ตอนที่ 19: การต่อสู้แห่งพลัง และตอนที่ 20: เตรียมพร้อมสำหรับศึกใหม่
ตอนที่ 19: การต่อสู้แห่งพลัง
เสียงของพายุเวทย์มนต์ที่โหมกระหน่ำทำให้บรรยากาศรอบๆ ถ้ำเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล อิธานยืนอยู่ข้างเอลิซ่าที่เพิ่งฟื้นคืนพลังได้เต็มที่ แสงสีฟ้าและสีดำหมุนวนรอบตัวเธออย่างสมดุล ในขณะที่ลิเลียน่าและคาลิสเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสำคัญที่กำลังจะเริ่มขึ้น
เงาแห่งมนตราซึ่งเคยถูกขับไล่ไปก่อนหน้านี้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ดวงตาสีแดงสดของมันจ้องมองตรงมายังเอลิซ่าอย่างไม่ลดละ ราวกับว่ามันรู้ว่าการตื่นขึ้นของพลังใหม่ในตัวเธอเป็นสิ่งที่สามารถขัดขวางแผนการของมันได้
“ข้าคิดว่าเจ้าได้เรียนรู้พลังของเจ้ามากพอแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าเห็นว่าพลังของข้ายิ่งใหญ่กว่าแค่ไหน” เงาแห่งมนตรากล่าวด้วยเสียงเย็นชาและเย้ยหยัน แสงสีแดงเข้มปกคลุมรอบร่างของมัน ก่อนจะขยายตัวออกมาเป็นวงกว้างราวกับพายุที่พร้อมจะกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่าง
คาลิสที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบกางมือขึ้น ม่านพลังโปร่งใสเริ่มก่อตัวรอบตัวพวกเขาเพื่อป้องกันคลื่นพลังที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา แต่พลังด้านมืดที่แข็งแกร่งของเงานั้นกลับทะลุผ่านม่านป้องกันอย่างง่ายดาย
“ม่านป้องกันธรรมดาไม่สามารถหยุดพลังนี้ได้” คาลิสกล่าวพร้อมกับถอยหลังมาอย่างระมัดระวัง “พวกเจ้าจะต้องใช้พลังร่วมกัน!”
เอลิซ่าที่เพิ่งฟื้นพลังเต็มที่หันไปมองอิธาน เธอพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้น พลังสีดำและฟ้าส่องสว่างในมือของเธอ “อิธาน เราต้องทำงานร่วมกัน วิทยาศาสตร์ของเจ้าสามารถผสานกับมนตราได้ ข้าจะช่วยเจ้าควบคุมมัน!”
อิธานจับเครื่องปล่อยคลื่นรบกวนพลังงานด้านมืดของเขาแน่น เขารู้ว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะหยุดเงาแห่งมนตราได้ พลังที่ผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และเวทย์มนต์ของเอลิซ่าเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้
“มาเถอะ!” เอลิซ่าตะโกนพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังเวทย์ออกไปตรงทางที่เงาแห่งมนตรายืนอยู่ พลังของเธอเป็นส่วนผสมระหว่างความมืดและความสว่าง มันหมุนวนและก่อตัวขึ้นเป็นเกลียวแสงที่งดงามและทรงพลัง
เงาแห่งมนตรายิ้มเย้ยอย่างเยือกเย็น ก่อนจะยกมือขึ้นและปล่อยพลังสีแดงดำที่หมุนวนเป็นพายุร้ายออกมารับการโจมตีของเอลิซ่า คลื่นพลังทั้งสองชนกันกลางอากาศ แรงระเบิดจากการปะทะทำให้พื้นที่รอบๆ สั่นสะเทือน และต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ถูกพัดกระเด็นออกไปไกล
“ข้าจะไม่ยอมแพ้เจ้า!” เอลิซ่าตะโกน ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นเสริมพลังให้กับการโจมตีของเธอ แต่พลังของเงาแห่งมนตรากลับดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันสามารถดูดกลืนพลังที่เอลิซ่าส่งไป
อิธานเห็นสถานการณ์นั้นและรู้ทันทีว่าพลังของเอลิซ่าเพียงลำพังไม่สามารถหยุดยั้งเงาแห่งมนตราได้ “เราต้องผสานพลังของเราเข้าด้วยกัน!”
