ตอนที่ 5: วิทยาศาสตร์ต่อต้านมนตรา และตอนที่ 6: เงาแห่งความลับ
ตอนที่ 5: วิทยาศาสตร์ต่อต้านมนตรา
หลังจากการต่อสู้กับกลุ่มคนชุดคลุมดำเมื่อไม่กี่วันก่อน อิธานไม่สามารถสลัดความคิดในหัวได้ เขารู้ดีว่าการที่เขาและเอลิซ่าสามารถป้องกันพวกมันได้ในครั้งนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น กลุ่มเงาแห่งมนตราจะกลับมาแน่ และครั้งต่อไปพวกมันอาจจะมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
"ข้าต้องทำให้มันดียิ่งขึ้น" อิธานพึมพำกับตัวเองขณะนั่งอยู่ในห้องทดลองชั่วคราวที่เขาจัดตั้งขึ้นในหมู่บ้านของเอลิซ่า
ห้องทดลองนั้นเป็นเพียงเต็นท์เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่เขานำติดตัวมาจากโลกเดิม หน้าจอดิจิทัลเล็กๆ แสดงผลการวิเคราะห์พลังงานมนตราที่เขาได้เก็บรวบรวมไว้ รวมทั้งข้อมูลของพลังด้านมืดที่เขาเคยพบเมื่อการต่อสู้ครั้งก่อน
อิธานนั่งลงที่โต๊ะทดลองและเปิดเครื่องจำลองพลังงาน เขาเริ่มทดลองกับคลื่นพลังงานมนตราที่เขาได้รับจากเอลิซ่า และเปรียบเทียบกับพลังด้านมืดที่พวกชุดคลุมดำใช้
"คลื่นพลังงานของพวกมันไม่เสถียร" อิธานพูดกับตัวเอง เขาเห็นได้ชัดเจนว่าพลังด้านมืดนั้นแข็งแกร่งแต่กลับไม่มีความเสถียร ทำให้มันมีช่องโหว่บางอย่างในการควบคุม
เขามีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา "ถ้าเราสามารถสร้างอุปกรณ์ที่สามารถรบกวนคลื่นพลังงานไม่เสถียรนี้ได้ มันอาจจะช่วยลดพลังของพวกมันลงได้"
อิธานตัดสินใจเริ่มสร้างอุปกรณ์ใหม่ อุปกรณ์ที่จะสามารถใช้รบกวนคลื่นพลังงานเวทย์มนต์ โดยเฉพาะกับพลังด้านมืด เขาใช้ข้อมูลจากการต่อสู้ครั้งก่อนเพื่อปรับแต่งให้มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ในช่วงเย็นวันนั้น เอลิซ่าเดินเข้ามาในห้องทดลอง เธอมองอิธานที่กำลังทำงานอยู่ด้วยความสนใจ "เจ้ายังไม่หยุดทำงานอีกหรือ?"
"ข้ายังคิดว่ามันไม่พอ" อิธานตอบโดยไม่หันไปมอง ขณะที่มือของเขากำลังปรับแต่งชิ้นส่วนของอุปกรณ์ชิ้นใหม่
"เจ้าได้ทำอะไรใหม่ๆ อีกแล้วหรือ?" เอลิซ่าถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทดลอง
"ใช่ ข้าคิดค้นอุปกรณ์นี้ขึ้นมาเพื่อรบกวนคลื่นพลังงานของเวทย์มนต์ โดยเฉพาะพลังด้านมืดที่ไม่เสถียร ถ้าเราสามารถควบคุมการทำงานของมันได้ มันอาจช่วยเราต่อสู้กับพวกเงาแห่งมนตราได้ดีขึ้น" อิธานอธิบาย
เอลิซ่ามองอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ มันมีขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ และมีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนอยู่ภายใน "วิทยาศาสตร์ของเจ้าช่างน่าทึ่ง มันแตกต่างจากมนตราแต่ก็ดูเหมือนมีพลังไม่น้อยเลย"
"แต่สิ่งที่สำคัญคือมันต้องทำงานได้จริงในสนามรบ" อิธานตอบ "ข้าจะต้องทดสอบมัน"
"แล้วเจ้าจะทดสอบมันอย่างไร?" เอลิซ่าถาม
"เราต้องการพลังงานด้านมืด" อิธานกล่าว "ข้าไม่สามารถจำลองพลังเหล่านั้นได้เหมือนกับมนตราปกติ มันซับซ้อนและอันตรายกว่ามาก"
เอลิซ่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเสนอ "ในป่าแห่งนี้มีสถานที่ที่เชื่อมโยงกับพลังด้านมืด ข้าเคยได้ยินเรื่องของมันมาจากผู้เฒ่าในหมู่บ้าน แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะความอันตราย"
"ที่นั่นอาจเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการทดสอบ" อิธานตอบกลับอย่างรวดเร็ว "ถ้าเราสามารถตรวจจับและรบกวนพลังงานเหล่านั้นได้ ข้าจะสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ให้สมบูรณ์"
เอลิซ่าพยักหน้า "แต่เจ้าต้องระวังให้มาก พลังด้านมืดไม่ใช่สิ่งที่จะควบคุมง่ายๆ แม้จะมีวิทยาศาสตร์ของเจ้าเป็นตัวช่วย"
เช้าวันถัดมา อิธานและเอลิซ่าออกเดินทางเข้าสู่ป่าลึก จุดหมายคือสถานที่ที่มีพลังด้านมืดปกคลุม อิธานพกอุปกรณ์ใหม่ติดตัวพร้อมกับเครื่องมือวิเคราะห์ที่เขาปรับแต่งเพื่อให้สามารถตรวจจับคลื่นพลังงานด้านมืดได้อย่างละเอียด
พวกเขาเดินทางไปถึงจุดหมายในเวลาบ่าย สถานที่นั้นเป็นลานโล่งเล็กๆ ในป่า มีต้นไม้ที่ดูเหี่ยวเฉาและไม่มีแสงเรืองรองเหมือนต้นไม้อื่นๆ ในดินแดนแห่งมนตรา อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยพลังงานที่ทำให้รู้สึกกดดัน
"นี่คือสถานที่ที่พลังด้านมืดแผ่กระจาย" เอลิซ่ากล่าว "พวกเราต้องระวังให้มาก"
อิธานเปิดเครื่องวิเคราะห์และเริ่มตรวจสอบคลื่นพลังงาน พลังงานด้านมืดที่ถูกจับได้บนหน้าจอแสดงให้เห็นถึงความไม่เสถียร มันกระจัดกระจายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่มีบางจุดที่ดูเหมือนมันจะรวบรวมพลังงานไว้ในลักษณะที่เหมาะแก่การทดสอบ
“ข้าจะเริ่มแล้ว” อิธานพูดก่อนเปิดใช้งานอุปกรณ์ต่อต้านเวทย์มนต์ เขาหมุนปุ่มเพื่อปรับระดับคลื่นรบกวนที่ออกมาจากเครื่อง
ทันทีที่เครื่องปล่อยคลื่นพลังงานออกไป พื้นดินรอบตัวพวกเขาเริ่มสั่นไหว เบาๆ ในตอนแรก แต่แรงขึ้นเรื่อยๆ พลังงานด้านมืดที่เคยแผ่กระจายอยู่ในพื้นที่นั้นเริ่มถอยหนีไปเหมือนถูกผลักดัน
"มันได้ผล!" อิธานพูดด้วยความตื่นเต้น "ข้าสามารถรบกวนพลังงานด้านมืดได้!"
แต่ในขณะที่เขากำลังพูด จู่ๆ พื้นดินก็แตกออก แสงสีดำมืดพุ่งขึ้นมาจากรอยแตกนั้น เสียงกรีดร้องดังมาจากใต้ดินราวกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังถูกปลุกขึ้นมา
"อิธาน ระวัง!" เอลิซ่าตะโกน ขณะที่เธอเตรียมพลังมนตราเพื่อป้องกัน
อิธานรีบปิดอุปกรณ์และก้าวถอยหลัง พลังงานด้านมืดที่พวกเขารบกวนกำลังพยายามตอบโต้ "ข้าคงไปยุ่งกับมันมากเกินไปแล้ว" เขาพูดพลางมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
พลังงานด้านมืดนั้นเริ่มรวมตัวกันเป็นรูปร่าง ร่างเงาดำที่ดูคล้ายมนุษย์กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากความมืด
"มันกำลังรวมพลังเพื่อตอบโต้เรา" เอลิซ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
"ข้าต้องใช้เครื่องนี้เพื่อหยุดมัน!" อิธานพูดพร้อมกับเปิดเครื่องปล่อยคลื่นรบกวนอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาปรับแต่งเครื่องเพื่อปล่อยคลื่นที่เข้มข้นขึ้น
เมื่อคลื่นพลังงานรบกวนถูกปล่อยออกไป พลังด้านมืดที่กำลังรวมตัวกันเริ่มกระจัดกระจาย มันไม่สามารถคงรูปร่างได้และถูกผลักดันกลับลงไปในรอยแตกบนพื้นดิน
ในที่สุด เมื่อทุกอย่างสงบลง อิธานปิดเครื่องและหันไปหาเอลิซ่า "ข้าคิดว่าเราพบทางแก้ปัญหาแล้ว อุปกรณ์นี้สามารถต่อต้านพลังด้านมืดได้จริงๆ"
เอลิซ่าพยักหน้า "เจ้าทำได้ดีมาก แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น กลุ่มเงาแห่งมนตรามีอำนาจที่มากกว่านี้ และพวกเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้"
อิธานยิ้มบางๆ เขารู้ว่าเส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่เขาก็มั่นใจว่าเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของเขาสามารถทำงานร่วมกับมนตราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมันจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับพลังด้านมืดที่กำลังจะมา
ตอนที่ 6: เงาแห่งความลับ
อิธานและเอลิซ่ายืนอยู่กลางลานที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์การรบกวนพลังด้านมืดขึ้น แม้ทุกอย่างดูเหมือนจะสงบลงแล้ว แต่บรรยากาศรอบๆ กลับแฝงด้วยความไม่ปกติ อิธานรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ในเงามืดของดินแดนแห่งนี้
"ข้าคิดว่าเราควรจะกลับไปที่หมู่บ้านก่อน พลังงานในที่นี่...มันไม่เหมือนที่ข้าเคยสัมผัส มันซับซ้อนและมืดมนยิ่งกว่าเดิม" เอลิซ่าพูดพร้อมมองไปยังป่าไม้ที่ล้อมรอบพวกเขา
"ข้ารู้สึกเหมือนกัน" อิธานตอบขณะเก็บอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ลงในกระเป๋าของเขา "ข้าไม่คิดว่าแค่เครื่องมือวิทยาศาสตร์จะอธิบายทุกอย่างในที่นี่ได้ พลังมนตราในที่นี่ซ่อนความลึกลับที่ข้ายังไม่เข้าใจ"
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกเดินทางกลับ พื้นดินรอบๆ ตัวเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย แผ่นดินที่เคยแตกออกจากการปล่อยพลังของพวกเขากลับส่งเสียงเหมือนมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนตัวอยู่ใต้ดิน
"อิธาน เจ้าได้ยินหรือไม่?" เอลิซ่าถามด้วยน้ำเสียงกังวล
อิธานพยักหน้า "เสียงมาจากใต้ดิน...เหมือนมีบางสิ่งกำลังตื่นขึ้นมา"
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเยือกเย็นก็ดังขึ้นจากในป่า เสียงที่ฟังดูเหมือนกระซิบ แต่ก้องสะท้อนในหัวของทั้งสองคน “เจ้ากำลังเล่นกับพลังที่เจ้าไม่เข้าใจ…”
เอลิซ่าหันไปมองรอบๆ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “เสียงนั้น...มันมาจากไหน?”
อิธานมองไปทางทิศที่เสียงมาจาก แต่มันยากที่จะระบุที่มาของมัน เพราะเสียงนั้นดูเหมือนจะล่องลอยไปในอากาศโดยไม่มีต้นกำเนิดที่แน่นอน มันเป็นเสียงที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่และแฝงไปด้วยความลึกลับ บรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปทันที กลิ่นอายของเวทย์มนต์ที่แปลกประหลาดแผ่กระจายออกมาจากป่า และทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะถูกห้อมล้อมด้วยความมืดมน
"มันต้องเป็นพลังมนตราบางอย่างที่เราไม่รู้จัก" อิธานกล่าว "ข้าไม่เคยเห็นคลื่นพลังงานแบบนี้ในข้อมูลของข้ามาก่อน"
"มันไม่ใช่แค่พลังธรรมดา" เอลิซ่าพูดเสียงเบา "พลังนี้...มันเก่าแก่และลึกลับมากกว่าอะไรที่ข้าเคยเผชิญ"
ทันใดนั้น เงามืดจากต้นไม้เริ่มเคลื่อนตัวราวกับมีชีวิต พวกมันค่อยๆ ล้อมรอบตัวทั้งสองคน เงาเหล่านั้นดูเหมือนจะมีความคิดของตัวเอง และเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เหมือนกำลังจ้องมองพวกเขาจากทุกทิศทาง
"มันกำลังเข้ามาใกล้เรา" อิธานพูดขณะที่เขาพยายามมองหาทางหนี แต่ทุกทางกลับถูกปกคลุมด้วยเงาเหล่านั้น
"เราต้องหาทางออกจากที่นี่" เอลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล "แต่พลังนี้...มันไม่เหมือนอะไรที่ข้าเคยเจอ"
เงามืดเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความมืดทำให้ทั้งสองแทบจะมองไม่เห็นกันและกัน แต่แล้ว ในทันใด แสงเรืองรองสีฟ้าจากพลังมนตราของเอลิซ่าก็ส่องประกายขึ้นมา ราวกับเป็นแสงเดียวที่สามารถแหวกความมืดออกไปได้
"อิธาน จับมือข้าไว้!" เอลิซ่าพูดพลางยื่นมือให้เขา
อิธานรีบคว้ามือของเอลิซ่าไว้ และพวกเขาทั้งสองพยายามฝ่าเงามืดที่กำลังล้อมรอบเข้ามา แสงจากมนตราของเอลิซ่าช่วยทำให้เงามืดเหล่านั้นถอยหนีไปเล็กน้อย แต่พลังด้านมืดก็ยังคงตามติดมา
แต่ก่อนที่พวกเขาจะหนีไปได้ไกล เสียงหัวเราะแหบแห้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าคิดว่าจะแค่หนีออกไปได้ง่ายๆ หรือ?”
เงามืดรวมตัวกันก่อตัวเป็นร่างของชายผู้หนึ่งที่มีรูปลักษณ์คล้ายคนแต่กลับดูบิดเบี้ยวในเงา ร่างนั้นลอยอยู่เหนือพื้นดินด้วยท่าทางที่สง่างาม แต่แฝงไปด้วยอันตราย ดวงตาของมันเป็นสีแดงสดที่ส่องประกายออกมาจากความมืด
"เจ้าเป็นใคร?" เอลิซ่าถามด้วยความกล้าหาญ แต่เธอก็ยังคงจับมืออิธานไว้แน่น
ร่างเงามืดนั้นยิ้มอย่างเยาะเย้ย "ข้าเป็นเพียงผู้เฝ้าดู...ผู้ที่เฝ้ามองเจ้าเล่นกับพลังที่เจ้าไม่เข้าใจ ข้าเคยอยู่ที่นี่มานาน ก่อนที่โลกทั้งสองของเจ้าจะรวมกันด้วยซ้ำ"
อิธานรู้สึกขนลุกกับคำพูดนั้น "พลังที่เจ้าพูดถึงคืออะไร? ทำไมมันถึงอยู่ที่นี่?"
"พลังนี้...คือความจริงแท้ของมนตรา" ร่างนั้นกล่าวเสียงเย็นชา "เจ้าคิดว่ามนตราคือพลังที่เจ้าใช้เพื่อสร้างและควบคุมทุกสิ่ง แต่เจ้าหลงลืมไปว่า มนตราคือสิ่งที่ไร้การควบคุมโดยธรรมชาติ...มันคือความมืดที่ไม่มีวันสว่าง"
อิธานรู้สึกถึงความน่ากลัวของคำพูดนั้น เขารู้ดีว่าเขาเพิ่งเริ่มเข้าใจมนตรา และตอนนี้เขาก็พบว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตและลึกลับกว่าสิ่งที่เขาคิด
"แล้วเจ้าต้องการอะไรจากพวกเรา?" เอลิซ่าถาม
"ข้าเพียงต้องการให้เจ้ารู้ว่า พลังที่เจ้าเล่นอยู่นี้...มันไม่ใช่สิ่งที่ควรถูกทำลายหรือควบคุม มนตราคือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ และเจ้ากำลังจะทำลายสมดุลนั้น" ร่างเงามืดตอบ "เจ้าคิดว่าเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของเจ้าจะสามารถต่อกรกับมันได้หรือ?"
อิธานหันไปมองเอลิซ่าและรู้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับความจริงที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ ทุกอย่างที่เขาเคยเชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์และการควบคุมพลังอาจจะไม่มีความหมายในที่นี่
"เราจะทำอย่างไร?" อิธานถามเอลิซ่าเสียงเบา
"เราต้องหาวิธีทำให้พลังทั้งสองนี้อยู่ร่วมกันได้" เอลิซ่าตอบ "แต่พวกเรายังไม่พร้อม เจ้าต้องเรียนรู้และเข้าใจมนตรามากกว่านี้ เช่นเดียวกับที่ข้าต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจวิทยาศาสตร์ของเจ้า"
ร่างเงามืดยิ้มกว้างก่อนจะค่อยๆ หายไปในความมืด "ข้าจะเฝ้ามองดูพวกเจ้าต่อไป...อย่าคิดว่าหนทางนี้จะง่าย เจ้ากำลังเดินเข้าสู่สิ่งที่ใหญ่โตและลึกลับกว่าที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้"
หลังจากที่ร่างเงามืดนั้นหายไป ทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง แต่บรรยากาศรอบๆ ยังคงแฝงด้วยความรู้สึกของความลึกลับและความน่ากลัว อิธานและเอลิซ่ามองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่าการเดินทางของพวกเขายังไม่จบ และสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเผชิญคือเพียงจุดเริ่มต้นของความลึกลับที่ยิ่งใหญ่กว่านี้