แต่การเคลื่อนย้ายมิติสามารถส่งเขาไปยังสถานที่ที่อวตารคนก่อนเคยไปเท่านั้น
แม้ว่าจะไม่ไปที่หมู่บ้านก็ยังคงเป็นป่าลึกอันอันตราย
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ได้เชื่อมโยงกับอวตารของโลกอีกใบอีกครั้งอย่างกระทันหัน
-
สิ่งแรกที่เขาได้ยินคือเสียงของหัวหน้าหมู่บ้าน
“จุ๊ๆ... ฉันคิดว่าเขาจะเป็นคนมีประโยชน์สักหน่อย แต่กลายเป็นว่าเขาไม่รู้ตัวอะไรเลย”
“ถูกต้องแล้ว แม้ว่าเขาจะผ่านป่าปีศาจมาเพียงลำพังและการทำงานของเขาก็ดูคล่องแคล่ว”
“เขาก็เป็นแค่โครงกระดูกชั้นยอดเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ฉันคงคาดหวังไว้สูงเกินไป..ฉันจะไปแล้ว”
“ครับท่าน”
เสียงหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังคุยกับใครคนหนึ่งค่อยๆ เงียบลง และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงประตูล็อคดังคลิก
โดยไม่รู้ตัว เขาคงรู้สึกตึงเครียดมากเกินไปก็เลยถอนหายใจ ขณะที่พยายามผ่อนคลายร่างกายที่เกร็งของตัวเอง
“อ่า..” แต่เสียงของเขาค่อนข้างแปลกอย่างมาก
เมื่อตระหนักได้ดังนี้ เขาก็พบว่าร่างกายของเขาไม่เหมือนเดิม และไม่มีเสียงถอนหายใจใดๆ ออกมาเลย
เขาไล่สายตาลงช้าๆ เพื่อตรวจดูสภาพร่างกายของตัวเอง
ในขณะนั้น ก็มีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
[ค่าสายพันธุ์ของอวตารได้รับการเปลี่ยนเป็น 'อันเดด' ได้รับทักษะพิเศษ 'หัวใจสลาย']
และเขาจ้องมองมันด้วยความตกใจก่อนที่จะก้มหัวลงเพื่อตรวจสอบร่างกายของตัวเอง
ตอนที่เขายังอยู่โรงเรียน เขาเคยเห็นโครงกระดูกจำลองมนุษย์ในห้องแล็บชีววิทยา
ตอนนี้เขาเห็นมาแทนร่างกายของเขา
เขาตรวจสอบอย่างใกล้ชิดโดยตรวจดูช่องว่างระหว่างซี่โครงกับกระดูกแขน
แล้วเขาก็ได้ข้อสรุปว่า
'แต่ฉันไม่มีหัวใจงั้นหรือ…?'
มันจะเกี่ยวข้องกับ“หัวใจสลาย” ที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้หรือป่าว?
จากนั้นเขาก็จัดระเบียบสถานการณ์
หัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้ใช้เวทมนตร์
อีกฝ่ายฆ่าเขาแล้วฟื้นคืนร่างเขาเป็นอมตะ
ดังนั้น 'ฮันส์' จึงกลายมาเป็นโครงกระดูกเคลื่อนไหวได้ เป็นโครงกระดูกชั้นยอด
<ข้อมูลส่วนบุคคล>
-ชื่อ : ฮันส์
-สายพันธุ์: อันเดด (โครงกระดูกชั้นยอด)
- ลักษณะทั่วไป: "แยกจิต" "ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว"
- ความสามารถเฉพาะตัว: "หัวใจสลาย", "ความสัมพันธ์กับเวทมนตร์"
-คุณสมบัติที่โดดเด่น: แปลงร่างเป็นอันเดดผ่านเวทมนตร์ต้องห้าม ไม่ได้รับผลจากผลกระทบเชิงลบ เช่น ความตาย พิษ คำสาป และภาพลวงตา ไม่มีการปนเปื้อนทางจิตใจเนื่องจากทักษะ "แยกจิต"
เขารู้สึกปวดหัว
แต่คงเป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้นเพราะเขาไม่มีสมอง
เขาหยุดคร่ำครวญแล้วตัดสินใจสำรวจสิ่งรอบข้าง
แม้ว่าเขาจะรู้สึกตกใจ แต่เนื่องจากเขาคิดว่าอวตารได้ตายไปนานแล้ว จึงไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงอีก
เขามองไปรอบๆ แล้วพบว่าบางอย่างแตกต่างไปจากเมื่อก่อน
แม้ว่าตอนนี้จะมืดสนิท แต่เขาก็มองเห็นได้ชัดเจน
เขาจะเรียกมันว่า 'เห็น' ดีไหม?
