ตอนที่แล้ว บทที่ 25 การท้าทาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 นักโทษ

บทที่ 26 อะไร?


บทที่ 26 อะไร?

ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกับซูเฉิน ซูเฉินหยิบถุงมือแพทย์ขึ้นมา “ขโมยบางคนโง่มาก คิดว่าถ้าใส่ถุงมือแล้วจะไม่มีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าถุงมือนั่นแหละจะทิ้งรอยนิ้วไว้ บางคนที่ฉลาดหน่อยก็ระวังรอยนิ้ว แต่กลับลืมไปว่ามีรอยฝ่ามือ ชุยเจี้ยน นายไปรอที่ประตู”

ชุยเจี้ยนเดินไปที่ประตู  ซูเฉินกระซิบอะไรบางอย่างกับยี่หมิง แล้วจึงให้ยี่หมิงออกไป จากนั้นก็เชิญชุยเจี้ยนกลับเข้ามา

ซูเฉินกระซิบข้างหูชุยเจี้ยนว่า “ปัญหาของคำถามนี้อยู่ที่ ‘อะไร’ ไม่ใช่ ‘ใคร’ ถ้านายบอกฉันได้ว่า ‘อะไร’ ฉันจะให้สิบล้าน ไม่มีการลงโทษ และคนที่ตอบได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นนายหรือยี่หมิง ก็จะได้สิบล้านนี้ มีเวลาจนจบคาบที่สอง คืออีกหนึ่งชั่วโมง กลับไปได้แล้ว”

หลังจากทั้งคู่กลับไป รถเหว่ยก็ประกาศให้ทุกคนอยู่ในสนามนอกห้องเรียนและพักผ่อนตามอัธยาศัย

สิบล้านเชียวนะ! ชุยเจี้ยนคิดว่าควรจะเอาเงินสิบล้านนี้ดีไหม? ไม่ใช่ว่าเขาหน้ามืดเพราะเงิน แต่คิดว่าจะได้แบ่งคนละห้าล้านกับยี่หมิง เพราะไม่มีการลงโทษอยู่แล้ว การไม่รับเงินต่างหากที่เป็นเรื่องโง่ แต่ถึงอย่างนั้น ชุยเจี้ยนก็ไม่แน่ใจว่า ซูเฉินอาจแค่เล่นกลตบตาเขาและยี่หมิงก็ได้

ยี่หมิงกำลังภาวนาในใจว่า “อย่ามองมาที่ฉัน อย่ามองมาที่ฉันเชียว” แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากทำเหมือนว่าไม่สนใจเขาเลย เพราะยี่หมิงนอนห้องพยาบาล เขาก็คอยอยู่ข้าง ๆ มันแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดี ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่มองกันเลยก็คงดูแปลก

จะควบคุมระดับสายตายังไงดีเนี่ย? เจ้าตัวป่วนคนนี้!

ชุยเจี้ยนและยี่หมิงตกเป็นเป้าสงสัยหนักที่สุด เพราะเป็นสองคนที่อยู่ในตึกเรียนตอนดึก ถึงชุยเจี้ยนจะใช้ป้ายแบล็กการ์ดปกปิดตัวเองจากการถูกพบโดยหลี่หราน แต่เขาคงจำลักษณะบางอย่างของชุยเจี้ยนได้บ้าง

ทั้งคู่รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่คิดว่า ซูเฉิน จะมาปรากฏตัวในฐานะครูฝึกเพียงแค่สองประโยคของเขาก็สร้างความอึดอัดใจอย่างมาก ในตอนนี้ ซูเฉินอยู่ในห้องทำการของเจ้าหน้าที่ สำรวจทุกสิ่งอย่างชัดเจน ดูเหมือนกำลังหาคำตอบของคำถามข้อสอง เหล่าครูฝึกยืนอยู่บนเวที มองการเคลื่อนไหวในสนามทุกอย่างอยู่ตลอด

จะยอมรับสิบล้าน หรือจะดื้อสู้กับพวกเขาดี?

ชุยเจี้ยนคิดว่าในเมื่อซูเฉินตั้งเงินรางวัลสิบล้านไว้ แปลว่าคำถามข้อสองคงเป็นคำถามที่เขาหาคำตอบยาก หากพวกเขาแบ่งเงินกัน คำถามทั้งสองก็จะถูกแก้ไขหมด

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชุยเจี้ยนเรียกยี่หมิงมาคุย “เราถูกเพ่งเล็งแล้วละ อย่างแรกเลยหลี่หรานเห็นหน้าผากและเส้นผมของเรา เขาน่าจะรู้น้ำหนักและส่วนสูงของเราแล้ว ข้อสองคือ ข้อเรียกร้องของเราคือยกเลิกคาบบ่าย ซึ่งเราเป็นสองคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้โดยตรง”

ยี่หมิงยิ้มแห้ง วางมือบนไหล่ชุยเจี้ยน “พี่ชาย นายขาดเงินหรือไง?”

ชุยเจี้ยนตอบ “ขาดอยู่ แต่แค่ยอมง่าย ๆ แบบนี้มันก็น่าอายเกินไปหน่อย”

ยี่หมิงมีไหวพริบคิดแผนการออก “เราจะเดินตามเกมที่เปิดเผยไปเลย คือยอมรับว่าเราทำ กฎก็ไม่ได้ห้ามเราทำแบบนี้ ปัญหาเดียวที่ต้องพิจารณาคือเราจะยอมขายข้อมูลไหม”

ชุยเจี้ยนถาม “นายคิดว่าพวกเขาจะหาคำตอบได้ไหม?”

ยี่หมิงตอบ “ประเด็นอยู่ที่ครูฝึกแบล็กการ์ด เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเชื่อมโยงกับครูฝึกแบล็กการ์ดได้ ไม่งั้นก็คงไม่รู้ว่าเราเอาอะไรไป แต่ถ้าเป็นซูเฉินฉันก็ไม่แน่ใจ ถ้ารู้ว่าเขาจะมา ฉันคงเตรียมการให้เรียบร้อยกว่านี้”

ชุยเจี้ยนบอก “ฉันเจอครูฝึกแบล็กการ์ดแล้วนะ”

ยี่หมิงไม่หันไปมอง ถามว่า “อยู่ไหน?”

ชุยเจี้ยนตอบ “เขาใส่หน้ากาก แต่งหน้าแปลงโฉมบางส่วน ติดวิกนิดหน่อย ดูเหมือนคนอายุยี่สิบต้น ๆ”

ยี่หมิงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบทันทีว่า “สือเฟิง”

“ใช่”

ยี่หมิงตอบ “งั้นลุยเลย”

ชุยเจี้ยนและยี่หมิงแยกกันเดิน

โทรศัพท์ของสือเฟิงสั่นขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมาดู ทันใดนั้นเสียงของชุยเจี้ยนดังมาจากด้านหลัง “นายปิดปาก ฉันก็จะปิดปาก นายกล้าปล่อยข่าว ฉันก็จะขายข่าวว่าครูฝึกแบล็กการ์ดคือนาย”

สือเฟิงรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล ฉันจะไปนอนที่ห้องทำงาน อืม ที่นั่นเย็นสบาย คิดอะไรก็ช่างนายเถอะ”

เขาวางสายแล้วเดินจากไปโดยไม่หันมามองชุยเจี้ยน

ซูเฉินลากเก้าอี้ไปนั่งที่หน้าประตูห้องทำการของเจ้าหน้าที่ ถือถ้วยชาพร้อมกับมองสำรวจทั่วทั้งห้อง ข้างหลังเขามีครูฝึกสี่คนและเจ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่

แอลลี่วางสาย “เขาปฏิเสธที่จะบอกเหตุผลที่เข้าไปในห้องทำการ”

ซูเฉินพยักหน้า ถามว่า “แน่ใจนะว่าไม่มีของหาย?”

เจ้าหน้าที่ตอบ “ไม่มี”

ซูเฉินกล่าว “จากคำบอกเล่าของพี่หลี่ ครูฝึกแบล็กการ์ดและเจ้าพวกนั้นน่าจะเจอกันในห้องทำการ หากพี่หลี่เห็นชุยเจี้ยนออกจากห้อง แปลว่าครูฝึกแบล็กการ์ดน่าจะถูกจับไว้ และเจ้าพวกนั้นก็น่าจะรู้จักหน้าครูฝึกแบล็กการ์ดแล้วใช้เรื่องนี้ขู่เขา เขาถึงไม่ยอมร่วมมือ ถ้าไม่มีของหายก็น่าจะเป็นข้อมูลที่หายไป”

เจ้าหน้าที่ถาม “จะเป็นพวกสายลับทางการค้าหรือเปล่า?”

ซูเฉินตอบ “เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นสายลับพวกนี้จะไม่มาทิ้งข้อความท้าทายไว้ที่กระดานดำ เราลองลบทุกเบาะแสแล้วดูใหม่ เจ้าพวกนี้ไปนอนห้องพยาบาลเพราะบังเอิญใช่ไหม?”

