ตอนที่แล้วตอนที่ 5: วิทยาศาสตร์ต่อต้านมนตรา และตอนที่ 6: เงาแห่งความลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9: เงามืดแห่งอดีต และ ตอนที่ 10: การเตรียมตัวของอิธาน

ตอนที่ 7: การปรากฏตัวของผู้เฝ้ามอง และตอนที่ 8: การเริ่มต้นของการฝึกฝน


ตอนที่ 7: การปรากฏตัวของผู้เฝ้ามอง

หลังจากการเผชิญหน้ากับร่างเงามืดในป่า อิธานและเอลิซ่าตัดสินใจกลับมาที่หมู่บ้านเพื่อพักผ่อนและวางแผนการต่อสู้ต่อไป พลังของมนตราที่พวกเขาเผชิญทำให้ทั้งสองคนตระหนักถึงความอันตรายและความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในดินแดนนี้

“ข้ายังรู้สึกว่าเงามืดนั้นไม่ได้บอกเราทั้งหมด” อิธานพูดขณะที่เขาและเอลิซ่าเดินผ่านหมู่บ้าน “มันเหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เรายังไม่เข้าใจ”

“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น” เอลิซ่าตอบ “และข้าคิดว่าเราต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม มีคนหนึ่งในดินแดนนี้ที่ข้าเคยได้ยินชื่อมานาน เธอเป็นนักปราชญ์ด้านมนตราที่หายสาบสูญไปนานแล้ว เธออาจเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจพลังลึกลับนี้”

“นักปราชญ์ด้านมนตรา?” อิธานหันไปมองด้วยความสนใจ “ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?”

“เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ในวงการผู้ใช้มนตราเก่าแก่ เธอเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นผู้ที่เข้าใจถึงแก่นแท้ของมนตราอย่างลึกซึ้ง เธอหายไปจากหมู่บ้านของเราเป็นเวลาหลายปี ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปที่ไหน แต่มีข่าวลือว่าเธอยังคงเฝ้าดูพวกเราอยู่”

อิธานขมวดคิ้ว “แล้วเราจะหาตัวเธอได้อย่างไร?”

เอลิซ่าหยุดเดินก่อนจะหันไปมองที่ป่า “มีบางครั้งที่เธอปรากฏตัวเมื่อมนตราอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้าเชื่อว่าถ้าเราสามารถค้นหาสัญญาณของเธอ เราจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเธอได้”

ทั้งสองคนเริ่มออกตามหานักปราชญ์ลึกลับในป่า พวกเขาเดินลึกเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน แสงแดดค่อยๆ หรี่ลงและบรรยากาศรอบๆ เริ่มเปลี่ยนไป ต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกคลุมด้วยแสงเรืองรองค่อยๆ หายไป กลายเป็นป่าที่ดูมืดมนและน่าเกรงขาม

“นี่คือที่ที่ข้าเคยได้ยินว่ามีผู้เห็นเธอครั้งสุดท้าย” เอลิซ่าพูดขณะที่เธอหยุดยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

อิธานมองไปรอบๆ บรรยากาศที่นี่ให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป พลังงานในอากาศหนาหนักและดูไม่มั่นคง “มันเหมือนกับว่าเรากำลังถูกเฝ้าดู”

ก่อนที่อิธานจะพูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ทั้งสองหันไปมองพร้อมกันทันที และพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ เธอมีเส้นผมยาวสีดำที่สะท้อนแสงจางๆ ดวงตาของเธอสีเขียวสดใสและเต็มไปด้วยความลึกลับ

“พวกเจ้าเข้ามาในที่ที่ไม่ควรมา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงด้วยอำนาจ “เจ้าคืออิธาน นักวิทยาศาสตร์จากอีกโลกหนึ่ง และเจ้า...เอลิซ่า ผู้สืบทอดพลังมนตรา ข้ารู้จักพวกเจ้าทั้งสอง”

อิธานตกตะลึง “เจ้าเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงรู้จักพวกเรา?”

หญิงสาวยิ้มบางๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ “ข้าคือ ลิเลียน่า นักปราชญ์ด้านมนตราที่พวกเจ้าตามหา ข้าเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนนี้มานานแล้ว และข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังเผชิญกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย”

เอลิซ่าดูตกใจเล็กน้อย “เจ้าคือ...ลิเลียน่าจริงๆ หรือ? ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้า แต่ไม่คิดว่าจะได้พบตัวจริง”

“ใช่ ข้าเอง” ลิเลียน่าพยักหน้า “ข้าเลือกที่จะหายตัวไปจากผู้คน เพราะข้ารู้ดีว่าการแสวงหาพลังของมนตราอย่างไร้ทิศทางจะนำมาซึ่งความหายนะ แต่เมื่อข้าเห็นพวกเจ้าพยายามผสมผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับมนตรา ข้าจึงรู้ว่าเวลาของข้ากลับมาแล้ว”

อิธานมองลิเลียน่าด้วยความสงสัย “เจ้าเฝ้าดูเราอยู่จริงหรือ? แล้วทำไมเจ้าถึงไม่มาช่วยพวกเราแต่แรก?”

ลิเลียน่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ข้าต้องการเห็นว่าพวกเจ้าจะทำอะไร จะใช้พลังเหล่านั้นอย่างไร มนตราเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อน หากใช้ผิดทาง มันจะนำไปสู่การทำลายล้าง ข้าจึงไม่ต้องการเข้ามายุ่งเกี่ยวจนกว่าข้าจะแน่ใจว่าพวกเจ้าพร้อม”

“แล้วตอนนี้พวกเราพร้อมหรือยัง?” เอลิซ่าถาม

ลิเลียน่าหันไปมองเอลิซ่าด้วยสายตาที่คมกริบ “พลังที่พวกเจ้าเผชิญนั้นไม่ใช่แค่พลังด้านมืดธรรมดา มันคือสิ่งที่เก่าแก่และลึกลับกว่านั้น มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะต่อกรได้ด้วยพลังที่มีอยู่ในตอนนี้ หากพวกเจ้าต้องการต่อสู้กับมัน พวกเจ้าต้องเรียนรู้มากขึ้น”

“เรียนรู้อะไร?” อิธานถามอย่างกระตือรือร้น

“เจ้า อิธาน ต้องเรียนรู้วิธีที่มนตราสามารถผสานกับเทคโนโลยีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เพียงแค่ใช้เครื่องมือของเจ้าเพื่อรบกวนมัน แต่ต้องทำให้พวกมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน” ลิเลียน่าพูด “ในขณะที่เอลิซ่า เจ้าต้องเข้าใจพลังด้านมืดอย่างแท้จริง พลังนั้นมีเหตุผลที่มันยังคงมีอยู่ มันคือความสมดุลของโลกนี้”

เอลิซ่าฟังอย่างตั้งใจ เธอรู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับพลังด้านมืดไม่ใช่เรื่องง่าย และหากต้องการปกป้องดินแดนแห่งนี้ เธอต้องเข้าใจพลังเหล่านั้นมากกว่าที่เป็นอยู่

“แล้วข้าต้องทำอย่างไร?” เอลิซ่าถาม

“เจ้าจะต้องเผชิญกับการทดสอบของพลังด้านมืด และผ่านมันไปให้ได้” ลิเลียน่าตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หากเจ้าสามารถควบคุมและอยู่ร่วมกับมันได้ เจ้าจะมีพลังที่จะปกป้องดินแดนนี้ได้ แต่ถ้าเจ้าล้มเหลว...มันจะกลืนกินเจ้า”

“และข้าล่ะ?” อิธานถาม “ข้าต้องเรียนรู้อะไร?”

“ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับวิธีที่มนตราและวิทยาศาสตร์สามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่แค่ใช้เทคโนโลยีของเจ้าเพื่อควบคุมมัน แต่เพื่อสร้างความกลมกลืนระหว่างสองสิ่งนี้” ลิเลียน่าตอบ “เจ้าต้องเปิดใจให้กับพลังที่เจ้ามองไม่เห็น และยอมรับว่ามนตราเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม”

อิธานพยักหน้า “ข้าพร้อมที่จะเรียนรู้”

ลิเลียน่าหันไปมองพวกเขาทั้งสองคน “ข้าจะช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่ใหญ่โตและลึกลับกว่านี้ ถ้าพวกเจ้าไม่พร้อม มันจะเป็นการเดินทางที่อันตราย”

อิธานและเอลิซ่ามองหน้ากัน ทั้งสองรู้ดีว่าการเดินทางนี้ไม่ง่าย แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาต้องเรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่ใหญ่กว่าที่เคยเผชิญมา

ตอนที่ 8: การเริ่มต้นของการฝึกฝน

อิธานและเอลิซ่ายืนอยู่กลางป่าที่เต็มไปด้วยพลังงานลึกลับ หลังจากการพบกับ ลิเลียน่า นักปราชญ์ด้านมนตรา พวกเขารู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกินความคาดหมายและความเข้าใจของพวกเขาเอง แต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับศึกที่กำลังจะมาถึง

"การฝึกฝนจะไม่ง่าย" ลิเลียน่าพูดขณะที่เธอเดินนำพวกเขาไปยังพื้นที่ที่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ซ่อนเร้นในป่า "ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับการผสานพลังมนตราและวิทยาศาสตร์อย่างสมดุล ส่วนเอลิซ่า เจ้าจะต้องเรียนรู้วิธีที่จะควบคุมพลังด้านมืด"

เอลิซ่าฟังอย่างเงียบงัน แต่ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล การควบคุมพลังด้านมืดเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องทำมาก่อน แม้จะเป็นผู้ใช้มนตราที่แข็งแกร่ง แต่พลังด้านมืดกลับเป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด

“ข้าจะเริ่มจากเจ้า อิธาน” ลิเลียน่ากล่าวขณะที่เธอหยุดเดินตรงลานเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูง "เจ้าเข้าใจวิทยาศาสตร์ดี แต่เจ้ายังขาดการเข้าใจมนตราในระดับที่ลึกซึ้งกว่า ข้าจะสอนเจ้าให้เข้าใจว่า การควบคุมพลังไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการร่วมมือกับธรรมชาติของพลังนั้น"

อิธานมองเธออย่างตั้งใจ "ข้าพร้อมจะเรียนรู้"

ลิเลียน่าหยิบคริสตัลเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า คริสตัลนั้นส่องแสงสีฟ้าจางๆ ราวกับมีชีวิตอยู่ในตัวมันเอง "นี่คือคริสตัลมนตรา มันสามารถเก็บสะสมพลังงานได้ เจ้าจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันในการเชื่อมโยงพลังมนตรากับอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ของเจ้า"

"ข้าจะต้องทำยังไง?" อิธานถาม

"เริ่มจากการสัมผัสพลังงานในคริสตัลนี้ก่อน" ลิเลียน่ายื่นคริสตัลให้เขา "ปิดตาและทำจิตใจให้สงบ รับรู้ถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในคริสตัลนี้"

อิธานรับคริสตัลมาจากมือของลิเลียน่า เขาหลับตาลงและพยายามตั้งสมาธิ แม้ว่าในตอนแรกเขาจะรู้สึกถึงแค่ความเย็นของคริสตัลที่อยู่ในมือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังงานบางอย่าง มันเป็นพลังที่อ่อนโยนแต่ลึกล้ำ ราวกับมันมีความรู้สึกและความเป็นอยู่ของตัวเอง

"เจ้ารู้สึกถึงมันแล้วใช่ไหม?" ลิเลียน่าถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"ใช่...ข้ารู้สึกได้" อิธานตอบ แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเขารู้สึกถึงอะไร แต่ก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่พิเศษในคริสตัลนั้น

"ดีแล้ว ตอนนี้เจ้าต้องลองเชื่อมโยงมันเข้ากับเทคโนโลยีของเจ้า ดูว่ามันจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร" ลิเลียน่ากล่าว

อิธานเปิดกระเป๋าของเขาและหยิบอุปกรณ์ตรวจจับพลังงานออกมา มันเป็นอุปกรณ์ที่เขาเคยใช้ในการวิเคราะห์พลังงานของมนตราก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาจะลองเชื่อมมันเข้ากับคริสตัลที่เต็มไปด้วยพลังนี้

เขาเริ่มต่อสายไฟและปรับแต่งวงจรไฟฟ้าให้สามารถรับพลังงานจากคริสตัล เมื่อต่อเสร็จ อิธานกดปุ่มเปิดอุปกรณ์ แสงสีฟ้าจากคริสตัลค่อยๆ เปล่งประกายและไหลเข้าสู่เครื่องมือของเขา หน้าจอเริ่มแสดงข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานที่ถูกส่งผ่านเข้ามา มันไม่เหมือนกับพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานธรรมดา แต่เป็นพลังงานที่มีชีวิต

"ข้า...ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน" อิธานพูดด้วยความประหลาดใจ "พลังงานนี้มีความซับซ้อนมากกว่าที่ข้าคิด"

ลิเลียน่ายิ้ม "มนตราไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะควบคุมได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันมีชีวิตจิตใจของมันเอง"

“ข้าคิดว่าเราสามารถทำให้อุปกรณ์ของข้าใช้พลังงานนี้ได้จริง” อิธานกล่าวด้วยความมุ่งมั่น "ข้าจะพัฒนาเทคโนโลยีของข้าให้สามารถผสานกับมนตราได้อย่างสมบูรณ์"

ขณะที่อิธานกำลังฝึกฝนการเชื่อมโยงพลังมนตรากับเทคโนโลยี ลิเลียน่าหันไปหาเอลิซ่า

"สำหรับเจ้า เอลิซ่า เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับพลังด้านมืด เจ้าพร้อมหรือยัง?"

เอลิซ่าลังเลเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า “ข้าพร้อม ข้าไม่มีทางเลือกอื่น”

“การเผชิญกับพลังด้านมืดไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ใช่เพียงแค่พลังที่ทำลายล้าง แต่มันสามารถสะท้อนจิตใจของเจ้าได้เช่นกัน เจ้าอาจจะต้องพบกับด้านมืดของตัวเจ้าเอง” ลิเลียน่าเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เอลิซ่าหายใจลึกก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดินแดนนี้”

ลิเลียน่าพยักหน้าและหยิบคริสตัลสีดำออกมา มันมีแสงเล็กๆ ส่องประกายจากภายใน เธอวางมันลงบนพื้นและพูด “เจ้าเข้าไปในโลกของพลังนี้ แล้วเจ้าจะได้พบกับสิ่งที่เจ้าต้องเรียนรู้”

เอลิซ่ามองคริสตัลนั้นด้วยความกังวลเล็กน้อย แต่เธอก็ยืนหยัด เธอปิดตาลงและสัมผัสกับคริสตัลทันที เมื่อเธอสัมผัสถึงพลังในนั้น ความมืดก็เข้าครอบงำจิตใจของเธอ

เอลิซ่าพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างออกไป มันเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีแสง ไม่มีเสียง มีเพียงความมืดที่ล้อมรอบ

“เจ้ากลัวความมืดใช่ไหม?” เสียงหนึ่งดังขึ้นในความเงียบ มันเป็นเสียงที่คล้ายกับของเธอเอง แต่ฟังดูเย็นชาและเต็มไปด้วยอันตราย

เอลิซ่าหันไปมอง และเห็นร่างเงาของตัวเธอเอง ร่างนั้นมีดวงตาสีแดงสดและยิ้มอย่างเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่ามนตราคือสิ่งที่ดีงามเสมอหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าทุกอย่างมีด้านมืดของมัน?”

“ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก” เอลิซ่าตอบอย่างมั่นคง แม้ในใจของเธอจะยังคงรู้สึกหวั่นไหว

“เจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะควบคุมพลังด้านมืดได้หรือ?” ร่างเงาถาม “พลังนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะปฏิเสธได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่ง แม้แต่ตัวเจ้าเอง”

“ข้าจะใช้พลังนี้เพื่อปกป้อง ไม่ใช่เพื่อทำลายล้าง” เอลิซ่าพูด

ร่างเงาหัวเราะ “เจ้าจะรู้ว่าเจ้าไม่มีวันหนีจากด้านมืดของตัวเจ้าเองได้”

ภายนอก ลิเลียน่ายืนดูการทดสอบของทั้งสองคนด้วยสายตาที่เงียบขรึม “พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเอง ข้าหวังว่าพวกเขาจะผ่านการทดสอบนี้ไปได้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด