บทที่ 31:รีบหน่อย
บทที่ 31:รีบหน่อย
“……ถ้างั้น คุณก็รู้แล้วสิ ว่าสิ่งที่บอกไม่ได้พวกนั้น มันล้อมรอบเมืองนิวยอร์กไว้แล้ว?” ถังเจ๋ออันถามสีหน้าเคร่งขรึม
ลู่หย่วนหมิงถึงกับตกใจ รีบตอบว่า “นี่คุณหมายถึง สิ่งที่บอกไม่ได้ข้างนอกนั้นใช่ไหม? คุณก็เคยเห็นมันด้วยเหรอ? มันคืออะไรกันแน่!?”
หลังจากพบกันครั้งแรก แม้ลู่หย่วนหมิงจะปฏิเสธความกระตือรือร้นของถังเจ๋ออันอย่างสุด ๆ แล้ว แต่ด้วยความคิดที่ว่าผู้เชี่ยวชาญต้องได้รับการเคารพ หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ลู่หย่วนหมิงก็ได้นัดพบกับถังเจ๋ออันเป็นการส่วนตัว ถือเป็นการตรวจสอบความสามารถของถังเจ๋ออัน อัจฉริยะผู้โด่งดังคนนี้ และประโยคแรกของถังเจ๋ออัน ก็ทำให้ลู่หย่วนหมิงถึงกับตกตะลึง
ถังเจ๋ออันหัวเราะเบา ๆ “รู้สิ ถึงแม้ผมจะไม่เคยเห็น แต่ยืนยันได้เลยว่ามีอยู่จริงผ่านการวิเคราะห์และการใช้เหตุผลต่าง ๆ ของผมมาประกอบ รวมถึงสิ่งที่สาวกของคุณบอกมาด้วย และนี่เป็นเหตุผลที่คุณดูหนักใจในช่วงนี้ใช่มั้ย?”
ลู่หย่วนหมิงยิ่งตกใจไปใหญ่ เขาพูดด้วยความตื่นเต้น “ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้ รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนยังยังมีชีวิตอยู่ และแน่นอนว่าผมกังวลเรื่องนี้ สิ่งเหล่านั้น พวกมัน…มันน่ากลัวเกินไป เพียงแค่รู้ เพียงแค่เห็นมันก็ทำให้ผมเจ็บปวดได้แล้ว พวกมันช่าง…”
“อะไรนะ!?คุณเห็นพวกมันแล้วงั้นเหรอ!?” ถังเจ๋ออัน ตะโกนออกมาอย่างตกใจ ผิดกับที่ลู่หย่วนหมิงคาดไว้ เขาก้าวถอยหนีลู่หย่วนหมิงทันที และยืนอยู่ห่าง ๆ “คุณไปกรีดเลือดของคุณให้ผมดูหน่อยสิ!”
“?”
ลู่หย่วนหมิง เพิ่งเริ่มรู้สึกเคารพถังเจ๋ออัน คิดว่าเขาเป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ แต่พอได้ยินประโยคนี้ สมองของเขาก็แทบจะระเบิด
บางทีเวลาที่คุณพิมพ์เครื่องหมายคำถามออกมา ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณสงสัยอะไร แต่หมายความว่าคุณกำลังคิดว่าอีกฝ่ายนั้นบ้า…
ถังเจ๋ออันก็รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรแปลก ๆ ออกไป เขาจึงรีบแก้ตัวทันที “ไม่ใช่ ผมแค่จะดูเลือดของคุณเท่านั้น คุณเอาเข็มมาจิ้มนิ้ว ให้เลือดออกมาสักนิดหนึ่งก็ได้!”
สีหน้าของลู่หย่วนหมิงดูดีขึ้นมานิดหน่อย เขายกหอกขึ้น จี้ปลายหอกลงบนนิ้ว เลือดหยดหนึ่งไหลออกมาจากนิ้วทันที ลู่หย่วนหมิง ยื่นนิ้วให้ถังเจ๋ออันดู ถังเจ๋ออัน มองดูอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็โล่งอก
“ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ พลังศรัทธาของคุณมันสุดยอดจริง ๆ เลย” ถังเจ๋ออัน เดินเข้าไปใกล้ลู่หย่วนหมิง เขาเดินวนรอบนิ้วของลู่หย่วนหมิง ที่มีเลือดติดอยู่ พูดด้วยความชื่นชม
ลู่หย่วนหมิงใจเต้นระรัว เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเห็นในตอนนั้น อนุภาคแสงไร้สีได้ถูกใช้ไปอย่างมาก เขาจึงรีบเอ่ยถามทันทีว่า "ด็อกเตอร์ถัง คุณบอกผมได้ไหมว่า สิ่งเหล่านั้นมันคืออะไรกันแน่? ทำไมพลังศรัทธาของผมถึงช่วยปกป้องผม และให้มองเห็นสิ่งนั้นได้"
ถังเจ๋ออันได้ยินแบบนั้นเขาก็นิ่งเงียบไป เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยออกมา "ผมไม่ได้ไม่อยากบอกคุณทั้งหมดนะ แต่ข้อมูลในโลกแห่งสสารมืดนี้มีความอันตรายมาก ผมต้องคิดก่อนว่าจะบอกคุณอย่างไงดี..."