หลินเฉินพยักหน้า “ใช่”

ซูเฉิน “นั่นหมายความว่าการบุกรุกห้องทำการไม่ได้อยู่ในแผนของพวกเขา เป็นการก่อเหตุแบบไม่ได้วางแผน ซึ่งน่าสนใจ ลองตรวจสอบดูว่าห้องพยาบาลมีถุงมือหายไปหรือเปล่า หน้ากากคงตรวจสอบยากแต่ถุงมือไม่หายแน่ ๆ ยังไงพวกเขาก็เป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไป”

หลี่หรานถาม “ซูเฉิน ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่คำถามข้อสองเหรอ?” เรารู้แล้วว่าพวกนั้นคือนายยี่หมิงกับชุยเจี้ยน

ซูเฉิน

กล่าว “พี่หลี่ เราควรเก็บข้อมูลให้มากที่สุดก่อนจะลงมือ พวกนั้นตัดสินใจจะเดินหมากเสี่ยง เลยยืนคุยกันปรึกษาและตั้งใจจะทิ้งคำถามข้อแรกไป การตรวจถุงมือของเราจะเป็นแค่ภาพลวงตาที่ทำให้พวกนั้นไขว้เขว แม้ว่าจะใช้ไม่ได้ผลก็ตาม แต่ตราบใดที่ข้อมูลที่ผมปล่อยไปมากพอ พวกนั้นก็ย่อยไม่ไหว”

หลินเฉินพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยว ทำไมนายเรียกเขาว่าพี่หลี่ แล้วเรียกฉันแค่ชื่อ?”

ซูเฉินหัวเราะ “ก็เพราะพี่หลี่เคยช่วยชีวิตผมน่ะสิ”

หลี่หรานบอก “ไม่หรอก ฉันแค่ทำตามหน้าที่”

“ชีวิตของผมมันมีค่า” ซูเฉินพึมพำก่อนจะพูดต่อ “ถ้าข้อมูลที่หายไปคือข้อมูลจริง คงต้องให้พวกนั้นยื่นมือถือให้ แต่การให้ยื่นมือถือมันทำให้ดูเหมือนผมเสียศักดิ์ศรี ถ้าข้อมูลไม่ใช่อย่างที่ต้องการก็จะดูตลกไปหน่อย เมื่อวานมีอะไรเกิดขึ้นที่เกี่ยวกับครูฝึกแบล็กการ์ดไหม?”

แอลลี่เล่าเรื่องในห้องน้ำหญิง

ซูเฉินถาม “กล้องวงจรปิด? ไม่ถูกต้อง ติดกล้องไปเพื่ออะไร? มันไม่ได้มีประโยชน์เลย”

ซูเฉินถามต่อ “พวกนั้นจะได้อะไรจากการติดกล้อง?”

หลี่หรานตอบ “ได้คะแนนเพิ่ม 5 คะแนนสำหรับการจับสายลับ”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แปลว่าคำตอบของคำถามข้อสองก็คือกล้องวงจรปิด” ซูเฉินลุกขึ้นยืนเดินไปที่ระเบียงมองลงไปข้างล่าง “ยี่หมิงคือนักสืบอิสระใช่ไหม?”

“ใช่”

คนฉลาดมักหวาดระแวง ซูเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม “นี่ต้องเป็นกับดักแน่ ๆ นักสืบอิสระไม่มีทางไม่รู้จักฉัน และวันนี้ก็มีคาบของฉัน นั่นแหละเป้าหมายที่เขาต้องการจะแหย่ก็คือฉัน กล้องวงจรปิดเป็นเพียงเหยื่อล่อ นี่แหละ ตรงเวลาเป๊ะ ฉันเพิ่งมาถึงฮันเฉิงตอนสองทุ่ม พวกนั้นไปนอนที่ห้องพยาบาลเพราะบังเอิญ พอได้ยินว่าฉันมาเลยคิดจะแกล้งให้ฉันปวดหัว”

ซูเฉินขมวดคิ้ว “แต่การบุกรุกไม่ใช่แผนล่วงหน้า กล้องวงจรปิดน่าจะเป็นคำตอบ จะใช่หรือไม่ใช่? ฉันเกลียดการต้องพึ่งพาหลักฐานมากที่สุด และยิ่งเกลียดคำถามแบบเลือกตอบไปอีก ฉันไม่ควรตอบไปโดยไม่มีหลักฐาน จะได้ไม่ต้องถูกนักสืบอิสระบ้าพวกนั้นหัวเราะใส่ ยังไงก็ต้องเล่นเกมนี้ให้ถึงที่สุด เจอพี่ซะแล้ว เจ้าพวกมือใหม่สองตัว จะดูว่าพี่จะจัดการพวกแกยังไง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด