ตอนที่ 9: เงามืดแห่งอดีต และ ตอนที่ 10: การเตรียมตัวของอิธาน
ตอนที่ 9: เงามืดแห่งอดีต
เอลิซ่ายืนอยู่ในความมืดมิด ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเธอไม่มีรูปร่างหรือขอบเขต มีเพียงเสียงหัวเราะเย็นชาของร่างเงาที่คล้ายกับตัวเธอเอง ร่างเงานั้นยิ้มเยาะและจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีแดงสด ราวกับว่ามันกำลังท้าทายให้เธอยอมรับความจริงที่เธอหลีกเลี่ยงมาตลอด
"เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถปฏิเสธด้านมืดของตัวเองไปได้ตลอดหรือ?" ร่างเงากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอันตราย "เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าก็เคยพยายามใช้พลังนี้มาก่อน? เจ้าไม่เคยลืมมันได้เลย"
เอลิซ่าขมวดคิ้ว ความรู้สึกหนักอึ้งในใจเริ่มทับถมขึ้น เธอรู้สึกว่าบางอย่างในอดีตกำลังถูกปลุกขึ้นมา ความทรงจำที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงกลับค่อยๆ ปรากฏขึ้น ราวกับเงาแห่งอดีตที่เธอไม่ต้องการเผชิญ
"ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากนึกถึงมัน แต่ความจริงแล้ว เจ้าไม่สามารถหนีจากมันได้" ร่างเงาพูดขณะที่มันค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ "เจ้าเคยพยายามควบคุมพลังด้านมืดเพื่อปกป้องคนที่เจ้ารัก...แต่เจ้าลืมไปหรือว่ามันจบลงอย่างไร?"
เอลิซ่ารู้สึกถึงความเย็นเยือกที่เริ่มแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย มันไม่ใช่แค่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่เจือด้วยความผิดบาป เธอพยายามข่มความรู้สึกนั้นไว้ แต่ทุกครั้งที่พยายามปฏิเสธ ร่างเงานั้นก็เหมือนจะมีอำนาจมากขึ้น
"ข้าไม่เหมือนเจ้า!" เอลิซ่าตะโกนกลับด้วยความมุ่งมั่น แม้ว่าจะมีบางอย่างในใจที่ทำให้เธอเริ่มสั่นคลอน "ข้าเลือกที่จะใช้พลังของข้าเพื่อปกป้อง ไม่ใช่ทำลายล้าง!"
ร่างเงาหัวเราะอีกครั้ง “แต่เจ้าลืมไปแล้วหรือ? เจ้าทำให้พ่อของเจ้าเจ็บปวด เจ้ารู้ดีว่าเจ้าทำอะไรลงไปในอดีต”
คำพูดนั้นทำให้ความทรงจำที่ถูกฝังลึกในจิตใจของเอลิซ่าปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ภาพในอดีตที่เธอพยายามลืมเลือน...
(ภาพอดีต)
เอลิซ่าในวัยเด็กเติบโตในหมู่บ้านแห่งมนตรา ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่ได้รับการเคารพนับถืออย่างสูง โดยเฉพาะ พ่อของเอลิซ่า เขาเป็นจอมเวทย์ผู้มีฝีมือและได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน ผู้คนต่างเคารพในความสามารถและปัญญาของเขา เพราะเขาไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญในการใช้พลังมนตรา แต่ยังเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดและเป็นที่พึ่งพาในยามวิกฤติ
เอลิซ่าเติบโตขึ้นมาด้วยความหวังและแรงกดดันที่ต้องสืบทอดความยิ่งใหญ่ของพ่อ เธออยากจะเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งและสามารถทำให้พ่อของเธอภูมิใจ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่าความคาดหวังนั้นเป็นภาระอันหนักหน่วง
วันหนึ่ง เมื่อเธอยังเป็นเด็ก เธอได้ค้นพบหนังสือเวทย์มนต์โบราณที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในห้องเก็บของเก่า หนังสือนั้นเต็มไปด้วยมนตราด้านมืดที่พ่อของเธอเตือนไม่ให้ใครเข้าใกล้ เพราะมันเป็นพลังที่ควบคุมได้ยากและอาจนำไปสู่หายนะ แต่ด้วยความอยากรู้และความทะเยอทะยานที่อยากจะเป็นเหมือนพ่อ เอลิซ่าไม่ฟังคำเตือน เธอเปิดหนังสือเล่มนั้นและเริ่มใช้พลังด้านมืดที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว
ขณะที่เอลิซ่ากำลังทดลองกับพลังมนตรา พลังด้านมืดเริ่มแผ่ขยายออกมาเกินกว่าที่เธอจะควบคุมได้ มันกลายเป็นพายุเวทย์ที่อาละวาดไปทั่วห้องทดลอง พลังนั้นรุนแรงและทำให้สิ่งของรอบตัวแตกกระจาย พ่อของเธอเข้ามาพบเห็นพอดี และรีบใช้พลังของตนเองเพื่อพยายามหยุดพายุเวทย์ แต่พลังนั้นเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ในทันที
ขณะที่พ่อของเอลิซ่าพยายามควบคุมพลังนั้น เขาก็ได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดของพลังด้านมืด แม้ว่าเขาจะสามารถปกป้องเอลิซ่าจากการถูกพลังนั้นกลืนกิน แต่บาดแผลที่เขาได้รับกลับร้ายแรงเกินกว่าจะรักษาได้ง่าย
หลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อของเธอไม่ได้ตำหนิเธออย่างเปิดเผย แต่บรรยากาศในครอบครัวก็เปลี่ยนไป พ่อของเธอไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์นั้น แต่เอลิซ่ารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ทำลายความเชื่อใจของพ่อ และความผิดนั้นได้กลายเป็นบาดแผลในใจของเธอเสมอมา
เอลิซ่ากัดฟันแน่น ความทรงจำอันเลวร้ายนั้นยังคงหลอกหลอนเธออยู่เสมอ เธอพยายามฝังมันไว้ในใจ แต่เมื่อถูกท้าทายเช่นนี้ มันกลับยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
"เจ้าทำร้ายพ่อของเจ้าเอง จำได้ไหม?" ร่างเงากระซิบอย่างเยือกเย็น "เจ้าพยายามจะใช้พลังเพื่อปกป้อง แต่ผลลัพธ์กลับเป็นการทำลาย เจ้าพยายามทำให้เขาภูมิใจ แต่สุดท้ายก็ทำให้เขาเจ็บปวด"
“พ่อของเจ้ารอดมาได้ก็จริง แต่เจ้ารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว” ร่างเงาพูดอย่างเย้ยหยัน
เอลิซ่ารู้สึกเหมือนถูกผลักดันให้ต้องเผชิญหน้ากับความจริง เธอรู้ว่าการใช้พลังด้านมืดเคยนำไปสู่การทำลายล้างคนที่เธอรักมากที่สุด แต่มันก็ยังเป็นพลังที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน
"ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน" ร่างเงากระซิบ "ความรู้สึกของเจ้านั้นชัดเจนยิ่งกว่าที่เจ้ายอมรับ เจ้ารู้ดีว่ามนตราด้านมืดมีพลังมหาศาล และเจ้ารู้ว่าถ้าเจ้าใช้มัน เจ้าจะสามารถปกป้องครอบครัวของเจ้าได้อย่างแท้จริง แต่เจ้าก็กลัวมัน กลัวว่าพลังนี้จะทำร้ายพวกเขาอีกครั้ง"
“ข้าไม่ใช่คนที่จะทำร้ายครอบครัวของข้าอีกต่อไป!” เอลิซ่าตะโกนออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอไม่ต้องการกลับไปสู่ทางเดินเดิมนั้นอีก แต่ก็รู้ดีว่ามันยังคงอยู่ในใจของเธอเสมอ
“ถ้าเจ้าไม่ยอมรับมัน เจ้าก็จะไม่มีวันสามารถเอาชนะมันได้” ร่างเงาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย "มนตราคือทั้งความสว่างและความมืด เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน ไม่ใช่หนีมัน"
เอลิซ่านิ่งไปชั่วครู่ เธอรู้ว่าร่างเงานั้นพูดถูก พลังด้านมืดไม่ใช่สิ่งที่เธอจะหนีได้ตลอดไป หากเธอต้องการปกป้องดินแดนนี้และครอบครัวของเธออย่างแท้จริง เธอต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมทั้งด้านสว่างและด้านมืดของมนตรา
"ข้าจะไม่ปฏิเสธด้านมืดอีกต่อไป" เอลิซ่าพูดอย่างแน่วแน่ แม้ว่าเธอจะยังคงกลัวมันอยู่ก็ตาม "ข้าจะเรียนรู้วิธีควบคุมมัน...เพื่อที่ข้าจะไม่ทำร้ายใครอีก"