ถังเจ๋ออันครุ่นคิดอยู่นาน จึงค่อย ๆ เอ่ยขึ้น "ผมจะบอกคุณก่อนว่า โลกแห่งสสารมืดต่างจากโลกแห่งสสารอย่างไร คุณจะได้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร"
ลู่หย่วนหมิงลุกขึ้นไปลากเก้าอี้เหล็กขนาดใหญ่มาวาง แล้วเอ่ยขึ้น "เล่าให้ผมฟังหน่อย"
ถังเจ๋ออันพยักหน้ารับ เขานั่งลงตรงหน้าลู่หย่วนหมิง แล้วกล่าวว่า "โลกแห่งสสาร ก็คือจักรวาลที่เราเคยอาศัยอยู่ เป็นโลกที่ถูกควบคุมด้วยกฎทางฟิสิกส์ มีแรงนิวเคลียร์เข้ม แรงนิวเคลียร์อ่อน แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มถ่วง แรงพื้นฐานทั้งสี่นี้เป็นโครงสร้างของโลกแห่งสสาร ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีสัมพัทธภาพ กลศาสตร์ควอนตัม หรือกลศาสตร์ของนิวตัน ที่เป็นแบบดั้งเดิม ทั้งหมดล้วนเป็นกฎทางฟิสิกส์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในจักรวาล มนุษย์เพียงแค่ค้นพบมัน แต่ไม่ได้ประดิษฐ์มันขึ้นมา มันอยู่ตรงนั้นมาเสมอ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะการอธิบายของมนุษย์เลย คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่า?"
ลู่หย่วนหมิง พยักหน้าเป็นการรับทราบ ถังเจ๋ออันจึงโล่งอก "ดีใจที่คุณเข้าใจนะ ไม่งั้นคงยุ่งแน่ ผมคงต้องเริ่มอธิบายจากหลักการทางวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ในระยะสั้นโลกแห่งสสารจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะความคิด การอธิบาย หรือสิ่งใด ๆ ของมนุษย์ เมื่อมีการทดลองทางฟิสิกส์ออกมา การทดลองนั้นก็สามารถทำซ้ำและทดสอบได้ เพราะโลกแห่งสสารเป็นโลกที่มั่นคง ได้รับการสนับสนุนจากกฎทางฟิสิกส์"
"โลกแห่งสสารมืดนั้นแตกต่างไปจากโลกแห่งสสารโดยสิ้นเชิง" ถังเจ๋ออันเอ่ยเสียงเรียบ "จากที่ผมรู้มา โลกแห่งสสารมืดไม่เป็นไปตามกฎทางฟิสิกส์ใด ๆ ของโลกแห่งสสารเลย และที่สำคัญผมพบว่า มนุษย์ที่ตายไปแล้ว พวกเขาแทบจะปราศจากผลกระทบจากกฎทางฟิสิกส์ แม้ว่าแรงพื้นฐานทั้งสี่จะมีอยู่ก็ตาม จะมีเพียงแรงโน้มถ่วงเท่านั้นที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ตายไปแล้ว แต่แรงอื่น ๆ ไม่สามารถมีผลต่อพวกเขาได้เลย มนุษย์ที่ตายไปแล้วจะตอบสนองต่อความคิดและจิตสำนึกของคนเป็นเท่านั้น ผมได้ศึกษาเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน และสรุปได้ว่า...มนุษย์นั้นไม่มีวิญญาณ!"
คำพูดของถังเจ๋ออันทำให้ลู่หย่วนหมิงขมวดคิ้ว เขาเถียงทันทีว่า "แล้วคุณล่ะ? ไม่ได้เป็นเพราะวิญญาณของคุณตกอยู่ในโลกแห่งสสารมืดหลังจากตายแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?"
ถังเจ๋ออัน ส่ายหน้า "คุณคิดว่าสามารถมาที่นี่ได้เพราะจิตวิญญาณงั้นเหรอ? แล้วจิตวิญญาณประกอบขึ้นมาจากอะไรล่ะ? สสาร? พลังงาน? หรือบางอย่างที่เป็นพลัง? ไม่ใช่เลย ไม่มีอะไรที่เป็นจิตวิญญาณ ร่างกายมนุษย์นั้นนอกจากโครงสร้างทางสสาร โปรตีน กรดอะมิโน และอื่น ๆ แล้ว สิ่งเดียวที่เรียกได้ว่าจิตวิญญาณก็คือความคิดและจิตสำนึกเท่านั้น นี่คือต้นกำเนิดของร่างกายปัจจุบันของผม ความคิดและจิตสำนึกของผมทำปฏิกิริยากับพลังงาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน มันส่งผลให้ผมได้ร่างกายนี้มา ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะมีเลือดเนื้อ แต่จริง ๆ แล้วร่างกายของผมตอนนี้แตกต่างจากร่างกายในโลกแห่งสสารอย่างสิ้นเชิงเลย ... คุณคงรู้แล้วว่าในโลกแห่งสสารมืด ดินปืนจะกลายเป็นทราย เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่เหนือกว่าพลังงานไฟฟ้าจะใช้ไม่ได้ ถูกไหม?"
ลู่หย่วนหมิงพยักหน้าทันที นี่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เขาต้องการถาม
ถังเจ๋ออันหัวเราะเบา ๆ “ไม่ใช่แค่ดินปืนนะ ควรจะบอกว่าเกือบทุกปฏิกิริยาเคมีที่มนุษย์รู้จักในโลกแห่งสสารมืดนั้นไม่มีอะไรใช้ได้เลย พลังงานไฟฟ้าก็เหมือนกัน ไม่สามารถผลิตได้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่เราเจอกันมาแล้ว แค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะบอกว่าเราไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้”
“ทำไม!?” ลู่หย่วนหมิงถามด้วยความงุนงง
ถังเจ๋ออันไม่ได้สนใจ เขายังคงพูดต่อไป “มันเป็นเรื่องง่าย ๆ เลย ร่างกายของเราอาศัยปฏิกิริยาเคมีในการมีชีวิตอยู่ คุณกินอาหาร คุณหายใจ เลือดของคุณ เซลล์ทุกอย่างในร่างกายของคุณ หากไม่มีปฏิกิริยาเคมีเหล่านี้ เราก็จะไม่มีชีวิตอยู่ พร้อมกับการนำกระแสประสาทมายังสมองของคุณ ลองคิดดูถ้าไม่มีไฟฟ้า คุณจะทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนเป็นผัก แม้แต่จะเรียกคุณว่าผักก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในความเป็นจริง ร่างกายในโลกแห่งสสารมืดของเราสามารถดำรงอยู่ได้เหมือนโลกแห่งสสารเลย สามารถรับประทานอาหาร เคลื่อนไหว ได้รับบาดเจ็บและตาย ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ไม่แตกต่างจากคนปกติ และสิ่งที่ร่างกายของเราอาศัยอยู่นั้นคือพลังแห่งสสารมืดในการตอบสนองต่อจิตสำนึกและความคิดของเรานั่นเอง”
"โลกแห่งสสารมืดและโลกแห่งสสารต่างเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง" ถังเจ๋ออันเอ่ยเสียงเรียบ "ถ้าโลกแห่งสสารเป็นโลกแห่งวัตถุ โลกแห่งสสารมืดก็คือโลกแห่งจิต ความคิด จิตสำนึก อารยธรรม ทั้งความกว้างและความหนาแน่น ย่อมเป็นตัวกำหนดโครงสร้างและพลังของโลกแห่งสสารมืด ดังนั้น พลังแห่งศรัทธาของคุณจึงมีอำนาจมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อคุณได้พบเห็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ คุณก็จะได้รับอันตรายจากการเห็นและการรู้ในทันที เหมือนกับการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ปกครองโบราณในตำนานเหมือนเรื่องคธูลู นั่นแหละคือโลกแห่งสสารมืด"
ลู่หย่วนหมิงมองถังเจ๋ออันด้วยความงุนงง คำถามที่คาใจเขาคลายออกในทันที "ด็อกเตอร์ถัง ถ้าเป็นอย่างนั้น เราสามารถปิดกั้นพวกมันได้หรือไม่? นี่ถือเป็นวิธีการต่อสู้กับพวกมันได้หรือเปล่า?"