เพื่อความแน่ใจ เขาจึงเอากระดูกนิ้วของตัวเองยับใส่เข้าไปในเบ้าตา
อืม รู้สึกโล่งๆ อย่างที่คาดไว้
เขาถอนนิ้วออกจากเบ้าตา แล้วมองไปข้างหน้าอีกครั้ง
แม้จะไม่มีลูกตา แต่ก็ไม่มีอะไรกีดขวางการ "มองเห็น"
ไม่เพียงเท่านั้น ต่างจากมนุษย์ที่การมองเห็นมีข้อจำกัดเนื่องจากโฟกัสของรูม่านตา ส่วนด้านหน้าทั้งหมดที่หันไปมอง เบ้าตาจะมองเห็นได้ในทันที
และเขาก็สัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาที่อยู่รอบตัวเขา
ใช่ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีหนูกำลังเล่นกับรูใกล้ด้านหลังศีรษะของเขา
นี่อาจเป็นผลประการหนึ่งจาก "หัวใจสลาย" ด้วย
หลังจากตรวจสอบสั้นๆ เขาก็พบว่าทักษะต่างๆ รวมไปถึงลักษณะทั่วไปของ 'อันเดด' ตั้งแต่ความต้านทานต่อการโจมตีทางจิตใจและความหนาวเย็นไปจนถึงการติดเชื้ออันเดดและการรังเกียจสิ่งมีชีวิต
“แต่ฉันสามารถกรองผลกระทบเชิงลบออกไปด้วย”แยกจิต" ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญ”
ส่วนสถานที่ที่เขาอยู่ดูเหมือนเป็นห้องเก็บของขนาดใหญ่ใต้ดิน
หลังจากสำรวจบริเวณรอบ ๆ ที่ทรุดโทรมอย่างคร่าวๆ แล้ว เขาก็ต้องตกตะลึง
“โอ้ แปลกจัง..นี่มันอะไรเนี่ย!”
มีพวกสิ่งมีชีวิตหลังความตายยืนเรียงรายเหมือนเขาอยู่
พวกมันยืนอยู่ตรงกลาง แต่พวกมันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวในความมืด ดังนั้น เขาจึงไม่สังเกตเห็นพวกมันจนถึงตอนนี้
มันมีทั้งซอมบี้ไปจนถึงโครงกระดูกที่ติดอาวุธธนูและสวมชุดเกราะ
ขณะที่เขาสังเกตพวกมันสักครู่ หนูที่เขารู้สึกอยู่ตั้งแต่ก่อนก็วิ่งไปหาซอมบี้ และกัดกินนิ้วเท้าที่เกือบขาดของมัน
"โอ้ย...น่าขยะแขยง..."
ในขณะที่กำลังพึมพำกับตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเพ่งความสนใจไปที่รูปลักษณ์ของซอมบี้ ราวกับว่าภาพของพวกมันถูกประทับลงในจิตใจของเขาอย่างแปลกประหลาด
มันมีทั้งผู้ใหญ่ชายและหญิง รวมถึงคนชราและเด็ก ๆ อยู่ที่นั่น
'เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาคือ...?'
เขานึกถึงฉากที่ได้เห็นขณะเดินเล่นรอบหมู่บ้านตั้งแต่วันที่มาถึงจนถึงวันรุ่งขึ้น
เขาไม่พบเด็กๆ แม้สักคนเลย
นอกจากนี้ยังมีทุ่งนาติดกับหมู่บ้านด้วย จึงเป็นสาเหตุหลักที่เขาคิดว่านี่คือสถานที่สำหรับเก็บพืชผลของหมู่บ้าน
เมื่อเขาเดินไปช่วยงานในหมู่บ้าน เขาไม่เห็นคนทำงานอยู่ในทุ่งนาสักคนเลย
ในตอนนั้นความรู้ที่เขามีเกี่ยวกับการทำฟาร์มยังน้อยทำให้เขามองข้ามไป แต่ตอนนี้มันชัดเจนสำหรับเขาแล้ว
'พวกนี้คงจะกินทั้งหมู่บ้านแล้วตั้งรกรากอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!'