ทันทีที่เอลิซ่าพูดคำเหล่านั้น ความมืดรอบตัวเธอก็เริ่มจางลง ร่างเงานั้นยิ้มและค่อยๆ สลายไป แต่ก่อนที่จะหายไปหมด มันก็พูดคำหนึ่งที่ทิ้งท้ายไว้ "เจ้ามีเส้นทางยาวไกลในการทำความเข้าใจตัวเอง ข้าจะเฝ้าดูเจ้าเสมอ"
เมื่อเอลิซ่าลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองกลับมายืนอยู่ในลานฝึกฝนกับลิเลียน่าและอิธาน ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย แต่จิตใจของเธอกลับสงบลงมากกว่าก่อนหน้านี้
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ลิเลียน่าถามขณะที่เธอมองเอลิซ่าด้วยความสงสัย
"ข้าได้เรียนรู้ว่าข้าต้องยอมรับด้านมืดของข้าเอง" เอลิซ่าตอบเบาๆ "ข้ารู้แล้วว่าถ้าข้าต้องการควบคุมมัน ข้าต้องไม่ปฏิเสธมันอีกต่อไป"
ลิเลียน่ายิ้มบางๆ “เจ้าเข้าใจแล้ว นั่นคือก้าวแรกในการควบคุมพลังนี้”
อิธานที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ หันไปมองเอลิซ่า เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงในแววตาของเธอ “ดูเหมือนเจ้าจะผ่านการทดสอบแล้ว”
เอลิซ่าพยักหน้า แม้ว่าการทดสอบนี้จะยากเย็นและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทางใจ แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นก้าวสำคัญในการเติบโตของเธอ “ข้าอาจจะผ่านมันมาได้ แต่การเดินทางยังไม่จบ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องเผชิญหน้าอีกมากมาย”
ตอนที่ 10: การเตรียมตัวของอิธาน
หลังจากที่เอลิซ่าผ่านการทดสอบด้านมืดและเริ่มยอมรับความจริงในตัวเองได้แล้ว เธอก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในพลังของเธอเอง แม้ว่าพลังด้านมืดจะยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่เอลิซ่าก็มีความมั่นใจมากขึ้นในการควบคุมมัน
ในขณะที่เอลิซ่ากำลังเตรียมตัวฝึกฝนต่อไป อิธาน กลับต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างออกไป แม้ว่าเขาจะมีความเชี่ยวชาญในด้านวิทยาศาสตร์ แต่การต้องเผชิญหน้ากับพลังเวทย์มนต์ด้านมืดที่คาดเดาไม่ได้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเผชิญมาก่อน และมันทำให้เขารู้สึกถึงความกดดัน
"เจ้าพร้อมหรือยัง?" ลิเลียน่าถามขณะที่เธอเดินเข้ามาหาอิธานที่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ในห้องทดลองเล็กๆ ของเขา
อิธานเงยหน้าขึ้นจากการทำงาน เขายังคงมองอุปกรณ์ของตัวเองด้วยความสงสัย "ข้าพยายามเตรียมตัวให้พร้อม แต่ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะสามารถรับมือกับพลังเวทย์มนต์ด้านมืดได้แค่ด้วยเทคโนโลยีของข้าเองหรือไม่"
ลิเลียน่ามองอิธานด้วยสายตาเข้าใจ "ข้าเข้าใจว่าเจ้ารู้สึกไม่มั่นใจ แต่วิทยาศาสตร์และมนตราไม่ได้ขัดแย้งกันเสมอไป เจ้าแค่ต้องหาวิธีที่จะทำให้ทั้งสองสิ่งนี้ทำงานร่วมกันอย่างสมดุล"
"แต่ข้ารู้สึกว่าเทคโนโลยีของข้าจะไม่สามารถต้านทานพลังที่ไร้การควบคุมได้" อิธานกล่าวพร้อมกับตรวจสอบเครื่องวิเคราะห์พลังงานที่เขาได้ปรับแต่งให้สามารถจับคลื่นพลังงานด้านมืด "ข้าไม่เคยเจอพลังที่ดุร้ายขนาดนี้มาก่อน พลังด้านมืดไม่เหมือนกับอะไรที่ข้าศึกษาในโลกของข้า"
ลิเลียน่าพยักหน้า "พลังด้านมืดไม่ได้เป็นเพียงแค่ความรุนแรงเท่านั้น มันยังเป็นสิ่งที่เจาะลึกถึงความกลัวและจิตใจของผู้ใช้ด้วย ข้าจะช่วยเจ้าเรียนรู้วิธีรับมือกับมัน แต่เจ้าต้องเข้าใจว่ามนตราไม่ได้เป็นแค่พลังที่มองเห็นได้ มันเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเจ้าด้วย"
อิธานเงียบไปชั่วครู่ "ข้าจะต้องทำอย่างไร?"