"ทำไม่ได้" ถังเจ๋ออันปฏิเสธโดยตรง "มีสูตรคำนวณที่ซับซ้อนมาก ผมจะยกตัวอย่างง่าย ๆ คนธรรมดาจะมีข้อมูลประมาณ 1 KB ตอนนี้คุณอาจมีข้อมูลประมาณ 1 MB แต่สิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้มีข้อมูลอย่างน้อย 100 TB ขึ้นไป คุณจะปิดกั้นมันด้วยอะไร? นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมแค่เหลือบมองก็ตาย หรือถึงขั้นกลายพันธุ์ ปริมาณข้อมูลระหว่างกันมันต่างกันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ แถมยังเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้งแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้นอย่างที่คุณพูด เว้นแต่...”
ถังเจ๋ออันหยุดพูดและแสดงสีหน้าครุ่นคิด
ลู่หย่วนหมิง ใจสั่นหวั่นไหว เมื่อถังเจ๋ออัน เอ่ยคำว่า "ยกเว้น" เขารีบถามอย่างร้อนรน "ยกเว้นอะไร?"
"……ไม่สิ ถ้าแค่เพียงแกร่งขึ้น ก็ยังเพียงพอที่จะช่วยตัวเองได้อยู่ ดีที่สุดก็คงแค่คุ้มครองกลุ่มผู้ศรัทธาที่อยู่ภายใต้อาณัติของคุณ แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องจำนวนอยู่ดี อารยธรรมมนุษย์ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่ดำรงอยู่ในโลกแห่งสสารมืดได้หรอก พวกมันอยู่มานับพันนับหมื่นปีแล้ว พวกมันก็เป็นเหมือนเรา แต่กลับแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก ดังนั้น วิธีเดียวคือ…"
ถังเจ๋ออันทำสีหน้าเคร่งขรึม มองลู่หย่วนหมิง "คุณสามารถกลับไปโลกมนุษย์ได้จริงหรือเปล่า? คุณยังมีร่างกายอยู่ที่โลกมนุษย์จริง ๆ ใช่ไหม?"
ลู่หย่วนหมิง พยักหน้า "ใช่ ผมไม่ได้โกหก ทั้งหมดนี้เป็นความจริง ยิ่งวิญญาณของผมแข็งแกร่งขึ้นในโลกแห่งสสารมืดนี้ได้มากเท่าไหร่ ร่างกายของผมในโลกแห่งมนุษย์ก็จะเริ่มรู้สึกได้มากขึ้นเท่านั้น และกำลังตื่นฟื้นขึ้นมาทีละน้อย"
ดวงตาของถังเจ๋ออันสว่างวาบ เขาเอ่ยออกมาทันที "ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่าคุณมีโอกาสต่อสู้กับพวกสิ่งเหล่านั้นน่ะสิ นี่อาจจะเป็นความหวังเดียวของอารยธรรมมนุษย์เลยนะ... การต่อสู้เพื่อรับมือกับภัยพิบัติบัดซบนี้!"
"ใช้พลังของโลกแห่งสสารบดขยี้สิ่งเหล่านั้นจากโลกแห่งสสารมืดให้เละเลย!"
"เพราะอย่างนั้น คุณต้องรีบตื่นจากสภาพผักให้เร็วที่สุด!"
ถังเจ๋ออันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ราวกับคนทรง เขาพูดว่า "คุณอาจจะยังไม่รู้สินะ? แต่คุณกำลังเดินอยู่บน ‘ลำดับ’ ที่สมบูรณ์แบบเลย งั้นเดี๋ยวตอนนี้แหละ ผมจะบอกคุณเองว่า ‘ลำดับ’ คืออะไร และการพัฒนา ‘ลำดับ’ นั้นจะนำไปสู่การบรรลุไปขั้นที่แข็งแกร่งขึ้นยังไง"
"แน่นอนล่ะว่าหากเป็นคนอื่นอาจจะยาก แต่คุณแตกต่างจากคนเหล่านั้น วิธีเสริมพลังของคุณนั้นสมบูรณ์แบบมาก เป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่จากโลกแห่งสสารเลยล่ะ ดังนั้นลำดับของคุณจึงเรียกได้ว่า..."
" ‘ลำดับแห่งสสาร’ ไงล่ะ!"