เมื่อความคิดนี้เข้ามาเขาก็ตัวสั่น
ในขณะเดียวกัน เขาก็พยายามแยกความสับสนและคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หมู่บ้านทั้งหมดนี้ถูกครอบครองโดยพ่อมดมนตร์ดำ
เมื่อพิจารณาจากซอมบี้ที่ไม่มีเพียงแต่ชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวกอันเดดที่มีลักษณะเหมือนอัศวินด้วย พวกมันน่าจะเป็นคนที่แอบอ้างตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาเพื่อหลอกลวงสายตาของชาวบ้านรอบข้าง
เขาคงเป็นเหยื่อที่เดินเข้ามาในปากของสัตว์ประหลาดเองอย่างไม่รู้ตัวและเต็มใจ
เมื่อคิดย้อนกลับไป คำถามที่หัวหน้าหมู่บ้านถามดูเหมือนเป็นความตั้งใจที่จะตรวจสอบว่าเขาเป็นคนที่สามารถหายตัวไปทันทีโดยไม่ทำให้เกิดปัญหาหรือไม่
การพักชั่วคราวหนึ่งวันอาจเป็นกระบวนการตรวจสอบว่าผู้ชายคนนี้จะมีปัญหาตามมาหรือไม่
'แล้วฉันจะจัดการกับคนพวกนี้ยังไง?'
แม้ว่าเขาจะรู้สึกหงุดหงิดกับความจริงที่ว่าเขาถูกฆ่าและกลายเป็นอันเดต เขารู้สึกโกรธอยู่เล็กน้อยจริงๆ
ถึงแม้ว่า "แยกจิต" จะกรองอารมณ์ของเขาและลดผลกระทบลง แต่การเห็นการเสียสละของเด็กๆ เขาก็ยังคงไม่น่าพอใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนเหล่านี้ได้ข้ามเส้นไกลเกินไปแล้ว
เขาไม่สามารถจะเพิกเฉยต่อมันได้แม้ว่าเขาจะไม่ถูกกระทำก่อนก็ตาม
แถมตอนนี้เขาถูกอีกฝ่ายทำให้กลายเป็นอันเดตแล้ว
และเขายังมีอะไรจะสูญเสียอีกละ?
หากเขาสามารถตอบโต้คนที่ทำเช่นนี้กับเขาได้ก็คงจะดี
แต่ตอนนี้เขารู้สถานการณ์เกือบทั้งหมดแล้ว และคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์
“ขั้นแรกฉันต้องรวบรวมข้อมูลก่อน”
เพราะถึงอย่างไร เขาก็ยังมีเวลาเหลือเฟือ
….
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เขาได้ค้นหาในห้องเก็บใต้ดินที่เขาติดอยู่
แม้ว่าถ้าพิจารณาตามเวลาโลกน่าจะผ่านไปเพียงวันเดียวเท่านั้น
สถานที่นี่เดิมทีดูเหมือนว่าจะมีทางเข้าอยู่สองทาง แต่ทางเข้าหนึ่งได้พังทลายลงไปจนไม่สามารถใช้งานได้
นี่แปลว่ามีทางเดินเพียงทางเดียวที่หัวหน้าหมู่บ้านและลูกน้องของเขาใช้เดินทางเข้าออก
จากนั้นเขาก็ประเมินพวกอันเดดที่อยู่กับเขา
ซอมบี้ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แต่ก็มีโครงกระดูกจำนวนไม่น้อยที่ติดอาวุธประเภทต่างๆ
มีซอมบี้ประมาณห้าสิบตัว แต่ถ้ารวมทหารโครงกระดูกด้วย ดูเหมือนว่าจะมีประมาณสามร้อยตัว
จู่ๆ ก็มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ประตูเปิดออกและมีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
เขาหยุดการกระทำของตัวเองทันทีและยืนนิ่งเหมือนกับอันเดดตัวอื่นๆ
นับตั้งแต่ที่กลายเป็นอันเดดและติดอยู่ในที่นี่ เขาก็ได้รับรู้ว่าเหล่าลูกน้องของหัวหน้าหมู่บ้านจะผลัดกันลงมาตรวจคลังสินค้าทุกๆ 2-3 วัน
"เฮ้อ เราต้องทำอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"
มีเสียงบ่นอย่างหยาบคายของใบหน้าที่เขาเคยเห็นในขณะช่วยซ่อมแซมหมู่บ้าน
อีกฝ่ายน่าจะเชื่อเจฟี่
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาทำตัวเกียจคร้านได้ในตอนนั้น เขาคิดเมื่อตระหนักว่าเขาเป็นศิษย์หรือลูกน้องคนสนิทของนักเวทย์
"หือ..?"
เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกๆ เขาจึงเหลือบมองมาทางฮันส์
'เขาสังเกตเห็นอะไรงั้นหรือ?
หัวใจของเขาจมลง
แน่นอนว่าเขาไม่มีหัวใจ
“ทำไมอันเดตตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ ในเมื่อไม่มีใครทำหน้าที่ของตัวเองได้ถูกต้องเลย ยกเว้นฉัน”
พร้อมกับเสียงที่ทำให้กะโหลกศีรษะของเขาสั่นสะเทือน เขารู้สึกถึงพลังบางอย่างพยายามจะขยับร่างกายของเขาอย่างรุนแรง
และเขาสามารถละเลยมันได้อย่างง่ายดายถ้าเขาอยากที่จะทำอย่างนั้น
แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา
เขาไม่ได้ต้านทานแรงที่พยายามจะขยับร่างกายและเดินไปยังที่ที่โครงกระดูกอื่นๆ กำลังรวมตัวกันและเรียงแถวกันอย่างเชื่อฟัง
“เรียบร้อย แต่ทำไมต้องคอยตรวจสอบอยู่เสมอในเมื่อที่นี่ไม่มีใครนอกจากพวกเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คุณลุงนี่ช่างพิถีพิถันจริงๆ”
เจฟีที่กำลังฟาดไม้เท้าแวววาวไปมาอย่างหยาบคายในขณะที่ตรวจสอบ ก็ได้บ่นพึมพำแล้วเดินออกจากห้องเก็บของไป
เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
แม้จะได้ยินเสียงประตูล็อคแล้ว เขาก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ซักพักก่อนจะเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ
เป็นการดีกว่าที่จะระมัดระวังและตื่นตัวมากกว่าที่จะโดนจับได้
เพราะอย่างไรก็ตาม สำหรับ 'ฮันส์' ก็ยังมีเวลาว่างเหลือเฟือ
และครั้งนี้ก็ได้รับข้อมูลสำคัญอย่างหนึ่ง
พลังที่เขารู้สึกเมื่อเจฟี่ควบคุมร่างกายของเขา
มันเป็นพลังที่คุ้นเคยมาก
นั่นเพราะว่าเป็นพลังเดียวกันที่ทำให้ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวได้ทันที
กลไกในการเคลื่อนย้ายเนื้ออันเดดนี้แตกต่างไปจากกลไกของสิ่งมีชีวิตทั่วๆ ไป
เพราะร่างกายนี้ไม่มีกล้ามเนื้อเลย
พลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาในขณะนี้เรียกว่า ‘เวทย์แห่งความมืด’ จะใช้ควบคุมอันเดตแทนความรู้สึกหรือกล้ามเนื้อ
นี่ก็คงเป็นผลของทักษะพื้นฐาน 'หัวใจที่สลาย' เช่นกัน
แต้ด้วย 'ความสัมพันธ์อันแนบแน่น' เขาจึงสามารถติดตามการทำงานของพลังที่ใช้ควบคุมร่างกายของเขานี้ได้
'เช่นนั้น..วิธีการควบคุมอันเดดก็….'
เขามองไปที่สิ่งมีชีวิตอมตะนับร้อยที่เหลืออยู่รอบตัวเขา ซึ่งรอการควบคุมอยู่….
………………………….