บทที่ 136: การเอาใจแลกใจ
อวี้เซิ่งไม่คิดว่ามู่ไป๋ไป่คิดจะรอให้สัตว์พวกนี้ฟื้นตัวก่อนออกเดินทาง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจ
อย่างไรก็ตาม เซียวถังอี้ผู้ซึ่งขัดขวางอวี้เซิ่งไม่ให้ตามใจมู่ไป๋ไป่มาโดยตลอด เขาแทบไม่เคยเห็นด้วยกับนาง แต่ถึงกระนั้นเขากลับยืนนิ่งมองดูเด็กน้อยวัย 4 ขวบครึ่งคนนี้อยู่บ่อยครั้ง
และเด็กหญิงก็สังเกตเห็นสายตาที่เขามองมาเป็นครั้งคราว แต่เธอไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะตอนนี้เธอยุ่งจนไม่มีเวลาไปสนใจเขาจริง ๆ
เนื่องจากสัตว์พวกนี้เรียกสติของตัวเองกลับมาได้แล้ว มู่ไป๋ไป่จึงต้องหันมาสนใจจัดการกับพวกมัน
“องค์หญิงหก เราควรรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะทรงเป็นกังวล” ที่อวี้เซิ่งมาที่นี่ก็เพื่อพามู่ไป๋ไป่กลับไปอย่างปลอดภัย
ก่อนหน้านี้มู่เทียนฉงกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวมาก ถ้าฝ่าบาทได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับนาง พระองค์อาจจะรู้สึกไม่ดีและคงจะส่งคนมารับตัวนางกลับโดยเร็วที่สุด
“ไม่ได้ จะทำอย่างไรถ้าเกิดเรื่องกับสัตว์พวกนี้ตอนที่ข้าไม่อยู่?” คนตัวเล็กปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
ในความเป็นจริงอวี้เซิ่งไม่ได้อยากจะเซ้าซี้มากนัก แต่เซียวถังอี้ที่มักจะขัดความต้องการของมู่ไป๋ไป่ก็เอาแต่นิ่งเงียบ และตอนนี้เสิ่นจวินเฉาก็เชื่อฟังคำพูดของนางมาก นอกจากนี้เขายังมีความรับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่าบาท ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีใครคอยช่วยโน้มน้าวนางอีกแล้ว
“แต่เราจะอธิบายให้เสด็จพ่อของพระองค์ฟังอย่างไร?” นักฆ่าหนุ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
มู่ไป๋ไป่ส่ายหัวแล้วตอบว่า “เดี๋ยวข้าหาทางอธิบายให้ท่านพ่อเข้าใจเอง”
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเด็กหญิง เพียงแค่เธอทำตัวน่ารักต่อหน้ามู่เทียนฉง ไม่ว่าเขาจะรู้สึกทุกข์ใจมากเพียงใด แต่ความทุกข์เหล่านั้นก็จะสลายไปทันที
พออวี้เซิ่งได้ยินเช่นนี้ เขาก็มีท่าทีเอือมระอา แน่นอนว่าเขาไม่กังวลว่าองค์หญิงหกจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทฟังตอนที่กลับไปได้หรือไม่ แต่เป็นเขาต่างหากที่ต้องอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง!
“เจ้าสัตว์ประหลาด ท่านจะจัดการกับคนพวกนั้นอย่างไร?” มู่ไป๋ไป่เอ่ยถาม ในขณะนี้พวกเธอดูแลสัตว์ป่าอยู่ในศาลาหมื่นอสูรจึงไม่มีเวลาสนใจคนของแคว้นหนานซวนที่พวกเขาจับกุมได้ก่อนหน้านี้
แล้วคำถามของคนตัวเล็กก็ทำให้เซียวถังอี้รู้สึกสงสัยในความคิดของอีกฝ่าย เขาจึงเลิกคิ้วถามนางว่า “ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าคิดจะทำเช่นไรกับคนพวกนั้น?”
ไอ้หมอนี่ คนเขาถามแล้วยังจะมาถามย้อนอีก!
เด็กหญิงไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาคนตัวสูงกว่า
“ท่านเป็นคนที่รู้ข้อมูลมากมายของแคว้นหนานซวน ท่านคงจัดการกับเรื่องนี้ได้เหมาะสมกว่าคนอื่น”
คนของแคว้นหนานซวนคงไม่มาที่แคว้นเป่ยหลงของพวกเธอโดยไม่มีเหตุผล
ถ้าเจ้าสัตว์ประหลาดบอกว่าเขาไม่รู้ เธอย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน
“แล้วอีกอย่าง เด็ก 4 ขวบอย่างข้าจะไปเข้าใจเรื่องในราชสำนักได้อย่างไรกัน เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไรต่างหาก” มู่ไป๋ไป่ไม่สนใจที่จะรับเรื่องนี้มาใส่หัวตัวเอง
นอกจากนี้ เธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องดังกล่าว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเข้าไปแทรกแซง
พอเซียวถังอี้ได้ยินดังนี้ เขาก็เดินเข้าไปหามู่ไป๋ไป่ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์และชี้ไปที่เจ้าตัวโตกับเจ้าส้มที่ติดตามนางมาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าเด็ก 4 ขวบอย่างเจ้าทำให้สัตว์พวกนั้นเชื่อฟังได้อย่างไร”
เขาประเมินเจ้าเด็กน้อยคนนี้ต่ำไปจริง ๆ นอกจากนางจะเข้าใจภาษาสัตว์แล้ว นางยังมีความเห็นอกเห็นใจต่อสัตว์เหล่านี้อีกด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซียวถังอี้แกล้งมู่ไป๋ไป่เช่นนี้ แต่เธอก็ยังคงรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งและชี้หน้าเขาด้วยความโกรธ “นี่คือการเอาใจแลกใจ สัตว์พวกนี้รับรู้ถึงมันได้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนใครบางคน”
เด็กหญิงยังไม่วายพูดเสียดสีเจ้าสัตว์ประหลาดในทุกคำพูด พร้อมกับเหลือบมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ซึ่งมันทำให้ท่าทางของเธอดูคล้ายกับมู่เทียนฉงมากทีเดียว
เซียวถังอี้รู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กคนนี้มักจะระเบิดอารมณ์ทุกครั้งที่เขาพูดอะไรก็ตาม แล้วเขาก็ค่อนข้างจะมีความสุขที่ได้หยอกล้อนางด้วย
ขณะที่เขากำลังจะยกมือขึ้นเพื่อยีหัวเล็ก ๆ ของมู่ไป๋ไป่ หมาป่าสีเทาที่ยังไม่หายดีก็รีบวิ่งเข้ามาขวางพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่เด็กหนุ่ม
มันแสดงท่าทีดุร้ายมาก ซึ่งบ่งบอกว่าถ้าหากเขากล้าแตะต้องท่านจ้าวอสูร เขี้ยวคม ๆ ของมันจะฉีกทึ้งเขาเป็นชิ้น ๆ
นั่นทำให้อวี้เซิ่งกับเสิ่นจวินเฉาที่อยู่ไม่ไกลแทบอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคุณชายเซียวถูกสัตว์คุกคาม
“เจ้าตัวเล็ก เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าใครกันที่รีบพุ่งออกมาช่วยเจ้าเมื่อกี้นี้” เซียวถังอี้ซึ่งทำความดีแล้วไม่ได้รับความดีความชอบ ถ้าก่อนหน้านี้เขากับอวี้เซิ่งไม่พังกำแพงเข้ามา เขาเกรงว่าเถ้าแก่คนใหม่ของร้านคงไม่ถูกจับกุมตัวง่ายดายถึงเพียงนี้
นี่ยังไม่นับรวมถึงการมาช่วยเหลือสัตว์ตัวอื่น ๆ อีก ดูเหมือนว่าสมองเล็ก ๆ ของเจ้าเด็กนี่จะลืมมันไปจนสิ้นแล้ว!
เมื่อเขานึกถึงความดีความชอบที่ตนทำต่อพวกมู่ไป๋ไป่ เขาก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
จากนั้นเด็กหนุ่มก็เห็นว่าเสิ่นจวินเฉากำลังเดินเข้าไปหามู่ไป๋ไป่และพูดกับนางว่า “ไป๋ไป่ สิ่งสำคัญอันดับแรกในตอนนี้ก็คือการรักษาสัตว์พวกนี้!”
ถ้าคุณชายเซียวไม่ยินยอมที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป คนอื่นก็คงไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้สำเร็จ
เถ้าแก่ศาลาหมื่นอสูรคนใหม่นั้นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ ตั้งแต่แรกเห็น เขาจะต้องวางแผนตั้งแต่ก่อนมาถึงแคว้นเป่ยหลงแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สามารถเปิดศาลาหมื่นอสูรให้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้
รวมถึงการมีมือสังหารมากมายอยู่ในมือเป็นสิ่งที่พ่อค้าธรรมดาไม่มีทางทำได้ง่าย ๆ
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้มู่ไป๋ไป่ที่เป็นเพียงเด็กอายุ 4 ขวบครึ่งไปสอบปากคำคนผู้นั้น และนางก็คงไม่มีทางยอมทำตามแน่นอน ในครั้งนี้ต้องบอกว่านางเองก็มีความดีความชอบที่พาให้ทุกคนค้นพบความผิดปกติของที่นี่
ขณะนี้เสิ่นจวินเฉารู้สึกว่าเขาจะต้องปกป้องความปลอดภัยของมู่ไป๋ไป่ ดังนั้นเขาจึงมองเซียวถังอี้และพูดว่า “คุณชายเซียว ไป๋ไป่ยังเด็กและไม่ค่อยรู้เรื่องของแคว้นหนานซวนมากนัก เรื่องนี้มีเพียงท่านกับอวี้เซิ่งที่สามารถตัดสินใจได้”
“ไม่ต้องกังวล เราจะไม่ทำให้นางต้องลำบาก” อวี้เซิ่งพยักหน้าพร้อมกับพูดให้ความมั่นใจแก่คุณชายเสิ่น
พวกเขาไม่ใช่คนไม่มีความคิด ใครจะกล้าขอให้เด็ก 4 ขวบครึ่งไปสอบปากคำคนที่อาจจะเป็นสายลับต่างแคว้นกันบ้าง ถ้าพวกเขากล้าเสนอความคิดนั้นขึ้นมาจริง ๆ มันจะไม่ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะพวกเขาหรอกหรือ?
แต่เซียวถังอี้กลับทำตรงกันข้าม เขาจับมือของตัวเองแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่ามันคงจะเป็นการดีกว่าที่นางจะไปซักถามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หากคนผู้นั้นคิดว่าเด็กในแคว้นเป่ยหลงกล้าหาญได้ถึงเพียงนี้ เขาอาจจะตกใจจนยอมเปิดปากก็เป็นได้ใครจะรู้”
ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว เด็กหนุ่มคิดเอาไว้ว่าจะไปสอบปากคำศัตรูด้วยตัวเอง แต่ภาพที่เขาเห็นในลานกว้างก่อนหน้านี้ทำให้เขาอยากจะทดสอบมู่ไป๋ไป่ดูอีกครั้ง
เขาอยากจะเห็นเด็กน้อยคนนี้ว่านางมีความสามารถขนาดไหน เขาเกรงว่ามันไม่ได้ตื้นเขินอย่างที่เขาคิด บางครั้งแววตาของนางก็ดูเหมือนผู้ใหญ่
หลายครั้งการกระทำของนางดูไม่เหมือนเด็ก 4 ขวบเลย บางทีนางก็ดูมีความคิดที่ลึกซึ้งจนบางครั้งเขาคิดว่านางเป็นผู้ใหญ่แล้วเสียอีก
“คุณชายเซียว ท่านอย่าได้พูดล้อเล่น” อวี้เซิ่งไม่เข้าใจการกระทำของเซียวถังอี้ ในสายตาของเขา มู่ไป๋ไป่เป็นเพียงเด็กน้อยที่ชอบทำอะไรเกินตัวและยังจำเป็นที่จะต้องได้รับการปกป้อง
ยามนี้เด็กหนุ่มไม่ได้อธิบายอะไรออกไป ในขณะที่เขามองเด็กหญิงด้วยสายตาที่ล้ำลึก
จากนั้นทั้งคู่ก็สบตากันนิ่ง ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามหยั่งเชิงกันและกัน สุดท้ายมู่ไป๋ไป่ก็ยิ้มให้เซียวถังอี้และพูดว่า “ช่างเถอะ ถ้าท่านปล่อยเรื่องนี้ไป ข้าเองก็จะไม่เก็บมาใส่ใจเช่นกัน”
เด็กน้อยคนนี้ยังคงสงบได้อย่างน่าประหลาด
เซียวถังอี้ลอบคิดกับตัวเอง
“ถ้าท่านยังยืนยันจะทดสอบข้าผู้นี้ ท่านเองก็ทำตัวเป็นเด็กเช่นกัน” มู่ไป๋ไป่สามารถเดาความคิดของอีกฝ่ายได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันเป็นเรื่องคล้ายกับที่เธอสามารถเข้าใจภาษาสัตว์ได้ ซึ่งเรื่องเช่นนี้ไม่สะดวกที่จะพูดคุยกับคนอื่นไปตามตรง ไม่ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดจะคิดกับเธออย่างไร เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะแสดงออกมาให้เขารู้
จากนั้นคนตัวเล็กก็เดินออกไปพร้อมกับเจ้าส้มและเจ้าตัวโต แล้วท่าทีกระโดดเด้งดึ๋งของเธอก็ดูไร้เดียงสาและน่ารักสมวัย
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: คุณชายเซียวมองไป๋ไป่ทะลุมาก รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เลยแฮะ