เขารีบปรับเครื่องมือในมือของเขาอย่างรวดเร็ว เขาได้ใช้เวลาหลายวันในการพัฒนาเครื่องมือนี้ให้สามารถทำงานร่วมกับพลังมนตรา และตอนนี้เขาพร้อมจะใช้มัน เขาปล่อยคลื่นพลังงานจากเครื่องมือออกไป โดยพยายามจับคู่คลื่นพลังงานของเอลิซ่า
คลื่นพลังจากเครื่องของอิธานและพลังเวทย์ของเอลิซ่าผสานเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น แสงสีฟ้าและสีดำหมุนวนรอบคลื่นพลังงานของอิธานและเสริมแรงให้กับการโจมตี ความกลมกลืนระหว่างวิทยาศาสตร์และมนตราเริ่มแสดงผล
เงาแห่งมนตราที่เคยมีความมั่นใจเริ่มรู้สึกถึงพลังที่แท้จริงของทั้งสอง มันเริ่มถอยหลังเล็กน้อยและพยายามเสริมพลังของมันให้เข้มแข็งขึ้น แต่การโจมตีที่ผสานพลังของอิธานและเอลิซ่าทำให้พลังของมันเริ่มสั่นคลอน
“เจ้าไม่มีวันหยุดข้าได้!” เงาแห่งมนตราตะโกนด้วยความโกรธ ขณะที่มันพยายามใช้พลังด้านมืดเพิ่มขึ้นอีก แต่กลับพบว่าพลังของมันเริ่มลดน้อยลง
ลิเลียน่าซึ่งเฝ้าดูการต่อสู้มาตลอดก้าวออกมา เธอชูคริสตัลมนตราขึ้น และปล่อยพลังจากคริสตัลออกมาสนับสนุนเอลิซ่าและอิธาน “ข้าจะช่วยพวกเจ้าอีกแรง!”
แสงจากคริสตัลมนตราเริ่มหมุนวนและรวมเข้ากับคลื่นพลังที่อิธานและเอลิซ่าปล่อยออกมา ทำให้การโจมตีทวีความรุนแรงมากขึ้น พลังของเงาแห่งมนตราเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
คาลิสเองก็มองเห็นโอกาส เขาใช้พลังเวทย์มนต์ของเขาก่อตัวเป็นวงแหวนล้อมรอบเงาแห่งมนตรา ทำให้มันไม่สามารถหนีไปไหนได้ “ถึงเวลาแล้ว เราจะจบเรื่องนี้!”
เอลิซ่าและอิธานมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายในการทำลายเงาแห่งมนตรา พวกเขาร่วมมือกันปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป คลื่นพลังเวทย์มนต์และวิทยาศาสตร์ผสานกันจนกลายเป็นพายุแห่งแสงที่กระแทกเข้าหาเงาแห่งมนตราโดยตรง
เงาแห่งมนตรากรีดร้องด้วยความโกรธและความเจ็บปวด ร่างของมันเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่มันจะสลายหายไปในพายุแสงที่เกิดจากการผสานพลังของอิธานและเอลิซ่า
เมื่อพายุสงบลง ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เงาแห่งมนตราหายไปแล้ว เหลือเพียงความเงียบที่ทิ้งไว้ในป่ารอบตัวพวกเขา อิธานหายใจหอบเหนื่อย ก่อนจะหันไปมองเอลิซ่าที่กำลังยืนอยู่ข้างเขา
“เราทำได้แล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
เอลิซ่ายิ้มบางๆ ก่อนจะพูดตอบ “พวกเราชนะ...ด้วยกัน”
ตอนที่ 20: เตรียมพร้อมสำหรับศึกใหม่
ความเงียบสงบที่ปกคลุมไปทั่วป่าหลังการต่อสู้กับเงาแห่งมนตราทำให้บรรยากาศดูเงียบงันและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ลมพัดเบาๆ ผ่านต้นไม้สูงที่โอนเอนไปมา อิธานหายใจหอบเหนื่อย ขณะที่เขาและเอลิซ่ามองดูจุดที่เงาแห่งมนตราหายไป พวกเขาสามารถเอาชนะมันได้ แต่ชัยชนะนี้กลับเต็มไปด้วยคำถามและความกังวล
“พวกเราทำได้...” อิธานพูดเบาๆ พร้อมกับหันไปมองเอลิซ่า
เอลิซ่ายืนอยู่ข้างเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม แม้จะยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่จุดจบของการต่อสู้ทั้งหมด “ใช่ แต่ข้ารู้ว่ามันยังไม่จบ เราเพิ่งจะเอาชนะเงาตัวเดียวเท่านั้น”
คาลิสซึ่งยืนเงียบมาตลอดมองไปรอบๆ บรรยากาศที่สงบเกินไปนั้นทำให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ “เงาแห่งมนตราเป็นเพียงผู้รับใช้ของพลังที่ใหญ่กว่า เจ้ายังไม่เข้าใจพลังทั้งหมดของมัน ข้าสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืด และมันแข็งแกร่งยิ่งกว่า”
“เจ้าแน่ใจหรือ?” อิธานถามด้วยน้ำเสียงกังวล เขารู้สึกถึงความกลัวบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ศัตรูที่พวกเขาพบเจอมานั้นรุนแรงและน่ากลัวมากพอแล้ว แต่ถ้าหากมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นล่ะ?
“ใช่ ข้าแน่ใจ” คาลิสตอบด้วยเสียงหนักแน่น “พลังที่เราต่อสู้ไปนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความชั่วร้ายที่กำลังแฝงตัวอยู่ในดินแดนนี้ ข้ารู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่ใหญ่กว่าที่พวกเราเผชิญมา และพวกเรายังต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้”
ลิเลียน่าซึ่งเงียบมาตลอดก้าวเข้ามาใกล้ เธอมีสีหน้าที่เคร่งขรึมเช่นกัน “ข้าเห็นด้วยกับคาลิส พลังที่เงาแห่งมนตราใช้ไม่ใช่จุดจบ มันยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ควบคุมมันอยู่ และเราต้องค้นหาว่ามันคืออะไร ก่อนที่มันจะมาถึง”
“เจ้าคิดว่าศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้จะมาอีกเหรอ?” เอลิซ่าถาม
ลิเลียน่าพยักหน้า “ใช่ และข้าเชื่อว่ามันจะไม่ช้าก็เร็ว พวกมันรู้แล้วว่าเราเป็นภัยคุกคาม เราต้องรีบเตรียมตัวก่อนที่พวกมันจะรวบรวมพลังกลับมา”
คำพูดของลิเลียน่าทำให้อิธานรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เริ่มเพิ่มขึ้น แม้เขาจะสามารถเอาชนะศัตรูตัวแรกได้ด้วยการผสานพลังระหว่างวิทยาศาสตร์และมนตรา แต่เขาก็รู้ว่าศัตรูที่กำลังจะมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
“เราต้องทำยังไงต่อ?” อิธานถามพลางหันไปมองทั้งสามคน เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบที่หนักอึ้งถาโถมเข้ามา เขาไม่ใช่เพียงนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นคว้าเรื่องพลังงานปริศนาอีกต่อไป แต่ตอนนี้เขาคือผู้ต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนนี้
“พวกเราต้องเริ่มจากการรวบรวมพลังและความรู้” ลิเลียน่าพูดอย่างมั่นใจ “ดินแดนนี้เต็มไปด้วยพลังมนตราที่ถูกซ่อนอยู่ หากเราสามารถหาวิธีเข้าถึงพลังนั้นได้ เราจะสามารถต่อกรกับศัตรูใหม่ที่กำลังมาได้”
เอลิซ่าพยักหน้า “พลังของข้ายังไม่สมบูรณ์ แม้ข้าจะควบคุมทั้งพลังด้านสว่างและด้านมืดได้แล้ว แต่ข้ารู้สึกว่ามันยังมีพลังบางอย่างที่ข้าต้องปลุกขึ้นมาให้สมบูรณ์ เพื่อที่จะพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังมา”
คาลิสเสริม “ข้ายังรู้จักสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งพลังโบราณถูกเก็บรักษาไว้ มันเป็นพลังที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงมาก่อน แต่ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสองสามารถปลุกมันขึ้นมาได้”
“ที่ไหน?” อิธานถาม
คาลิสยิ้มเล็กน้อย “วิหารแห่งธาตุโบราณ มันตั้งอยู่ที่ขอบของดินแดนทางทิศตะวันตก พลังที่ถูกซ่อนอยู่ที่นั่นคือสิ่งที่จะช่วยให้เจ้าทั้งสองสามารถเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป แต่ข้าต้องเตือนว่า การเดินทางไปที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย มันเต็มไปด้วยอุปสรรคและการทดสอบที่รออยู่”
อิธานรู้สึกถึงความท้าทายที่กำลังจะมา แต่เขาก็ไม่ถอย “ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดินแดนนี้”
การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง
หลังจากการตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังวิหารแห่งธาตุโบราณ อิธาน เอลิซ่า ลิเลียน่า และคาลิสก็เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางที่ยากลำบาก ทุกคนรู้ดีว่าพลังที่พวกเขาต้องปลุกขึ้นมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และศัตรูใหม่ที่แข็งแกร่งกว่ากำลังรออยู่
เอลิซ่านั่งลงข้างๆ ลำธารเล็กๆ ที่ไหลผ่านป่ารอบหมู่บ้าน เธอจ้องมองน้ำที่ไหลเอื่อยไปตามทาง ขณะที่ใจของเธอกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับพลังใหม่ของเธอ แม้ว่าเธอจะสามารถควบคุมทั้งพลังด้านสว่างและด้านมืดได้ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าพลังนี้ยังไม่เต็มที่
“ข้ากลัวว่าพลังนี้อาจจะกลายเป็นภาระมากกว่าความช่วยเหลือ” เอลิซ่าพึมพำเบาๆ
อิธานที่เดินเข้ามาหาเธอได้ยินเสียงนั้น “เจ้าคิดมากไปแล้ว พลังของเจ้าไม่ได้เป็นภาระ พลังของเจ้าคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราชนะ”
เอลิซ่าหันมามองเขา “แต่ถ้าข้าควบคุมมันไม่ได้ล่ะ? ถ้าข้าไม่สามารถใช้พลังนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ข้าอาจจะทำให้พวกเราทั้งหมดต้องตกอยู่ในอันตราย”
อิธานนั่งลงข้างๆ เธอ “ข้าเชื่อในตัวเจ้า เจ้าผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่และเจ้าก็สามารถเอาชนะมันได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะควบคุมพลังนี้ได้ในที่สุด”
เอลิซ่ามองหน้าอิธานและยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณอิธาน ข้าจะไม่ปล่อยให้ความกลัวมาครอบงำข้า”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันเสร็จ พวกเขาก็กลับไปรวมตัวกับลิเลียน่าและคาลิสที่กำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง ลิเลียน่ากำลังอ่านตำราเก่าเกี่ยวกับวิหารแห่งธาตุโบราณ เธอพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับพลังที่ถูกซ่อนอยู่ที่นั่นเพื่อเตรียมความพร้อม
“ข้าพบสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ” ลิเลียน่าพูดขณะชูตำราเก่าให้พวกเขาดู “ดูเหมือนว่าในวิหารแห่งธาตุโบราณจะมีบททดสอบที่ท้าทายมาก และหนึ่งในนั้นเกี่ยวข้องกับการควบคุมพลังแห่งธรรมชาติทั้งหมด ไม่ใช่แค่พลังด้านสว่างหรือด้านมืดเท่านั้น”
“พลังแห่งธรรมชาติ?” อิธานถามด้วยความสงสัย
“ใช่ พลังแห่งไฟ น้ำ ลม และดิน พวกมันคือธาตุหลักที่เชื่อมโยงกับพลังของโลก หากเจ้าสามารถควบคุมพลังเหล่านั้นได้ เจ้าจะสามารถใช้พลังทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ และพร้อมสำหรับการต่อสู้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่กว่า”
เอลิซ่าพยักหน้า “ข้าพร้อมแล้ว ข้าจะผ่านบททดสอบนี้และเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังทั้งหมด”
เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า
หลังจากการเตรียมความพร้อม ทุกคนก็พร้อมที่จะเริ่มการเดินทางไปยังวิหารแห่งธาตุโบราณ พวกเขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย และศัตรูที่ร้ายกาจกว่ากำลังรอพวกเขาอยู่ แต่ทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น หากพวกเขาต้องการปกป้องดินแดนนี้ พวกเขาต้องเสริมพลังให้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
คาลิสมองไปยังทิศทางของวิหารด้วยสายตาที่มั่นคง “ศัตรูใหม่กำลังรอเราอยู่ พวกมันแข็งแกร่งขึ้น และเจ้าเองก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน”
อิธานจับมือเอลิซ่าแน่น “พวกเราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
เอลิซ่ายิ้มและพยักหน้า “ใช่ พวกเราจะผ่านมันไป...และเราจะปกป้องดินแดนนี้จากศัตรูทุกตัวที่เข้ามา”