บทที่ 10 เป็นปีศาจหรือเปล่า?
“ฮึ!”
เจียงหงเอ๋อเหยียดมือออกไป ผ้าแพรแดงสามฟุตปรากฏอยู่ในมือ เธอสะบัดเบาๆ ผ้าแพรแดงพันรอบเอวลู่เฉิน ลู่เฉินต้องการต่อต้าน แต่มีแรงพันตันก็ไม่สามารถสลัดตัวออกไปได้ในขณะนี้
ในใจรู้ดี
ผ้าแพรแดงนี้มีพลังวิญญาณ เจียงหงเอ๋อไม่ธรรมดาแน่ เธอต้องอยู่ในระดับฝึกกาย
แต่
ในใจกลับไม่กลัว ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากกรมทหารรักษาการณ์
จะฆ่าคนเพื่อปิดปากกันเพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ต่อต้าน แค่ยิ้มเยาะ
“ทำไม ไม่พูดให้รู้เรื่องก่อนจะลงมือ?”
เจียงหงเอ๋อหน้าดูเย็นชา ไม่ตอบคำถาม มือที่ถือผ้าแพรแดงโบกไปมา เธอกระโดดขึ้นไปและกระตุกผ้าแพรแดง ทำให้ลู่เฉินถูกแขวนอยู่ที่คานหอ
ข้างนอก ชิงเหอได้ยินเสียงดังวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นภาพนี้ก็ทำหน้างงและรีบพูดขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้น? คุณชายเป็นแขก อย่าทำรุนแรงกับเขาเรยนะเจ้าคะ เถ้าแก่เนี๊ย!”
“ใช่ๆ ข้าเป็นแขก จะไม่ปล่อยข้าลงหรอ?”
“ออกไป! ที่นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าหมอนี่ให้รู้สำนึก!”
“ป๊าบ!”
พูดไปก็สะบัดผ้าแพรแดงไปอีกด้านหนึ่ง ฟาดไปที่ลู่เฉินเต็มแรง
“อ๊า~~”
ลู่เฉินร้องออกมาเสียงดัง ตัวเขาตกลงและหมดสติไป
“นี่...”
เจียงหงเอ๋อเตรียมจะฟาดอีกที แต่เห็นท่าทางแบบนี้ก็หยุดชะงัก ฟาดก็ไม่ดี จะหยุดก็ไม่ใช่ พึมพำว่า “เจ้าหนุ่มนี่อ่อนแอเกินไปแล้ว ข้ายังไม่ได้ออกแรงเลยนะเนี่ย...แค่นี้ก็น็อคไปแล้วเหรอ?”
“น่ารัก~~”
เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวน้อยขยิบตามองและหัวเราะอยู่หลังคาน
ชิงเหอมองอย่างไม่พอใจ และบ่นว่า “คุณชายที่อ่อนแอแบบนี้ จะรับมือเถ้าแก่เนี้ยได้อย่างไร ท่านไม่รีบปล่อยเขาลง จะให้เกิดเรื่องแย่ๆ ก่อนเหรอ?”
“ได้ๆ”
เจียงหงเอ๋อยิ้มแห้งๆ ในใจนั้นโกรธนิดหน่อยก็หายไปหมด เธอสะบัดผ้าแพรแดงในมือแล้ววางลู่เฉินลงบนพื้น
พอผ้าแพรแดงถูกเก็บกลับไป ลู่เฉินก็เปิดตาขึ้นอย่างกระทันหัน และผลักเจียงหงเอ๋อจนล้มลงไป
“ป๊าบ~~”
“อ๊า~~~”
“อ๊า~”
“น่ารัก~”
เสียงตกตะลึงดังก้องไปทั่วห้อง!
เจียงหงเอ๋อแทบเลือดออกจากหน้า ขณะที่ชิงเหอเปิดปากเล็กๆ ไม่อยากเชื่อ ส่วนเจ้าจิ้งจอกน้อยยืนขึ้นตาโตเบิกกว้าง
“นุ่มจัง~”
......
“คุณชาย เชิญทานผลไม้เจ้าค่ะ”
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้สงบลงแล้ว มีสาวน้อยคนหนึ่งที่อายุมากกว่าชิงเหอนิดหน่อยเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ วางจานผลไม้ที่ถืออยู่บนโต๊ะไม้
สาวน้อยคนนี้ชื่อว่าเจี้ยงเฉ่า เป็นสาวใช้ของเจียงหงเอ๋อเช่นกัน
“ขอบคุณ พี่เจี้ยงเฉ่า” ชิงเหอ "กล่าว "
ลู่เฉินก็ไม่เกรงใจ หยิบลูกพีชขึ้นมากัดคำใหญ่ หวานกรอบดี แต่ตาเขามีอาการบวมเล็กน้อยจากความหุนหันพลันแล่น
“ฮิฮิ~”
เจี้ยงเฉ่าปิดปากหัวเราะเล็กน้อยแล้วถอยออกไป
ลู่เฉินขณะกัดลูกพีชไปก็เหลือบมองไปยังเก้าอี้เอนนอนที่อยู่ไม่ไกล เจียงหงเอ๋อนอนอยู่บนเก้าอี้นั้นกลับสู่สภาพปกติ กอดเจ้าจิ้งจอกน้อยอยู่ นอนอย่างเกียจคร้าน ใส่ชุดผ้าแพรกระจบแดงรัดรูป ขาเรียวยาวงอนเล็กน้อยเผยให้เห็นความงามของฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเห็นเจียงหงเอ๋อมองมาที่เขา
ลู่เฉินจึงรีบหันหน้าหนี
“มีใจขโมยแต่ไม่มีความกล้า!”
เจียงหงเอ๋อหึเบาๆ วางศีรษะบนแขนขาวนวลของเธอและถามว่า
“แล้วคิดไว้ยังไงบ้าง?”
“ยังไม่รู้ว่าจะคิดออกยังไง”
“เมื่อไหร่จะคิดได้?”
“อย่างน้อย...คงจะเป็นเช้าวันพรุ่งนี้”
ลู่เฉินมาที่หอโคมแดงเพราะมีสองเหตุผล หนึ่งคือหารือกับเจียงหงเอ๋อเรื่องการซื้อขาย【วิชาวงแสง】 อีกประการคือหลบเลี่ยงการแก้แค้นของหลวงจีนหยวนเจิน
วันนี้เขาเพิ่งฆ่าฮุยเซิง
ถ้าเป็นหลวงจีนหยวนเจินโกรธและเกิดทำอะไรขึ้นมา ลู่เฉินที่เพิ่งฝึกฝนได้เล็กน้อยก็ยังไม่มีพลังเพียงพอจะต่อต้านเขาได้ เพื่อความปลอดภัยจึงต้องหลีกเลี่ยงไปก่อน
“ตามใจท่านเถอะ”
เจียงหงเอ๋ออุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยแล้วลุกขึ้น ย่างเท้าบนพื้นเปล่าเดินไปหลังม่าน ถอดชุดกระจบบางออกและนอนตะแคงบนเตียงงาม สะโพกโค้งอย่างลงตัวสะท้อนหลังม่านเป็นเงาที่งดงามอย่างยิ่ง
“ช่างเป็นนางฟ้า...”
ลู่เฉินคิดในใจแล้วจึงเอ่ยถามว่า
“ท่านฝึกวิชาอะไรอยู่?”
“ฮิฮิ~”
ชิงเหอที่เพิ่งเดินเข้ามา ปิดปากหัวเราะเบาๆ วางกาน้ำชาที่ถืออยู่ลงและรินชาจากนั้นพูดเสียงเบาๆ ว่า “เถ้าแก่เนี๊ยก็เป็นแบบนี้แหละ คุณชายอย่าไปสนใจท่านเลยค่ะ”
ในห้อง เจียงหงเอ๋อมีอาการโกรธไม่น้อย หน้าอกอันอ่อนนุ่มกระเพื่อมขึ้นลง
เธอหึเบาๆ
แล้วก็ไม่สนใจอีก
ลู่เฉินจิบชาไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบขวดหยกออกจากอก เขาเทมุกวิญญาณหนึ่งเม็ดและยื่นให้ชิงเหอ พร้อมอธิบายว่า “แม่นางชิงเหอช่วยเปลี่ยนเป็นเงินทองให้ข้าหน่อย ถ้ามีค่าใช้จ่ายอะไรก็ให้หักจากนี้ได้เลย”
“คุณชายคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ เถ้าแก่เนี๊ยเชิญท่านมาที่นี่ ย่อมไม่เหมือนกับพวกคนธรรมดา จะมีค่าใช้จ่ายอะไร”
“ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เงินทองสามารถแลกได้ แต่เงินทองแลกไม่ได้กับมุกวิญญาณ
ยังไงก็รอสักครู่นะเจ้าคะ”
ชิงเหอออกไปไม่นานก็กลับมา พร้อมเงินสองร้อยชั่ง
ลู่เฉินวางเงินไว้ข้างๆ และเริ่มสนทนากับชิงเหออย่างสบายๆ จึงถามขึ้นว่า “เถ้าแก่เนี๊ยของเจ้ามีอะไรแปลกๆ หรือเปล่า เป็นปีศาจ?”