ลิเลียน่าหยิบคริสตัลสีดำที่เธอใช้ในการฝึกเอลิซ่าออกมาอีกครั้ง "คริสตัลนี้เต็มไปด้วยพลังด้านมืด เจ้าอาจจะรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาเมื่อเจ้าเข้าใกล้มัน แต่นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของพลังที่เจ้าจะต้องเผชิญ"
อิธานจ้องมองคริสตัลด้วยความสงสัยและกังวล แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของตัวเอง แต่คริสตัลที่เปล่งพลังด้านมืดออกมาทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ มันเหมือนกับพลังที่มีชีวิตและสามารถบิดเบือนสิ่งรอบข้างได้
"ข้าจะทำให้มันทำงานร่วมกับเทคโนโลยีของข้าได้อย่างไร?" อิธานถาม
ลิเลียน่าวางคริสตัลลงบนโต๊ะ "เจ้าไม่สามารถควบคุมมันด้วยเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวได้ เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กับพลังนี้ แม้ว่ามันจะดูมืดมนและน่ากลัว แต่ถ้าเจ้าสามารถทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เจ้ากำลังสร้าง มันอาจจะเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด"
"ข้าจะใช้วิทยาศาสตร์เพื่อผสานกับพลังด้านมืดนี้ได้หรือ?" อิธานถามด้วยความสงสัย
"ใช่" ลิเลียน่าตอบ "ข้าเห็นว่าเจ้ามีความสามารถที่จะผสานสองสิ่งนี้ได้ ข้าเคยเห็นคนอื่นๆ พยายามใช้วิทยาศาสตร์ในการควบคุมมนตรา แต่พวกเขาทำผิดพลาดเพราะพวกเขาพยายามควบคุมมนตราโดยตรง แต่เจ้าจะไม่ควบคุมมัน เจ้าจะทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เจ้าเชื่อมโยง"
"ส่วนหนึ่งของสิ่งที่ข้าเชื่อมโยง?" อิธานถามด้วยความไม่เข้าใจ
"ใช่ เจ้าต้องเปิดใจและให้วิทยาศาสตร์ทำงานร่วมกับมนตรา ไม่ใช่พยายามบังคับมัน" ลิเลียน่าอธิบาย "พลังด้านมืดไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่ต้องควบคุม แต่เป็นพลังที่ต้องทำความเข้าใจ ถ้าเจ้าสามารถเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ร่วมกับมันโดยไม่ถูกมันกลืนกิน เจ้าก็จะสามารถใช้พลังนี้เพื่อปกป้องได้"
อิธานรู้สึกถึงความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้ การทำความเข้าใจพลังเวทย์มนต์ด้านมืดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันเป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้หากต้องการปกป้องดินแดนนี้และผู้คนที่เขารู้จัก
อิธานเริ่มการทดลองโดยการเชื่อมโยงคริสตัลที่มีพลังด้านมืดเข้ากับเครื่องมือของเขา เขาเริ่มจากการใช้เครื่องวิเคราะห์พลังงานเพื่อจับคลื่นพลังงานในคริสตัล แต่เขาก็พบว่าคลื่นพลังงานเหล่านั้นไม่ได้คงที่เหมือนกับพลังงานที่เขาเคยศึกษา มันเปลี่ยนแปลงและไม่เสถียร ราวกับว่าพลังงานด้านมืดมีชีวิตจิตใจของตัวเอง
"มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ" อิธานพึมพำขณะมองข้อมูลบนหน้าจอ "ข้าไม่สามารถควบคุมหรือคาดเดามันได้เลย"
