บทที่ 5 เจียงหงเอ๋อ
ลู่เฉินมีกำลังมหาศาลถึงพันชั่ง ร่างกายเขาได้ทะลวงขีดจำกัดบางอย่างไปแล้ว ทำให้เขาก้าวข้ามสู่ขอบเขตขั้นหนึ่งอย่างมั่นคง ความสามารถรอบด้านของเขาจึงพัฒนาขึ้นอย่างมาก สายตาของเขาก็เช่นกัน เขาสังเกตเห็นว่าขณะที่หญิงสาวคนนั้นเดิน ฝ้าเท้าของเธอแทบไม่แตะพื้นเลย
"เดินอย่างไร้ฝุ่น"
"ปีศาจ? หรืออาจเป็นนักพรต? หรือบางที เป็นคนที่หลวงจีนหยวนเจินส่งมาทดสอบเรา?"
"กับดักสาวงาม?"
ในชั่วพริบตา ลู่เฉินคิดไปต่าง ๆ นานา
เห็นว่าผู้คนรอบข้างหลายคนถูกความงามของหญิงสาวนั้นดึงดูดจนไม่ได้สติ ลู่เฉินจึงรีบคว้าชายฉกรรจ์หนวดเฟิ้มคนหนึ่งมาถาม
"พี่ใหญ่ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?"
"ไสหัวไป!"
ชายหนวดเฟิ้มมีท่าทีหงุดหงิด พยายามจะแกะฝ้ามือลู่เฉินออก แต่กลับพบว่าเด็กหนุ่มนักพรตตัวเล็กกว่าเขาครึ่งศีรษะนั้นไม่ขยับเลยสักนิด ทำให้เขารู้สึกตกใจ
"เจ้าจะถามอะไร?"
"หญิงสาวงามคนเมื่อครู่นี้เป็นใคร มาจากไหน?"
ชายหนวดเฟิ้มถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบตอบทันที
"นางมาจาก จากหอโคมแดง"
"หอโคมแดง? ที่ไหนน่ะ?"
ลู่เฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ในขณะนั้นเอง หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินผ่านมา พลางหัวเราะเบา ๆ
"เจ้านักพรตน้อยช่างใสซื่อเสียจริง แม้แต่หอโคมแดงยังไม่รู้จัก ที่นั่นเป็นอะไรน่ะหรือ ก็เป็นซ่องแห่งเดียวในเฝ้ามืองเฟิ่งเซียนของเราน่ะสิ เต็มไปด้วยหญิงสาวไร้ยางอาย"
"ซ่อง!!"
ลู่เฉินอ้าปากค้าง พึมพำว่า
"คุณโส..."
หญิงวัยกลางคนเดินผ่านไปแล้ว ส่วนชายหนวดเฟิ้มก็ตอบอย่างอึกอักว่า
"เถ้าแก่...เถ้าแก้เนี๊ย"
"เจ้าของหอนางโลม?!"
ลู่เฉินเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน
หลังจากสอบถามอยู่นาน ในที่สุดลู่เฉินก็ได้รู้ถึงตัวตนของหญิงคนนั้นอย่างแน่ชัด นางคือเถ้าแก่เนี๊ยของหอโคมแดง ชื่อเจียงหงเอ๋อ หญิงสาวผู้เป็นที่ครั่นคร้ามของบุรุษทั้งหลาย และเป็นที่อิจฉาของสตรีทั้งปวง
บุรุษต่างหวาดกลัว เพราะหากทำให้เธอขุ่นเคืองก็จะไม่สามารถเหยียบเข้าหอโคมแดงได้อีก ส่วนสตรีก็อิจฉาเพราะนางงดงามเหลือเกิน งามจนแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกครั่งไคล้
ลู่เฉินยังเด็กเกินไป จึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของนางมาก่อน
"เจียงหงเอ๋อ หญิงสาวคนนี้คงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่"
ลู่เฉินถอนหายใจออกมา แม้ว่าจะดูแปลก แต่ตราบใดที่นางไม่ใช่พวกของเจ้าอาวาสหยวนเจิน ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว
ในเช้าวันนั้น
ลู่เฉินขายของทุกอย่างที่มี ได้เงินมาเป็นเงินหกเหรียญและเหรียญทองแดงอีกเจ็ดสิบสองเหรียญ ซึ่งก็พอที่จะใช้สำหรับอัปเกรดทักษะฝึกหมัด และลมปราณ เขาจึงแวะตลาดไปกินซุปเนื้อแกะกับแป้งแผ่น จากนั้นเดินเล่นต่ออีกสักพักก่อนกลับไปยังอารามฉางชุน
บ่าย
ลู่เฉินถอดป้ายที่ประตูออก ใช้ถ่านเขียนตัวอักษรคำว่า "ฉาง" ลงไป จากนั้นแขวนป้ายขึ้นใหม่อย่างพอใจ แล้วก็เริ่มฝึกวิชาฝ้ามือวัชระไปด้วย
พร้อมทั้งฝึกวิชาอมตะชั่วนิรันดร์แห่งฉางชุนควบคู่กันไปด้วย
วิชาอมตะชั่วนิรันดร์แห่งฉางชุนนี้ หลังจากได้รับการพัฒนาแล้ว แก่นสำคัญจริง ๆ คือชุดท่าบริหารร่างกายที่ต้องใช้การประสานระหว่างการหายใจ ท่าทาง และจิตใจให้ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
วิธีนี้จึงจะสามารถฝึกฝนร่างกายและเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อและกระดูกได้
โชคดีที่ลู่เฉินได้เริ่มฝึกเข้าสู่ประตูของวิชาแล้ว
ขั้นที่ยากที่สุดสำหรับเขานั้นกลับกลายเป็นเรื่องง่ายดาย
ยามอาทิตย์อัสดง*
ลู่เฉินกำลังตั้งใจฝึกวิชาฝ้ามือวัชระ ฝ้ามือที่เหวี่ยงออกไปนั้นเร็วเสียจนเกือบจะเห็นเงาซ้อนกัน ฝ้ามือวัชระนี้เป็นท่าฝ้ามือที่มีการโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นความเร็วตอบโต้ด้วยความเร็ว
และสุดท้ายเหมือนกับใช้ฝ้ามือโจมตีออกไปพร้อมกันเป็นร้อย ๆ ครั้ง
เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ลู่เฉินหยุดท่าฝ้ามือ ยิ้มด้วยความพอใจ
"อัปเกรดได้แล้ว!"
เงื่อนไขการอัปเกรดวิชาฝ้ามือวัชระ
【1】ฝึกฝ้ามือครึ่งวัน (บรรลุแล้ว!)
【2】สิบเหรียญเงิน (บรรลุแล้ว!)
......
【ชื่อ】: ลู่เฉิน
【วิชาฝ้ามือ】: ฝ้ามือวัชระยังไม่เข้าสู่ขั้นต้น (สามารถอัปเกรดได้!)
......
"อัปเกรด!"
เมื่อเทียบกับการพัฒนาวิชาอมตะชั่วนิรันดร์แห่งฉางชุนเมื่อคืน วิชาฝ้ามือวัชระดูเหมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ถ้าในหัวเขาไม่มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับวิชานี้ เขาสงสัยว่าเขาถูกหลวงจีนฮุยเหนิงหลอกให้ฝึกวิชาฝ้ามือวัชระปลอมอยู่ก็เป็นได้
"ดีกว่าไม่มีอะไรล่ะนะ"
ลู่เฉินถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อฝึกฝ้ามือวัชระมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเชื่อว่าในภายภาคหน้าก็จะมีประโยชน์ขึ้น
"เปิดดู!"
เขายื่นฝ้ามือไปแตะม่านแสง ข้อมูลไม่กี่บรรทัดก็ปรากฏขึ้นมา
【เงื่อนไขการอัปเกรดวิชาฝ้ามือวัชระ】
【1】ฝึกฝ้ามือหนึ่งวัน (ยังไม่บรรลุ!)
【2】หนึ่งดวงวิญญาณ (ยังไม่บรรลุ!)
【3】สิบเหรียญเงิน (ยังไม่บรรลุ!)
......
"ต้องใช้ดวงวิญญาณแล้วสิ"
ลู่เฉินพึมพำเบา ๆ พลางมองไปที่ลูกเจี๊ยบสองตัวในเล้า มุมปากยกยิ้มอบอุ่นแต่เต็มไปด้วยเจตนาร้าย ในฝ้ามือชักมีดสั้นออกมาเตรียมพร้อม
"ปัง ปัง ปัง!"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันใด เสียงจากนอกประตูร้องว่า:
"ทหารรักษาการณ์ รีบเปิดประตู!"
"ทหารรักษาการณ์??"
ลู่เฉินชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าเผยแววลังเล
ทหารรักษาการณ์ถือเป็นหน่วยลาดตระเวนที่ใช้ความรุนแรง เป็นกองบังคับบัญชาหลักของคนกว่าห้าหมื่นคนในเมืองเฟิ่งเซียน ส่วนทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะพวกเขามีอิทธิพล กุมอำนาจกองกำลังทหารประจำเมืองที่มีมากถึงสองพันห้าร้อยคน
พวกทหารเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอ พวกเขาฝึกฝนวิชา"จอมทัพเพชฌฆาต"ที่สะสม "พลเพชฌฆาต" จากการสู้รบเพื่อฝึกร่างกายให้แข็งแกร่ง ความสามารถจึงพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ละคนบึกบึนไม่ต่างจากกระทิง
นิสัยของพวกเขาเถื่อนและแข็งกร้าว
แม้แต่สำนักกู่ฉานที่ดูแข็งแกร่ง ยังต้องยอมอ่อนน้อมต่อทหารรักษาการณ์เหมือนลูกแกะตัวน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีข้อเสีย
ใครก็ตามที่ฝึกวิชาจอมทัพเพชฌฆาต จะต้องอายุสั้นลง เมื่อย่างเข้าวัยชรา ความสามารถจะลดลงมหาศาล อีกทั้งหลังฝึกวิชานี้ ร่างกายจะเต็มไปด้วยช่องโหว่เหมือนตะแกรง ทำให้ไม่สามารถฝึกวิชาจิตลมปราณเพื่อบำเพ็ญเซียนได้อีก
"ปัง ปัง ปัง!"
"ดูท่าทหารรักษาการณ์คงทราบว่าข้าอยู่ในนี้แล้ว หนีคงไม่พ้น สู้ไปเจอดูหน้ากันหน่อย"
ลู่เฉินคิดไปพลาง เห็นว่าคงต้องออกไปพบหน้ากันหน่อย อย่างไรเสียเขาไม่ได้ทำความผิดอะไร นอกจากทำให้ลูกเจี๊ยบตัวน้อยตกใจเล่น
"เอี๊ยด~~"
เขาวางมีดสั้นลง เปิดประตูออก เห็นยักษ์ร่างสูงเกือบสองเมตรสองคนยืนขนาบซ้ายขวาเหมือนเทพผู้พิทักษ์ประตู สวมเกราะสีดำเข้มพาดดาบยาว
หนึ่งในทหารขมวดคิ้วกล่าวเสียงเข้มว่า:
"เจ้าหนุ่มนักพรต ไปกับเราซะดี ๆ !"
เกิดเรื่องแล้ว?
ลู่เฉินสะดุ้งโหยง เกือบจะหันหลังหนี เขารีบถามว่า:
“เรื่องอะไรหรือ?”
“เกี่ยวกับอาจารย์ของเจ้า”
“อาจารย์ข้าหรือ? ท่านกำลังปิดด่านฝึกอยู่ ไม่รับแขกหรอก”
“ฮึม~”
ทหารรักษาการณ์พ่นลมหายใจเย็นเยียบออกมาครึ่งศอก ก่อนจะเอ่ยเสียงเหยียดว่า:
“คนตายไปแล้ว จะปิดด่านอะไรอีก?”
“… ตายแล้ว?? โอ้ จริงด้วย ดูเหมือนจะตายแล้วจริง ๆ …”
ทหารรักษาการณ์เป็นผู้กุมอำนาจในเมืองเฟิ่งเซียน เรื่องข้อมูลข่าวสารพวกเขาย่อมรู้มากกว่าใคร ลู่เฉินยังไม่ค่อยแน่ใจนัก จึงถามอย่างระมัดระวังว่า:
“พวกท่าน มีเรื่องอะไรหรือ? บอกใบ้ให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
“เรื่องดี!”
“เรื่องดี? เรื่องอะไรหรือ?”
“เจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าอาจารย์เจ้ามีตำแหน่งเป็นผู้รับรองของทหารรักษาการณ์?”
“พอทราบบ้าง”
ลู่เฉินพยักหน้า อาจารย์เขาคือชิงอวิ๋น ท่านเคยใช้ *คาถาจิตส่องแสง* เป็นประจำ และจะมาที่ทหารรักษาการณ์อยู่เนือง ๆ กระบี่เถาซู่ที่ใช้ในการทำพิธีต่าง ๆ ก็ได้รับการจัดหาโดยทหารนี้เอง
แต่เรื่องทั้งหมดนี้ อาจารย์ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดไว้
“ครั้งนี้อาจารย์เจ้าขัดขวางกลุ่มโจรหมอกเต๋าเหรินไว้ได้ ทางเบื้องบนเลยตัดสินใจให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งผู้รับรองแทน”
“…”
ลู่เฉินเริ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
กลุ่มโจรนั้นบุกมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พอมาถึงเขตอารามเล็ก ๆ อย่างฉางชุน อาจารย์ชิงอวิ๋นได้สละชีวิตเพื่อช่วยเขาเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดก็พ่ายให้กลุ่มโจรหมอกเต๋าเหริน ถูกสังหารภายในสามกระบวนท่า
แบบนี้ยังถือว่ามีความชอบอีกหรือ?
ลู่เฉินเริ่มรู้สึกกังวลใจ...