“ฮิฮิ~”
ชิงเหอยิ้มและส่ายหัว
“อย่าพูดแบบนั้นเชียว ถ้าเถ้าแก่เนี๊ยได้ยินจะทำโทษท่านนะ เถ้าแก่เนี๊ยเป็นสตรีที่เหมือนเซียน ไม่ใช่ปีศาจที่ท่านพูดถึง”
“แล้วทำไมถึงเปิดหอโคมแดงนี้ล่ะ?”
ชิงเหอมองไปที่เตียงเบาๆ แล้วเห็นว่าในนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวจึงพูดเสียงเบาว่า
“คุณชายรู้จักพรสวรรค์ในการฝึกฝนหรือไม่?”
“รู้บ้าง”
“เถ้าแก่เนี๊ยของข้าเองก็มีพรสวรรค์ เป็นที่รู้จักในนาม...【โคมแดง】”
“......”
ลู่เฉินรู้สึกพูดไม่ออก สรุปเป็นเหตุผลนี้เอง ไม่แปลกใจเลยที่เถ้าแก่เนี๊ยต้องช่วยคนให้มีความรัก สงสัยจะมีประโยชน์ต่อการฝึกฝน การเปิดหอโคมแดงน่าจะเป็นจุดประสงค์เดียวกัน
ลู่เฉินเบาเสียงแล้วถามต่อไปว่า
“เถ้าแก่เนี๊ยของเจ้ามีอายุเท่าไหร่?”
“ฮิฮิ~”
ชิงเหอหัวเราะและแกล้งพูดว่า
“คุณชายหมายความว่าท่านชอบเถ้าแก่เนี๊ยของข้าหรือ? อืม คุณชายก็เป็นคนที่ฝึกฝนเหมือนกัน บางทีท่านอาจเป็นคนที่เถ้าแก่เนี๊ยรอคอยก็ได้นะ”
“......”
ลู่เฉินรู้สึกหน้าแดง และรู้สึกอึดอัดทันที
......
“อ้า~”
“อ้าอ้า~”
ค่ำคืนล่วงเลยมาแล้ว หอโคมแดงชั้นสามดับไฟของโคมแก้วไปมาก ส่วนที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ดวงสะท้อนแสงอันมัวหมอง ในขณะที่เจียงหงเอ๋อตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ สวมเสื้อผ้าแพรบางๆ แล้วแอบมองออกไปข้างนอก
เห็นลู่เฉินนั่งขัดสมาธิ ค่อยๆ ดึงมีดสั้นที่เอวออกมาแล้วก็ทำซ้ำหลายครั้ง ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“เบื่อจัง~”
เจียงหงเอ๋อยืดตัวแล้วนอนกลับลงไปบนเตียง มือหนึ่งประคองหน้าผาก ส่วนอีกมือหนึ่งวางไว้ที่ท้อง... หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมีกลุ่มหมอกแดงๆ ค่อยๆ รวมตัวกัน
ส่วนเจ้าจิ้งจอกน้อยข้างๆ นั่งขัดสมาธิเสมือนคนตัวเล็กๆ ปากน้อยๆ ก็เปิดปิดไปมา
“ซี้ดๆ”
“ฮุ่ย~~”
ลู่เฉินปล่อยลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วสอดมีดกลับเข้าฝัก ถูมือขวาที่เริ่มเมื่อยแล้วพึมพำว่า
“อีกหน่อยก็อัพเกรดได้แล้ว!”
เขาหันไปมองที่เตีบงเบาๆ แล้วยกมือขึ้นแตะเบาๆ
“เริ่มต้น!”
【เงื่อนไขการอัพเกรดมีด】:
【1】: ฝึกมีดหนึ่งวัน (ทำเสร็จแล้ว!)
【2】: เงินขาวยี่สิบตำลึง (ทำเสร็จแล้ว!)
.....
【ชื่อ】: ลู่เฉิน
【วิชามีด】: ยังไม่เข้าขั้น (สามารถอัพเกรดได้!) +
......
“อัพเกรด!”