ลิเลียน่าพูดขึ้น "นั่นแหละคือพลังของด้านมืด มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เจ้าจะควบคุมได้ด้วยเหตุผล เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะร่วมมือกับมัน เจ้าต้องเข้าใจมัน"
อิธานหายใจลึกและพยายามสงบจิตใจ เขาหลับตาและสัมผัสถึงพลังในคริสตัล มันเป็นพลังที่เยือกเย็นและน่ากลัว แต่ในขณะเดียวกันก็มีพลังที่ดึงดูดและทรงพลัง เขาเริ่มคิดว่าถ้าเขาสามารถผสานพลังนี้เข้ากับเทคโนโลยีของเขาได้ มันอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการต้านทานพลังด้านมืดที่เขาจะต้องเผชิญ
หลังจากนั้น อิธานเริ่มปรับแต่งอุปกรณ์ของเขาให้สามารถรองรับพลังงานจากคริสตัลได้ เขาต้องการสร้างเครื่องมือที่สามารถใช้พลังด้านมืดในทางที่สร้างสรรค์ โดยไม่ให้มันทำลายล้างทุกสิ่งรอบตัว เขาเริ่มจากการพัฒนา เครื่องปล่อยคลื่นรบกวนพลังงานด้านมืด ที่สามารถยับยั้งและควบคุมพลังงานเหล่านั้นได้
เมื่อการทดลองและพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ อิธานก็ตัดสินใจทดสอบเครื่องมือของเขา เขาเดินเข้าไปในป่าลึกที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์มนต์ด้านมืด ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่พวกเขาเคยเผชิญกับเงาแห่งมนตรามาก่อน
"ที่นี่คือสถานที่ที่พวกเจ้าเคยพบพลังด้านมืด" ลิเลียน่าพูดขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในป่า "มันยังคงมีพลังงานด้านมืดแผ่กระจายอยู่ ข้าหวังว่าเครื่องมือของเจ้าจะสามารถรับมือกับมันได้"
อิธานหยิบเครื่องมือของเขาออกมาและเปิดเครื่อง เขาปล่อยคลื่นพลังงานออกมาเพื่อจับพลังด้านมืดที่ลอยอยู่ในอากาศ เมื่อคลื่นพลังงานสัมผัสกับพลังด้านมืด เครื่องมือของเขาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่พลังด้านมืดเริ่มต่อต้าน
"มันได้ผลแล้ว!" อิธานพูดด้วยความตื่นเต้น "เครื่องมือนี้สามารถลดความไม่เสถียรของพลังด้านมืดและควบคุมมันได้!"
ลิเลียน่ายิ้มบางๆ "เจ้าได้ค้นพบก้าวแรกในการผสานวิทยาศาสตร์และมนตราแล้ว"
แต่ก่อนที่พวกเขาจะดีใจไปไกล พลังด้านมืดในป่าเริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น ราวกับมันกำลังพยายามต่อต้านเครื่องมือของอิธาน เสียงก้องกังวานของเวทย์มนต์ด้านมืดเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง ร่างเงาลึกลับที่พวกเขาเคยเผชิญเริ่มปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดของป่า
"ข้าคิดว่าเจ้าจะควบคุมพลังของข้าได้หรือ?" ร่างเงาพูดด้วยเสียงเยือกเย็น "เจ้ามนุษย์ที่ใช้วิทยาศาสตร์ เจ้าคิดว่าเจ้าเข้าใจพลังด้านมืดแล้วหรือ?"
อิธานและลิเลียน่าต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้าครั้งใหม่ พลังด้านมืดนี้แข็งแกร่งและดุร้ายกว่าที่พวกเขาคิด การต่อสู้ระหว่างวิทยาศาสตร์และมนตรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง