ตอนที่ 25 : หอพักชาย
หลังจากจัดห้องพักและทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนก็มานั่งรวมตัวและเริ่มพูดคุยกัน
เนื่องจากพวกเขาเพิ่งรู้จักกันจึงยังไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าไหร่ ดังนั้นการสนทนาของพวกเขาจึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยเรื่องไร้สาระกันอย่างจริงจัง
โจวเชาบอกว่าเขาจะตั้งใจเรียนแล้วไปสอบราชการ เพื่อให้มีหน้าที่การงานมั่งคง จากนั้นก็จะรับพ่อแม่ที่บ้านนอกเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ตอนพวกท่านแก่ แล้วก็จะจ้างคนดูแลให้ท่านด้วย
เหรินจื้อเฉียงกล่าวว่าเขาต้องการเข้าร่วมสภานักศึกษาเพื่อฝึกฝนความสามารถของตนเอง พอจบออกไปจะได้เริ่มต้นธุรกิจแล้วกลายเป็นบอสใหญ่ในอนาคต
เฉากวงอวี่ค่อนข้างเสแสร้งนิดหน่อย เขาบอกว่าเดิมทีตัวเองเป็นคนรวยรุ่นสอง ที่มาเรียนคณะการเงินก็แค่มาเรียนรู้แนวคิดการบริหารสมัยใหม่ พอเรียนจบก็จะกลับไปสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ขยายกิจการให้ใหญ่โตยิ่งกว่าเดิม และยังชวนเจียงฉินกับพวกให้ไปทำงานกับเขาหลังจากเรียนจบอีกด้วย
กล่าวโดยสรุป อุดมคติของแต่ละคนนั้นยิ่งใหญ่มากและการใช้คำว่าทะเยอทะยานเพื่ออธิบายมันก็เหมือนเป็นการดูถูกเล็กน้อย
“พี่น้อง เรามาพูดคุยกันในหัวข้อที่ผู้ชายสนใจกันดีกว่าไหม?”
เจียงฉินทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเปิดโปงภาพลักษณ์ที่ทั้งสามคนนี้พยายามสร้างขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
โจวเชาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที: “ฉันคิดว่ารุ่นพี่ที่ช่วยพวกเราลงทะเบียนตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัยแจ่มมาก!”
“ใช่ๆๆ รุ่นพี่คนนั้นสุดยอดจริงๆ” เหรินจื้อเฉียงเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ยังมีคนที่อยู่ตรงจุดรับแลกบัตรน้ำและเปิดใช้งานบัตรนักศึกษาด้วย รุ่นพี่สองคนนั้นก็แจ่มเหมือนกัน!”
“ใช่แล้ว โดยเฉพาะพี่สาวตรงจุดรับแลกบัตรน้ำ ขาคู่นั้นทั้งขาวทั้งยาวเลย!”
เจียงฉินหัวเราะออกมาทันที มันต้องแบบนี้สิ นี่คือหอพักชาย หอพักชายแท้ที่ไหนเอาแต่พูดคุยเรื่องอุดมคติโดยไม่พูดคุยเรื่องผู้หญิงเลย?
เฉากวงอวี่มองออกไปนอกหน้าต่างพลางยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย: “ผู้หญิง... น่าเบื่อ”
“?????”
“ตอนมัธยมปลายฉันเคยคบผู้หญิงมาแล้วห้าคน ก็เลยเริ่มเบื่อนิดหน่อย ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกชอบความโสดมากกว่าซะงั้น แล้วพวกนายล่ะ? ยังไม่เคยคบใครมาก่อนเลยเหรอ?”
เหรินจื้อเฉียงโบกมือพร้อมกับปฏิเสธเสียงแข็งทันที: “ฉันคบกับเธอตอนอยู่มัธยมปลาย แต่ต่อมาเพราะต้องตั้งใจเรียนฉันเลยจำเป็นต้องบอกเลิกเธอ”
โจวเชาฟังจบก็ยกขาไขว่ห้าง: “ส่วนฉันยังไม่เคยคบใคร แต่มีผู้หญิงสองคนมาชอบฉัน ตอนนั้นเพราะต้องตั้งใจเรียนก็เลยปฏิเสธพวกเธอไปทั้งคู่”
“เหล่าเจียงล่ะ?”
“ฉันโซโล่มาตลอดตั้งแต่อยู่ในท้องแม่”
“หมายความว่าไง?”
“ฉันโสดมาตั้งแต่เกิด”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ทั้งสามคนก็ยกริมฝีปากขึ้นทันที รู้สึกว่าสถานะในห้องพักของพวกเขาน่าจะมั่นคงแล้ว
พูดตามตรง คนที่หล่อที่สุดในห้องพักนี้ก็คือเจียงฉิน เขาไม่เพียงแต่สูงเท่านั้น ยังผิวขาวและมีรูปหน้าคมชัดอีกด้วย มองแวบแรกก็รู้เลยว่าเป็นเสป็คที่ผู้หญิงชื่นชอบ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเขายังไม่เคยมีแฟนเลย
เฉากวงอวี่ทำเสียงจุ๊ๆๆ ออกมาทันที สัมผัสได้ว่าหลังของตัวเองตรงขึ้น อกผายไหล่ผึง และเขาก็กลับมารู้สึกดีอีกครั้ง
“เหล่าเจียง แม้ว่าการมีแฟนจะไม่ค่อยน่าสนใจ แต่ถ้าไม่ได้หาแฟนตอนยังเป็นนักเรียนก็ถือว่าน่าเสียดายอยู่นะ ให้ฉันสอนเคล็ดลับนายบางอย่างเอาไหม?”
“อันที่จริงแล้วการจีบสาวๆ นั้นเป็นเรื่องง่ายมาก ตราบใดที่นายมีความอดทนและความพยายาม นายก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้”
“นายต้องทำดีกับเธอ ซื้อของขวัญให้เธอเยอะหน่อย พูดคุยกับเธอบ่อยๆ ส่งราตรีสวัสดิ์และอรุณสวัสดิ์อะไรประมาณนี้ เพื่อที่เธอจะได้คุ้นเคยกับการมีอยู่ของนาย”
“แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะไม่ได้รู้สึกสนใจนายตั้งแต่ครั้งแรกหรอก แต่นายต้องเรียนรู้ที่จะยืนหยัด พูดตรงๆ เลยนะ ผู้หญิงน่ะใจง่ายจะตาย แค่ใจอ่อนนิดเดียวก็สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง”
“สำหรับคนรวยอย่างฉัน ใช้เวลาแค่สามสี่เดือนก็จีบผู้หญิงได้แล้ว แต่นายอาจใช้เวลามากกว่านี้หน่อย”
“อย่ากลัวเสียหน้า อย่ากลัวที่จะถูกปฏิเสธ ชวนเธอไปกินข้าวเย็นทุกครั้งที่นายมีโอกาส ตราบใดที่เธอไม่ปฏิเสธทุกอย่างจะไปได้สวยเอง”
หลังจากฟังการแบ่งปันประสบการณ์ของเฉากวงอวี่จบ มุมปากของเจียงฉินก็ถึงกับกระตุก คิดในใจว่านี่มันวรรณกรรมสุนัขขี้ประจบชัดๆ
รู้ไหมว่าทำไมผู้หญิงที่เอาแต่ใจแบบนั้นถึงได้มีคนชื่นชอบกันมากนัก? ก็เพราะว่าคนแบบพวกนายที่เป็นสุนัขขี้ประจบไม่รู้จักมีศักดิ์ศรีนี่แหละ
ในอีกสิบปีข้างหน้า รูปแบบความรักที่ผู้หญิงแข็งแกร่งผู้ชายอ่อนแอแทบจะกลายเป็นต้นแบบมาตรฐานไปแล้ว ปัญหาของสาเหตุนี้มาจากไหน นี่แหละคือต้นเหตุของปัญหา!
แต่พอหันกลับมาเขากลับพบว่าเหรินจื้อเฉียงและโจวเชากำลังนั่งฟังอย่างจริงจัง และถึงขั้นจดบันทึกลงในสมุดไดอารี่ของตัวเองด้วยซ้ำ
“??????”
สุดท้ายเฉากวงอวี่ก็ยิ้มอย่างลึกลับและสรุปว่า: “สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่ามั่นใจในตัวเองมากเกินไปจนคิดว่าจะมีผู้หญิงมาชวนไปกินข้าวเย็นหรือพูดคุยกับนายก่อน ผู้หญิงสมัยนี้น่ะส่วนมากมักจะสงวนท่าทีกันทั้งนั้น นายต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเองถึงจะมีเรื่องราวเกิดขึ้น”
ทันทีที่เขาพูดจบโทรศัพท์มือถือของเจียงฉินก็เริ่มสั่น และมันก็สั่นมากกว่าหนึ่งครั้ง
เขาปลดล็อกหน้าจอแล้วพบว่าหวังฮุ่ยหรู หงหยาน และเฟิงหนานซู ต่างก็ส่งข้อความ QQ มาหา
“เจียงฉิน เรามาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว เย็นนี้นายว่างไหม? ไปทานข้าวเย็นด้วยกันเป็นไง?”
“โทษที เย็นนี้ฉันมีเรื่องต้องทำ”
“อันที่จริงนี่เป็นความคิดของซือฉี เธอบอกว่ามีเรื่องอยากจะพูดกับนาย ถ้านายว่างก็ออกมาเจอกันหน่อย”
“เย็นนี้ไม่ได้จริงๆ ฉันมีธุระต้องทำ เดี๋ยวไว้ค่อยหาเวลาว่างอีกที”
เจียงฉินมีสัญชาตญาณต่อต้านชื่อฉู่ซือฉีโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเขาจะบังเอิญพบเธอบนท้องถนนแต่เขาก็คงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธออยู่ดี เพราะงั้นเขาจะไปนั่งกินข้าวกับเธอได้ยังไง
หลังจากตอบกลับข้อความของหวังฮุ่ยหรูแล้ว เจียงฉินกดก็กลับไปที่หน้าหลัก จากนั้นกดที่กล่องข้อความของหงหยาน
“เพื่อนร่วมชั้นเจียงฉิน นายถึงหอพักแล้วหรือยัง?”
“อืม ถึงแล้ว”
“ฉันลืมบอกอะไรบางอย่าง ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ฉันด้วย”
เจียงฉินตอบกลับหงหยาน แต่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับโอกาสนี้มากนัก
ในมหาวิทยาลัยมีผู้หญิงเยอะ แต่ผู้ชายนั้นมีเยอะกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาอยู่คนละวิทยาเขต มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะไม่ได้พบกันอีกหลังจากที่บังเอิญพบกัน
เจียงฉินกลับไปที่หน้าหลักอีกครั้ง จากนั้นกดที่กล่องข้อความของเฟิงหนานซู
“เจียงฉิน ฉันอยู่ห้อง 503 ชั้น 5 อาคาร 7 เตียงที่สาม”
“ถึงจะอธิบายละเอียดขนาดนั้นก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันเข้าไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะ ฉันอยากให้นายเห็นมุ้งที่ฉันทำเองด้วยนะ”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้บ้าที่ไหนมันเป็นคนสร้างกฎ เอาเป็นว่าเธอจัดเตียงก่อนแล้วค่อยไปพัก”
“แล้วนายจะมาพาฉันไปตอนไหน?”
“สี่โมงครึ่ง เธอลงมารอฉันอยู่ข้างล่าง เดี๋ยวฉันจะรีบไปรับ”
“คนในห้องพักกำลังคุยกันอยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไร”
“แค่ยิ้มไว้ก็พอ”
หลังจากที่เจียงฉินพิมพ์ประโยคสุดท้ายเสร็จ เขาก็พบว่าชายสามคนในห้องพักกำลังมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง: “เกิดอะไรขึ้น?”
เฉากวงอวี่ทำสีหน้าราวกับเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้: “ฉันกำลังถ่ายทอดประสบการณ์ความรักของฉันให้นายอยู่นะ ทำไมนายถึงวอกแวกแบบนี้”
“ฉันฟังอยู่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมาชวนนายไปกินข้าวเย็นหรือพูดคุยก่อน จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นได้ก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเอง”
“ถูกต้อง ถ้านายเข้าใจสิ่งนี้ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว”
เจียงฉินพยักหน้าอย่างสงบ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองดูเวลาและพบว่าเหลืออีกแค่สิบห้านาทีก่อนจะสี่โมงครึ่ง เขาจึงลุกจากเตียง เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุม สวมรองเท้าแล้วเดินออกไปนอกหอพัก
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉากวงอวี่ โจวเชา และเหรินจื้อเฉียงต่างก็สับสนเล็กน้อย พวกเขาล้วนหมกมุ่นอยู่กับการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้ แต่ทำไมเหล่าเจียงถึงจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำเลยล่ะ
“เหล่าเจียง นั่นนายจะทำอะไร ฉันยังสอนไม่จบเลยนะ!”
“เดี่ยวค่อยกลับมาเรียนต่อ เมื่อกี้มีสาวมาชวนคุยกับชวนไปกินข้าวเย็น”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉากวงอวี่แข็งค้างไปทันที จากนั้นหัวใจเขาก็เหมือนถูกฉุดกระชาก รู้สึกเหมือนกับว่าแผนการที่ตนวางไว้ตั้งนานถูกคนอื่นแย่งเอาไปแสร้งทำเป็นเจ๋งหมดแล้ว
ไม่ทันเริ่มเรียนก็มีสาวชวนไปกินข้าวแล้วเหรอ?
ไม่น่าใช่ เจียงฉินต้องพูดเรื่องไร้สาระแน่นอน เขาแค่ไม่มั่นใจเพราะไม่เคยมีความรักมาก่อน พอรู้สึกว่าไม่สามารถเข้าร่วมหัวข้อนี้ได้เขาก็เลยเลือกที่จะหนีไป
ใช่แล้ว มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ห้องพักนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่เป็นคาสโนว่า!
(จบตอน)