บทที่ 40 โจรสลัดน้ำ
บทที่ 40 โจรสลัดน้ำ
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
ในขณะที่พี่น้องสองคนกำลังสนทนากันอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เช้าแบบนี้ ใครกันล่ะ?”
เจิ้งเถียนเอินขมวดคิ้วเล็กน้อย ลุกขึ้นไปเปิดประตู
แอ๊ด!
ประตูเปิดออก
เจิ้งเถียนเอินเพ่งมองไปที่หน้าประตู ด้านนอกมีรถม้าสีแดงจอดอยู่
คนเคาะประตูคือคนขับรถม้า เป็นชายรูปร่างเตี้ยอายุราวห้าสิบปี
เมื่อคนขับรถม้าเห็นเจิ้งเถียนเอิน เขาก็รีบก้มศีรษะทำความเคารพทันที และ ยิ้มกล่าวว่า
“ท่านเจิ้ง ข้ามาแต่เช้าเลยนะ!”
เจิ้งเถียนเอินจำคนขับรถม้าคนนี้ได้ เขาคือคนขับรถประจำตัวของหลัวเค่อเกิง
“เหล่าหลี่ เป็นท่านเองหรือ” เจิ้งเถียนเอินตอบ พลางเงยหน้ามองไปที่ตัวรถม้า
จริงดังที่คิด! ม่านรถม้าค่อย ๆ ถูกเปิดออก
ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนพุงพลุ้ยที่มีกลิ่นเหล้าคลุ้ง ค่อย ๆ ก้าวออกจากรถม้า พลางหาวติดต่อกันสองครั้ง
เมื่อเห็นภาพนี้ เจิ้งเถียนเอินได้แต่ยิ้มขมขื่น และ ยกมือทำความเคารพ
“ท่านหลัวเค่อเกิง เช้าเช่นนี้ ท่านมาด้วยเหตุใดกัน?”
หลัวเค่อเกิง ผู้เป็นหัวหน้าเขตตลาดเล็กชิงเหอ
เขาค่อย ๆ ก้าวลงจากรถม้า ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนเกือบเสียการทรงตัว หวิดล้มลงไป
เจิ้งเถียนเอินรีบเข้าไปประคองเขาไว้ พบว่าบนแก้ม และ ลำคอของหลัวเค่อเกิงมีรอยจูบสีแดงจากหญิงสาว อีกทั้งกลิ่นเครื่องหอม และ แป้งที่ตัวเขานั้นยังชัดเจนมาก
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเมื่อคืนหลัวเค่อเกิงไปหาความสำราญที่ใดมา
“เจิ้งน้องรัก เจ้าอาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้วหรือ?” หลัวเค่อเกิงพูดด้วยเสียงอ้อแอ้ และ ถามขึ้น
เจิ้งเถียนเอินรีบตอบ “ด้วยบุญบารมีของท่าน ข้าอาการดีขึ้นเกือบหายสนิทแล้ว”
“ดี ดีแล้ว อ๊วก...”
ทันใดนั้น หลัวเค่อเกิงก้มตัวลงไป อาเจียนออกมามากมายจนพื้นเลอะไปหมด
กลิ่นเหม็นกระจายไปทั่ว
เจิ้งเถียนเอินฝืนกลั้นความรังเกียจไว้ ตบหลังหลัวเค่อเกิงเบา ๆ แล้วสั่งคนขับรถว่า
“เหล่าหลี่ รีบไปยกน้ำชาร้อนมาสักถ้วยเถิด”
คนขับรถรีบวิ่งเข้าลานบ้านไปอย่างไม่รีรอ
ไม่นาน เจิ้งเทียนซี และ คนขับรถออกมาพร้อมกับกาน้ำชา และ ถ้วยชา
พวกเขารินชาลงในถ้วย และ ส่งไปที่ปากของหลัวเค่อเกิง
กลืนน้ำชาเข้าไปสองสามอึก หลัวเค่อเกิงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เอนหลังพิงรถม้า พลางนวดขมับของตนด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความปวดหัวอย่างยิ่ง
“ท่านหลัวเค่อเกิง ข้าพาท่านเข้าไปนั่งในบ้านเถิด”
เจิ้งเถียนเอิน และ เจิ้งเทียนซีช่วยกันพยุงหลัวเค่อเกิงมายังใต้ชายคา และ ให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่
พอหลัวเค่อเกิงนั่งลงได้ เขาก็อาเจียนอีกครั้ง! เมื่อเห็นดังนั้น พี่น้องเจิ้งได้แต่มองหน้ากัน และ เร่งมือช่วยเหลือ คนหนึ่งรินน้ำชา อีกคนหนึ่งส่งผ้าเปียกให้ ในขณะที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น...
ฟางจือสิงที่แอบดูอยู่ในห้อง เห็นทุกอย่างชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้น ท่านหลัวเค่อเกิงมาที่นี่?”
เสี่ยวโก่วส่งเสียงผ่านเข้ามาอย่างตกใจ “เขามาทำไมกัน หรือว่าสิ่งที่เราทำเมื่อวานถูกเปิดเผยแล้ว?”
ฟางจือสิงตอบอย่างใจเย็น “ไม่น่าจะใช่ หากเขามาจับเรา เขาคงไม่เมามายเช่นนี้หรอก”
เสี่ยวโก่วคิดตามแล้วก็เห็นด้วย แล ะพูดว่า “ข้าไปฟังดูว่าเขาพูดอะไรกัน”
ฟางจือสิงเปิดประตูห้องกว้างขึ้นอีกนิดเพื่อให้เสี่ยวโก่วออกไป
เสี่ยวโก่ววิ่งไปที่ลานบ้าน มุดไปนอนหลบอยู่มุมผนังใต้ชายคาบนกองหญ้าแห้ง แสร้งทำเป็นหลับตา
ไม่นาน หลัวเค่อเกิงก็เริ่มได้สติขึ้นบ้างเล็กน้อย
เจิ้งเถียนเอินอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้งว่า “ท่านหลัวเค่อเกิง มีเรื่องใดจะพูดกับข้าหรือ?
หลัวเค่อเกิงรู้สึกตัวขึ้นมา พยักหน้า และ กล่าวว่า “มีเรื่องใหญ่”
เขาหยิบจดหมายจากในแขนเสื้อ ยื่นให้เจิ้งเถียนเอิน “เจ้าลองดูสิ”
เจิ้งเถียนเอินรับจดหมายมา ก่อนส่งให้เจิ้งเทียนซีต่อ
เขาอ่านหนังสือไม่ออก แต่ผู้เป็นน้องชายได้เรียนรู้ด้วยตัวเองจนอ่านออก
เจิ้งเทียนซีหยิบกระดาษออกมาอ่าน ก่อนจะพูดขึ้นตรง ๆ ว่า
“นี่คือประกาศจากท่านเจ้าเมือง กล่าวถึงช่วงนี้ที่มีกลุ่มโจรสลัดน้ำปรากฏตัวขึ้น โจมตีปล้นเรือในแม่น้ำหลายสาย มีเรือใหญ่ถูกโจมตีแล้วถึงสิบสามลำ
ไม่เพียงแค่นั้น กลุ่มโจรสลัดน้ำเหล่านี้ยิ่งเหิมเกริมขึ้น พวกมันไม่พอใจแค่การโจมตีเรือกลางแม่น้ำ แต่ยังลุกล้ำเข้ามายังท่าเรือ และ เมืองริมฝั่ง ปล้นเผาทำลายอย่างโหดร้าย
ท่าเรือของตลาดเล็กชิงเหอของเรา มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเป้าหมายของกลุ่มโจรสลัดน้ำกลุ่มนี้
ท่านเจ้าเมืองจึงเตือนให้เราจัดเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้า”
“โจรสลัดน้ำ?”
เมื่อได้ยิน เจิ้งเถียนเอินขมวดคิ้วแน่น พูดด้วยความสงสัยว่า “เขตชิงเหอมีแม่น้ำหลายสาย เรือผ่านไปมาคึกคัก ก่อปัญหาได้ง่าย
เพื่อจัดการกับความวุ่นวายเช่นนี้ กลุ่ม ‘เฉา’ จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อควบคุมเส้นทางน้ำทั้งสิบแปดสาย
ตั้งแต่กลุ่มเฉาเกิดขึ้นมา โจรน้ำก็แทบจะหายไปจากการปรากฏตัว เหตุใดถึงมีโจรสลัดน้ำโผล่มาอีก?”
เจิ้งเทียนซีกล่าวด้วยความแปลกใจ “โดยปกติแล้ว กลุ่มเฉาที่มีอำนาจใหญ่ขนาดนี้ ควรจะสามารถจัดการกลุ่มโจรสลัดน้ำได้โดยง่าย เหตุใดถึงปล่อยให้สถานการณ์รุนแรงขนาดนี้?”
“เฮ้อ พวกเจ้าเห็นเพียงส่วนเดียว ยังไม่เห็นทั้งหมด”
หลัวเค่อเกิงนวดขมับ กล่าวอย่างระมัดระวังว่า “หัวหน้ากลุ่มเฉาเพิ่งเสียชีวิต ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างแย่งชิงตำแหน่งกันจนวุ่นวาย ไม่มีใครมีเวลาสนใจกลุ่มโจรสลัดน้ำพวกนั้น”
พี่น้องทั้งสองคนพอได้ยินก็เข้าใจในทันที
หลัวเค่อเกิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าสงสัยว่าโจรสลัดน้ำพวกนั้นจ้องมองมาที่เมืองของเราแล้ว”
เจิ้งเถียนเอินตกใจ ถามว่า “ทำไมท่านคิดเช่นนั้น? ท่านได้ข่าวอะไรมาหรือ?”
หลัวเค่อเกิงมองเจิ้งเถียนเอิน พลางกระพริบตา และ กล่าวว่า “เจ้ายังไม่รู้หรือ โรงเตี๊ยมหลินเจียงถูกเผาแล้ว อีกทั้งเจ้าเฉิน และ ลูกน้องของเขาก็ตายหมด”
“อะไรนะ?!”
เจิ้งเถียนเอินสีหน้าซีดเผือด หายใจติดขัดด้วยความตกใจ
เจิ้งเทียนซีก็อ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ กล่าวอย่างลังเลว่า “เฉินอวี้เซิงเป็นนักสู้ระดับต้นของเขตใหญ่หลง เป็นศิษย์แท้จริงของสำนักประตูเสือดำ เขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่น่าจะถูกฆ่าได้ง่าย ๆ นะ?”
หลัวเค่อเกิงถอนหายใจ “ข้าเองก็คิดแบบนั้นในตอนแรก แต่โรงเตี๊ยมหลินเจียงถูกเผาเสียหาย เขาเองก็ไม่รอด ตายสนิทจริง ๆ เฒ่าเฉินคนนั้นร่ำไห้ทั้งคืน วิงวอนข้าให้หาตัวคนร้ายเพื่อล้างแค้นให้ลูกชายเขา”
เจิ้งเถียนเอินเข้าใจได้ทันที กล่าวด้วยสีหน้าตกใจว่า
“ท่านสงสัยว่าเฉินอวี้เซิงถูกกลุ่มโจรสลัดน้ำฆ่า”
หลัวเค่อเกิงพยักหน้า “มิฉะนั้นในตลาดเล็กชิงเหอแห่งนี้ จะมีใครนอกจากพวกเจ้าสองคนที่มีความสามารถฆ่าเจ้าหนุ่มเฉินได้อีกหรือ?”
พี่น้องทั้งสองครุ่นคิด และ เริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้น
“โรงเตี๊ยมหลินเจียงเป็นสถานที่ที่ทำรายได้มากที่สุดในเมืองเรา การที่กลุ่มโจรสลัดน้ำเลือกโจมตีที่นั่นก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจนัก”
เจิ้งเถียนเอินคิดวิเคราะห์
หลัวเค่อเกิงเห็นด้วย พลางวิเคราะห์ต่อ “ข้าสงสัยว่าเมื่อโจรสลัดน้ำจ้องมาที่เมืองเรา พวกมันคงส่งคนมาสำรวจพื้นที่ แล้วบังเอิญพบกับเจ้าหนุ่มเฉินที่โรงเตี๊ยม เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกมันก็จัดการฆ่าเขา ปล้นโรงเตี๊ยมแล้วเผาไฟทิ้ง จากนั้นก็หนีไปอย่างไร้ร่องรอย”
เจิ้งเถียนเอินพูดเสริม “หากกลุ่มโจรสลัดน้ำยังไม่พอใจ ต้องกลับมาอีกแน่ เมื่อนั้นจะยิ่งลำบากไปใหญ่”
หลัวเค่อเกิงตบขาเสียงดัง กล่าวอย่างเร่งด่วน
“นั่นล่ะสิ ข้าจึงรีบมาหาเจ้าเพื่อปรึกษาหาทางแก้ไข”
..........