บทที่ 1024: ยุคสมัยของพวกเรา มาถึงแล้ว!
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 1024: ยุคสมัยของพวกเรา มาถึงแล้ว!
เฮียวโกโร่ นับว่าเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ชาววาโนะคุนิยุคปัจจุบัน แม้ว่าอายุจะไม่น้อยแล้ว แต่กล้ามเนื้อของเขายังคงกำยำแน่นหนา
เขาไม่เข้าใจเรื่องรัฐบาลโลก ไม่รู้จักกองทัพเรือหรือ CP0 เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยต่อต้านการเข้ามาของกลุ่มร้อยอสูร
แต่มาวันนี้ ท่าทีของเฮียวโกโร่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จากผู้ต่อต้านในตอนนั้น กลายเป็นผู้สนับสนุนอย่างแน่วแน่ในวันนี้
คมดาบของเขาไร้ซึ่งความลังเล สำหรับเฮียวโกโร่แล้ว การฟาดฟันครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อกลุ่มร้อยอสูร แต่เพื่อวาโนะคุนิ เพื่ออนาคตของผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้
ฮาคิแผ่กระจายดุจดอกซากุระร่วงโรย นั่นเป็นเหตุผลที่วาโนะคุนิเรียกฮาคิเกราะว่า "ริวโอ" ในฐานะอาจารย์อัจฉริยะที่สามารถสอนให้คนควบคุมริวโอได้ภายในครึ่งวัน เฮียวโกโร่เองก็มีความเชี่ยวชาญในริวโอไม่น้อย
คมดาบยังไม่ทันสัมผัส ริวโอของเขาก็สร้างความเสียหายรุนแรงจากระยะไกลแล้ว
ตามมาด้วยการรุมประชาทัณฑ์จากเหล่าซามูไร เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่อาจทำลายความมั่นคงของวาโนะคุนิ เฮียวโกโร่ไม่สนใจที่จะดวลเดี่ยว เขาจึงนำเหล่าซามูไรเข้าโจมตีและเอาชนะศัตรูได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดนี้ถูกบันทึกไว้ในวิดีโอ และในท้ายที่สุดก็ไปเข้าตาควีน
"มุฮ่าฮ่าฮ่า พวกวาโนะคุนินี่น่าสนใจจริง ๆ แบบนี้ฉันก็วางใจได้แล้ว"
ควีนมองดูชาววาโนะคุนิร่วมมือกันจัดการ CP0 คนสุดท้ายด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ อย่างน้อยนี่ก็หมายความว่าความปลอดภัยของเขาก็เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง
ป้องกันคนในไม่ได้ ก็ป้องกันคนนอกก็แล้วกัน
"เอาล่ะ ไปเตรียมงานเลี้ยงกันเถอะ อุตะไม่อยู่ แอนไม่อยู่ เทโซโร่ไม่อยู่ ฉันจะรอดูว่าคราวนี้จะมีใครมาแย่งซีนฉันอีกไหม?"
ควีนยังคงมีความหลงใหลในการเป็นพิธีกรอย่างเหนียวแน่น แต่น่าเสียดายที่ลูกน้องไม่ค่อยให้เกียรติเท่าไหร่ พวกเขาสนใจดาราในสังกัดของผลไม้ร้อยอสูรมากกว่า
เรื่องนี้ทำให้ควีนไม่เข้าใจ อุตะกับแอน สองสาวน้อยนั่นปลุกเร้าฮอร์โมนของพวกนั้นได้ เขาก็พอเข้าใจ แต่ช่วงนี้แม้แต่เตโซโรก็ยังดังกว่าเขา นี่ทำให้ "ภัยพิบัติแห่งศิลปะ" อย่างเขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีคู่แข่งแล้ว เขาก็พร้อมที่จะแสดงฝีมืออย่างเต็มที่
ทว่าการเปลี่ยนแปลงมักจะเกิดขึ้นเร็วกว่าแผนการเสมอ
อาคารบนเกาะโอนิงะชิมะเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง ห้องจัดเลี้ยงปรากฏขึ้นอีกครั้งบนเกาะ
"ควีน! ควีน! ควีน!"
เสียงเรียกของลูกน้องดังกึกก้อง ควีนปรากฏตัวขึ้นพร้อมท่าเต้นสุดอลังการ นับเป็นการเปิดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ
แต่ทันทีที่ควีนเต้นเสร็จและกำลังจะไปทำหน้าที่พิธีกร คนที่เข้ามาแย่งซีนก็ปรากฏตัวขึ้น
"พี่ใหญ่ไคโด?"
ควีนมองไคโดที่เดินเข้ามาอย่างไม่เข้าใจ ปกติไคโดชอบแค่ดื่มเหล้า ไม่เคยจัดงานเลี้ยงเอง แต่ตอนนี้เขากลับเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยตัวเอง
"ควีน แกไปร่วมงานเลี้ยงเถอะ เดี๋ยวค่อยมาหาฉัน"
"พี่ใหญ่ไคโด ผมว่าผมทำหน้าที่แทนพี่ได้นะครับ"
"ให้แกไปก็ไปสิ พูดมากจริง!"
"ครับ!"
เห็นไคโดเริ่มหงุดหงิด ควีนจึงวางไมโครโฟนลงอย่างว่าง่าย ในวินาทีนั้นเอง คำว่า "เคราะห์ร้าย" ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ปกติแล้ว งานเฉลิมฉลองแบบนี้จะไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่ไคโดไม่ใช่คนปกติ ควีนจึงยอมสละตำแหน่งนี้ให้
งานเลี้ยงยังมีอีกเยอะ เขายังมีโอกาสเป็นพิธีกรอีกนับไม่ถ้วน
"โว่ะโระโระโระ ดีมาก ฉันเห็นหน้าคุ้น ๆ เยอะเลย แสดงว่าพวกแกรอดชีวิตจากสงครามมาได้สินะ!"
ไคโดกวาดสายตามองเหล่าโจรสลัดที่มาร่วมงานเลี้ยงด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี เขาจำชื่อโจรสลัดข้างล่างไม่ได้ทั้งหมด บางคนจำได้แค่ฉายา แต่ยิ่งเห็นคนคุ้นหน้าเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่ามีคนรอดชีวิตจากสงครามมากเท่านั้น
"ฉันเคยบอกไว้แล้วว่า สิ่งที่พวกเราต้องทำคือลากพวกชนชั้นสูงตั้งแต่เกิด! พวกผู้มีอำนาจที่หมกมุ่นอยู่กับความบันเทิง! ลงมาสู่สนามรบ!
สนามรบที่มีเพียงความเป็นและความตาย! ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ไม่ว่าใครก็เท่าเทียมกัน!
นั่นแหละคือ "ความเท่าเทียม" และ "อิสรภาพ" ! มีเพียงสงครามเท่านั้นที่จะตัดสินคุณค่าของคนได้!"
จนถึงทุกวันนี้ ไคโดยังคงยึดมั่นในตรรกะเดิม หากไม่มีความสามารถมากพอ ก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่งที่เป็นอยู่
"พวกแกคือผู้ชนะสงคราม พวกแกได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตัวเองแล้ว ดังนั้นพวกแกมีสิทธิ์ที่จะดื่มด่ำกับงานเลี้ยงฉลองนี้ ลิ้มรสผลลัพธ์ที่ได้มาจากชัยชนะ!
แต่ว่า...สงครามครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น!
เตรียมตัวให้พร้อม เจ้าพวกกระจอก! รอให้สงครามครั้งต่อไปมาถึง พวกเราจะเป็นตัวเอกที่แท้จริง!
ไอ้แก่หนวดขาวนั่น ก่อนตายมันก็ยังผลักดันยุคสมัยให้ก้าวไปข้างหน้า โรเจอร์กับหนวดขาว สองคนนี้เคยเป็นตัวแทนของยุคสมัยหนึ่ง แต่ยุคสมัยในอนาคตจะเป็นของพวกเรา
พวกแก! จงทำให้โลกนี้รู้ว่า ยุคสมัยใหม่นี้ มีชื่อว่า 'ร้อยอสูร' !"
ในการปลุกเร้าอารมณ์ ไคโดก็ยังมีดี รัฐบาลโลกดำเนินมาแปดร้อยปีแล้ว ระบบชนชั้นก็ฝังรากลึก
ลูกหลานของพวกมังกรฟ้าก็ยังคงเป็นมังกรฟ้า เว้นแต่พวกนั้นจะสละตำแหน่งของตัวเอง มิเช่นนั้น พวกนั้นก็เกิดมาอยู่เหนือหัวคนอื่นอยู่วันยังค่ำ
ข้าราชการของรัฐบาลโลกก็ไม่ต่างกัน สแปนดัมมันห่วยแตกสิ้นดี แต่ก็ยังได้เป็นขุนนางใหญ่โต ก็เพราะพ่อมันแท้ ๆ
สำหรับคนทั่วไป อยากจะทำลายข้อจำกัดนี้เป็นไปไม่ได้ แต่ไคโดกลับอยากจะพลิกโต๊ะนี้ทิ้งซะ ให้โลกได้สับไพ่กันใหม่ แบบนี้เขาจึงดึงดูดผู้ติดตามได้มากมาย และปลุกเร้าจิตวิญญาณนักรบในตัวพวกนั้น
"ไคโด! ไคโด! ไคโด!"
"ร้อยอสูร! ร้อยอสูร!"
เสียงตะโกนของลูกน้องดังขึ้นทีละคน ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นคลื่นเสียงมหาสมุทร
และไคโดก็ไม่ใช่พวกดีแต่พูด พูดเรื่องอุดมการณ์จบแล้ว ต่อไปก็เรื่องจริง
"คนที่มีฝีมือก็มีสิทธิ์ได้รับพลัง พวกแกไม่ได้เพิ่งเข้าร่วมร้อยอสูรวันนี้ กฎข้อนี้พวกแกควรรู้ดีอยู่แล้ว แต่ก่อนพิธีประทานพร ฉันจะประกาศกฎใหม่"
โบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องข้างล่างเงียบ ไคโดพูดแผนการต่อไปด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม
"ตอนนี้ทุกคนมีคู่ต่อสู้คนใหม่แล้ว นั่นคือ โอนิฮิเมะของพวกแก หรือก็คือลูกสาวของฉัน ยามาโตะ
แค่พวกแกสามารถล้มเธอได้ จะวางยาหรือลอบกัดก็ตาม แค่พวกแกสามารถล้มเธอได้ ทุกอย่างที่เธอได้รับอยู่ตอนนี้ก็จะเป็นของพวกแก! ฉันถึงขั้นจะปั้นคน ๆ นั้นเป็นผู้สืบทอดของฉันเลยก็ได้!
คำสั่งนี้จะมีผลหลังจากงานเลี้ยงจบ จำไว้ว่าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี"
ไคโดตั้งใจจะหายามาโตะที่เฉื่อยชาให้ทำอะไรสักอย่าง ตอนนี้แค่คน ๆ เดียวมันไม่มีประโยชน์แล้ว เขาจึงอยากให้ยามาโตะได้สัมผัสกับความโหดร้ายของโลก ถ้าจะบอกว่าเขามีความเมตตาตรงไหน ก็คงเป็นการที่เขากำหนดให้คำสั่งนี้มีผลหลังงานเลี้ยงจบแล้ว
เพียงแต่ปฏิกิริยาของยามาโตะมันแปลก ๆ เธอทำเหมือนไม่ได้ยินคำสั่งนี้ มัวแต่เล่นกับลูกสาวของแมนเดรลล์อยู่คนเดียว
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_