บทที่ 57 การคาดเดาเกี่ยวกับลู่หยาง
บทที่ 57 การคาดเดาเกี่ยวกับลู่หยาง
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับเวทมนตร์ที่แองโกโล่ได้ปล่อยมา แต่ในระหว่างนั้นพวกเขาก็ทึ่งกับความสามารถในการหลบหลีกของลู่หยางไม่แพ้กัน
“หวังว่าสักวันฉันจะไปถึงระดับเดียวกันกับเขาบ้าง แต่ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเขาจะต้องฝึกฝนยังไงถึงได้เก่งกาจขนาดนั้น?” จางจื่อโป๋กล่าว
“ฉันว่าลู่หยางคนนี้จะต้องเป็นทหารแน่ ๆ ดีไม่ดีอาจจะเป็นหน่วยรบพิเศษเลยก็ได้” เหลิ่งเฟิงกล่าว
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?” หลานอวี่ถาม
“การที่เขาสามารถแสดงฝีมือออกมาได้ขนาดนี้หลังจากเกมเปิดให้บริการเพียงแค่สามวัน มันก็หมายความว่าเขามีฝีมือในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นทุนเดิม ซึ่งนอกเหนือจากหน่วยรบพิเศษแล้วฉันก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่ามันจะมีใครที่มีความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างน่าอัศจรรย์ได้ถึงขนาดนี้” เหลิ่งเฟิงกล่าว
“หน่วยรบพิเศษไม่ได้มีแต่ลุงแก่ ๆ เหรอ? ทำไมตัวละครของเขาถึงดูมีอายุไม่ห่างจากพวกเราเท่าไหร่เลย” หลานอวี่ถามอย่างสงสัย
“บางทีเขาอาจจะปรับตัวละครมาก็ได้ ท่าทางการพูดของเขาก็ดูเหมือนคนมีอายุอยู่นะ ฉันคิดว่าเขาจะต้องปลอมตัวมาแน่ ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวเสริม
หลังจากได้ยินเซี่ยหยู่เว่ยพูดขึ้นมาแบบนี้ จางจื่อโป๋, ชิงเฟิงและคนอื่น ๆ ก็นึกย้อนกลับไปถึงวิธีการพูดและการกระทำของลู่หยาง และพวกเขาก็รู้สึกว่าข้อสันนิษฐานของเซี่ยหยู่เว่ยฟังดูมีเหตุผล
“จริงด้วยแฮะ” จางจื่อโป๋พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในเวลาเดียวกันเสี่ยวเหลียงที่แอบฟังทุกคนวิเคราะห์สถานการณ์ก็แอบขำขึ้นมาไม่ได้ เพราะลูกพี่ของเขาเพิ่งจะเข้ามาหาวิทยาลัยปี 1 และไม่มีอะไรดูคล้ายกับลุงแก่ ๆ ในหน่วยรบพิเศษเลยแม้แต่น้อย
ชิงเฟิงที่สังเกตเห็นเฮ่ยเจียยืนอยู่ตรงนั้นเขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า
“เฮ่ยเจีย ลูกพี่ของคุณอายุเท่าไหร่งั้นเหรอ?”
ทันใดนั้นพวกเซี่ยหยู่เว่ยก็เพิ่งนึกได้ว่าเสี่ยวเหลียงคือคนรู้จักของลู่หยาง พวกเธอจึงรู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเธอไปเสียทีเดียว เพราะเฮ่ยเจียไม่ค่อยเปิดปากพูดมากนักจนทำให้ตัวตนของเขาไม่ค่อยเป็นที่สังเกตของคนอื่น
“นั่นสิเฮ่ยเจียลูกพี่ของคุณอายุเท่าไหร่งั้นเหรอ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
เสี่ยวเหลียงตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าในชาตินี้เขาจะคอยรับใช้ลู่หยางอย่างซื่อสัตย์ ถ้าหากลูกพี่ของเขาไม่อนุญาตเขาก็จะไม่ยอมปริปากพูดความลับอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว
“ขอโทษด้วยแต่ฉันพูดเรื่องนี้ไม่ได้” เสี่ยวเหลียงตอบ
เมื่อได้เห็นลูกน้องของลู่หยางที่ซื่อสัตย์ทุกคนก็พูดอะไรไม่ออก อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้มันก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยว่าแท้ที่จริงลู่หยางเป็นคนแบบไหนกันแน่
“ทุกคนเริ่มโจมตีได้ ตอนนี้ความเกลียดชังของบอสอยู่ที่ฉันหมดแล้ว” ลู่หยางตะโกนสั่ง
ปานชีเฉินกวงและนักเวททั้งสี่คนพร้อมทั้งนักธนูและวอลอคในทีมที่ยืนอยู่ห่างจากลู่หยางประมาณ 30 เมตรเริ่มทำการระดมโจมตีอย่างสุดกำลัง
“แล้วสายระยะประชิดล่ะจะให้ทำยังไง?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“ยืนรอไปก่อน อย่าเข้าไปใกล้มันเด็ดขาด ถ้าหากบอสใช้เซอเพนท์ออฟธันเดอร์ขึ้นมาทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ตายกันหมดแน่”
เซอเพนท์ออฟธันเดอร์!
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพูดอยู่นั้น มันก็มีแสงสีขาวสว่างวาบออกมาจากมือของแองโกโล่
ลู่หยางหลบหลีกออกไปทางด้านข้างจนทำให้สายฟ้าพุ่งเข้าใส่ผนังหินที่อยู่ทางด้านหลัง และก่อให้เกิดหลุมลึกที่มีความกว้างมากกว่า 30 เซนติเมตร
เซี่ยหยู่เว่ยกำลังคิดที่จะโต้แย้ง แต่เมื่อเธอได้เห็นพลังทำลายของสายฟ้าเธอก็กลืนคำพูดของตัวเองกลับไปในทันที
“ระวังตัวด้วย ถ้าหากคุณต้องการความช่วยเหลือสามารถเรียกพวกเราได้ตลอดเวลา”
“ไม่ต้องห่วง บอสตัวนี้มันกลัวไฟ ความเสียหายธาตุไฟจะสร้างความเสียหายให้กับมันได้เป็นสองเท่า ยิ่งฉันใช้เวทโดนหัวมันความเสียหายก็จะเพิ่มขึ้นจนกลายเป็น 4 เท่า”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้นลู่หยางก็ได้ทำการปล่อยลูกไฟเข้าใส่ศีรษะของแองโกโล่ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ
-980 (คริติคอล)
“มันเร็วขนาดนี้ยังจะยิงโดนอยู่อีกเหรอเนี่ย” จางจื่อโป๋อุทานขึ้นมาอย่างตกใจ เพราะท้ายที่สุดแองโกโล่ก็เคลื่อนที่ได้เร็วมากและศีรษะของมันก็ยังมีขนาดเล็กกว่าศีรษะของโอเกอร์คลิฟเป็นเท่าตัว
“แค่นี้สบายมาก” ลู่หยางกล่าวขณะกระโดดหลบธนูน้ำแข็ง
ระหว่างหลบหลีกมือของชายหนุ่มก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ ก่อนที่ลูกไฟขนาดใหญ่จะปะทะเข้าใส่หัวของแองโกโล่อีกครั้ง
-980 (คริติคอล)
“เป็นไปได้ยังไงกัน!” ชิงเฟิงอุทานอย่างตกใจและเขาก็กำลังแอบคิดว่าบางทีลู่หยางอาจจะไม่ใช่มนุษย์
พวกเซี่ยหยู่เว่ยต่างก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง และทุกคนต่างก็ส่ายหน้าเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าไม่มีใครรู้ว่าลู่หยางสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง
อันที่จริงการโจมตีด้วยเวทมนตร์ก็ไม่ต่างไปจากการยิงปืนในโลกแห่งความเป็นจริงมากนัก เพียงแต่ความเร็วของลูกกระสุนปืนในโลกแห่งความเป็นจริงรวดเร็วกว่าความเร็วของลูกไฟภายในเกมก็เท่านั้นเอง
ถึงแม้ลูกไฟจะเคลื่อนที่ได้ช้ามากแค่ไหน แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักแม่นปืน ลู่หยางก็ยังสามารถคำนวณหาจุดยิงที่เหมาะสมได้เหมือนเดิม
หลังจากนั้นลู่หยางก็ได้แสดงให้ทุกคนได้รู้จักกับคำว่าสมบูรณ์แบบ เพราะลูกไฟทุกลูกต่างก็ปะทะเข้ากับศีรษะของแองโกโล่โดยไม่พลาดเป้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ด้วยการโจมตีติดคริติคอลมากกว่า 30 ครั้ง มันจึงทำให้พลังชีวิตของบอสลดลงไปเกือบ 30,000 หน่วยด้วยความเสียหายจากลู่หยางเพียงแค่คนเดียว
เมื่อได้รวมความเสียหายจากปานชีเฉินกวงและคนอื่น ๆ เข้าไปด้วย มันก็ทำให้ในตอนนี้พลังชีวิตของแองโกโล่เหลืออยู่ต่ำกว่า 40,000 หน่วยเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงแค่ประมาณ 2 นาที
“ไอ้พวกชั่วช้า! ข้าจะให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสกับความหนาวเหน็บ”
บลิซซาร์ด!
แองโกโล่ยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับชูฝ่ามือเรียกก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นมาเหนือศีรษะของมัน
“ทุกคนรีบวิ่งหนีไปอย่ายืนนิ่งอยู่เฉย ๆ อย่างเด็ดขาด!!” ลู่หยางตะโกนสั่ง
ปานชีเฉินกวงกำลังร่ายสกิลไฟร์บอลจนเสร็จแล้วและเขาก็ยังไม่อยากยกเลิกสกิลกลางคัน แต่ในเวลานั้นเมฆสีดำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 10 เมตรก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา พร้อมกับมีคมมีดน้ำแข็งอย่างมากมายที่ถูกยิงออกมาจากกลุ่มเมฆและพุ่งเข้าใส่ตรงบริเวณที่ปานชีเฉินกวงยืนอยู่
-417
การโจมตีเพียงครั้งเดียวมากเพียงพอที่จะทำให้ปานชีเฉินกวงเสียชีวิตล้มลงไปนอนกองกับพื้น
“เร็วมาก!?” ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ทุกคนถอยออกไปอย่างน้อย 50 เมตร พายุหิมะพวกนี้มันไม่ได้โจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว” ลู่หยางตะโกนบอกส่วนที่เหลือ
หลังจากชายหนุ่มพูดจบมันก็มีเมฆสีดำปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา ลู่หยางจึงรีบกระโดดออกไปจากวงเมฆในทันที
แม้ลู่หยางจะกระโดดหลบไปแล้วมันก็มีเมฆอีกก้อนปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขาอยู่ มันจึงทำให้ชายหนุ่มจำเป็นจะต้องกระโดดหลบหนีอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาทั่วทั้งลานกว้างก็มีเมฆสีดำขนาด 10 เมตรโผล่ขึ้นมาต่อเนื่องถึงสามลูก ขณะที่พายุหิมะก็ยังคงพัดลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน
ถ้าในพื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยผู้เล่น การโจมตีของบอสเพียงแค่ครั้งเดียวก็มากพอที่จะสังหารสมาชิกส่วนใหญ่ภายในทีมลง แต่โชคดีที่ในตอนนี้มีลู่หยางอยู่ในระยะการโจมตีของบอสเพียงแค่คนเดียว และเขาก็ยังสามารถกระโดดหลบการโจมตีของบอสได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
“มันช่างเป็นสกิลท่าไม้ตายที่สวยงามจริง ๆ” ชิงเฟิงกล่าว
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อบอสหยุดการเคลื่อนไหว ลู่หยางก็เริ่มตะโกนสั่งการขึ้นมาอีกครั้ง
“สกิลหมดผลแล้ว ทุกคนกลับมาเริ่มโจมตีต่อได้!”
“ครับ” จินเชว่หลางจุนผู้ซึ่งเป็นนักเวทอีกคนพูดขึ้นมา และด้วยผลจากเนื้อปลาไหลทอดกรอบในช่วงที่พวกเขากำลังหลบหนี มันจึงทำให้มานาของเหล่านักเวทฟื้นคืนกลับมาได้มากพอสมควร
ลู่หยางยังคงโจมตีดึงดูดความเกลียดชังจากบอสเข้าหาตัวเขาอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าแองโกโล่ก็ยังคงโจมตีชายหนุ่มไม่โดนเหมือนเช่นเคย
เมื่อพลังชีวิตของแองโกโล่เหลือเพียง 20,000 มันก็ส่งเสียงคำรามขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าไม่ใช่คนผิด! ถึงแม้ข้าจะสูญเสียเวทมนตร์ธาตุไฟไป แต่ข้าก็ยังเชี่ยวชาญเวทมนตร์อีกสี่ธาตุ เจ้ามนุษย์ที่โง่เขลาจงลิ้มรสสายฟ้าของข้าเดี๋ยวนี้!!”
สแตติคฟิลด์!
วงแสงสายฟ้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตรค่อย ๆ ปรากฏขึ้นใต้เท้าของลู่หยาง ซึ่งถ้าหากผู้เล่นยืนนิ่งอยู่กับที่พวกเขาก็จะถูกสายฟ้าโจมตีไปในพริบตา
สแตติคฟิลด์ใช้เวลาก่อตัวเพียงแค่ 2.5 วินาทีเท่านั้น ถ้าหากผู้เล่นเกิดอาการลังเลแม้แต่วินาทีเดียว พวกเขาก็จะกระโดดหลบออกมาไม่ทันอย่างแน่นอน
ลู่หยางกระโดดออกมาจากวงสายฟ้า ก่อนที่จะตะโกนบอกนักเวทคนอื่น ๆ ว่า
“ถอยออกไปอย่างน้อย 50 เมตรเร็วเข้า!”
จินเชว่หลางจุนและนักเวทคนอื่น ๆ ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในครั้งก่อนแล้ว พวกเขาจึงรีบวิ่งออกไปนอกวงการต่อสู้ในทันที
ทันทีที่ลู่หยางพูดจบสแตติคฟิลด์วงที่ 2 ก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของจินเชว่หลางจุน แต่โชคดีที่เขาวิ่งหนีออกมาแล้วมันจึงทำให้เขาสามารถหลบหลีกจากการโจมตีในครั้งนี้ได้ทัน
เมื่อทุกคนวิ่งหนีออกไปนอกระยะการโจมตี ภายในขอบเขตการต่อสู้จึงเหลือลู่หยางตกเป็นเป้าหมายเพียงคนเดียว สแตติคฟิลด์จึงปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง
ลู่หยางยังคงเคลื่อนไหวเช่นเดิม โดยการวิ่งเลียบไปตามขอบวงและหลบหนีสแตติคฟิลด์ที่แองโกโล่เรียกออกมาได้ทั้งหมด
“เฮ้อ! โชคดีที่พวกเรามีลู่หยางอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นทุกคนคงจะตายกันหมดแน่ ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยพูดเบา ๆ อย่างประทับใจ
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เมื่อผลของสกิลสแตติคฟิลด์หมดลง ลู่หยางก็หันมาตะโกนบอกกับทุกคนว่า
“ทุกคนเข้ามาได้เลย บอสเข้าสู่เฟสสุดท้ายแล้ว เฮ่ยเจียใช้สกิลชาร์จแล้วเปิดสกิลชิลด์วอลล์ตามด้วยสกิลยั่วยุ นักบวชทั้งห้าคนโฟกัสการฮีลไปที่เขาเพียงคนเดียว ส่วนคนที่เหลือโจมตีอย่างสุดกำลัง พวกเราจะต้องสังหารมันให้ได้ภายใน 10 วินาที!”
พวกเซี่ยหยู่เว่ยรอคำสั่งนี้อยู่แล้ว เมื่อลู่หยางสั่งการทุกคนต่างก็ระดมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
แองโกโล่เหลือพลังชีวิตอยู่แค่ประมาณ 20,000 หน่วยเท่านั้น เมื่อมันโดนทุกคนรุมโจมตีในพริบตาพลังชีวิตของมันก็ลดลงมาเหลืออยู่ต่ำกว่า 5,000 หน่อย
ไม่ถึง 10 วินาทีแองโกโล่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปร่างกายของมันจึงทรุดลงไปเสียชีวิตกับพื้น
ระบบ: คุณสังหารจอมเวทย์แองโกโล่สำเร็จ
ลู่หยางรีบไปหยุดยืนข้าง ๆ ศพของแองโกโล่ ก่อนที่เขาจะทำการเลือกเก็บของเพื่อทำการเก็บศีรษะของแองโกโล่เข้าไปในกระเป๋า
นี่คือส่วนประกอบชิ้นสำคัญชิ้นที่ 2 ในการอัปเกรดหัวใจแห่งเทพอสูร และวัตถุดิบสำหรับการแลกส่วนประกอบชิ้นสุดท้ายเขาก็ได้เตรียมดาร์คสไปเดอร์ซิลค์ 600 ชุด และลูมินัสเอเลเมนท์ 600 ชุดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าอีกไม่นานเขาก็จะสามารถอัปเกรดหัวใจแห่งเทพอสูรได้แล้ว