ตอนที่ 17: พลังที่ถูกลืม และตอนที่ 18: ความจริงที่ซ่อนเร้นและพลังที่แท้จริงของเอลิซ่า
ตอนที่ 17: พลังที่ถูกลืม
เสียงพายุเวทย์ที่โหมกระหน่ำเงียบลง พร้อมกับแสงสีฟ้าที่ค่อยๆ จางหายไปจากร่างของเอลิซ่า ร่างของเธอทรุดลงสู่พื้นอย่างช้าๆ อิธานรีบวิ่งไปประคองร่างของเธอทันที ใบหน้าของเอลิซ่าซีดเผือด และดวงตาของเธอที่เคยเปล่งประกายก็เริ่มเลือนลาง
"เอลิซ่า!" อิธานร้องเรียกด้วยความกังวล “เจ้าทำอะไรลงไป ทำไมต้องเสียสละขนาดนี้!”
เอลิซ่าหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเหนื่อยล้า “ข้าไม่เป็นไร อิธาน... นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ต้องทำเพื่อปกป้องดินแดนแห่งนี้ ข้าเตรียมใจไว้แล้ว”
เสียงของเธอเบาและเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง แต่ในใจของอิธานกลับเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมคนอย่างเอลิซ่าถึงพร้อมจะเสียสละขนาดนี้ ทั้งที่เธอยังมีอนาคตอีกมากรออยู่ข้างหน้า
ลิเลียน่าเดินเข้ามาใกล้และย่อตัวลงข้างเอลิซ่า เธอเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเอลิซ่า แสงสว่างเล็กๆ ที่ปลายนิ้วของเธอเรืองขึ้น ก่อนที่มันจะจางหายไปในไม่กี่วินาที
“พลังของเธอถูกดูดกลืนไปมากกว่าที่ข้าคาด” ลิเลียน่าพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าเกรงว่าเอลิซ่าจะไม่สามารถใช้พลังมนตราได้อีก”
อิธานนิ่งงัน คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเขา “ไม่...มันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้!”
เอลิซ่าพยายามยิ้มออกมาแม้ใบหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย “ไม่เป็นไรอิธาน... ข้าได้ทำในสิ่งที่ข้าควรทำแล้ว”
“แต่นี่ไม่ใช่จุดจบ! ข้าจะต้องหาทางฟื้นฟูพลังของเจ้า!” อิธานพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับจะยืนยันกับตัวเองว่าเขายังมีวิธีแก้ปัญหานี้
คาลิสซึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบๆ ตลอดเวลาเดินเข้ามาช้าๆ “บางที... พลังนี้อาจไม่ได้หายไปตลอดกาล แต่อาจแค่ถูกปิดกั้น เจ้าจะต้องทำมากกว่าที่เจ้าคิดถ้าหวังจะฟื้นพลังนี้ขึ้นมาได้”
“มีทางหรือ?” อิธานถามอย่างกระตือรือร้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง คาลิสพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองทางทิศเหนือของป่า
“ทางเดียวที่เจ้าจะสามารถฟื้นฟูพลังของเอลิซ่าได้ คือการหาวิญญาณแห่งปฐพี สถานที่ที่ลึกลับและเก่าแก่ที่สุดในดินแดนนี้ มันเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อมโยงกับพลังธรรมชาติทุกชนิด รวมถึงมนตราด้วย แต่การเดินทางไปที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย”
อิธานหันไปมองเอลิซ่าที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ถ้ามันเป็นหนทางเดียว ข้าก็จะไป ข้าจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าพลังของเอลิซ่าจะกลับคืนมา”
เอลิซ่ายิ้มเล็กน้อย “เจ้าบ้าจริงๆ อิธาน...แต่ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้”
ลิเลียน่ามองอิธานด้วยความชื่นชม “เจ้ามีหัวใจที่เข้มแข็งอิธาน ข้าจะไปกับเจ้าด้วย ข้าเคยได้ยินตำนานของวิญญาณแห่งปฐพีมาบ้าง แต่ไม่เคยมีใครพบมัน ข้าจะช่วยเจ้าในทุกทางที่ข้าทำได้”
คาลิสพยักหน้า “ข้าก็จะไปเช่นกัน วิญญาณแห่งปฐพีไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์หรือผู้ใช้มนตราธรรมดาจะเข้าถึงได้ มันเป็นพลังที่เก่าแก่และซับซ้อน ถ้าเจ้าจะฟื้นพลังของเอลิซ่า เจ้าจะต้องอาศัยทุกความช่วยเหลือที่เจ้ามี”
อิธานพยักหน้าและหันไปมองคาลิส ลิเลียน่า และเอลิซ่า “ถ้าอย่างนั้น เราจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า ข้าจะไม่ยอมให้การเสียสละของเอลิซ่าไร้ความหมาย”
รุ่งเช้าของการเดินทาง
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องผ่านป่าทึบที่พวกเขากำลังเดินทางผ่าน เส้นทางเต็มไปด้วยต้นไม้สูงและเถาวัลย์ที่พันกันไปมา ดินแดนที่พวกเขาเดินทางผ่านดูรกร้างและมืดมนกว่าที่เคย ขณะที่พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ อิธานก็เริ่มรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติ บางสิ่งบางอย่างที่เหมือนจะเฝ้ามองพวกเขาอยู่จากเงามืด
“ข้ารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังตามเรา” อิธานพึมพำเบาๆ
“พวกมันไม่ใช่แค่ตามเรา แต่เฝ้ามองเรา” คาลิสตอบพลางกวาดสายตามองรอบๆ “ในป่านี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมนตรา พวกมันไม่เป็นมิตรต่อคนแปลกหน้า”
“แล้วเราจะทำยังไง?” อิธานถามด้วยความกังวล
“สิ่งที่เจ้าต้องทำคืออย่าไปกังวลกับพวกมัน” คาลิสตอบ “ถ้าเราไม่ทำให้มันรู้สึกถึงอันตราย มันก็จะไม่โจมตีเรา แต่ถ้าเราแสดงความกลัว มันจะยิ่งทวีความรุนแรง”
อิธานพยักหน้าและเดินต่อไป ขณะที่ในใจของเขายังคงกังวลเรื่องพลังของเอลิซ่า เขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ง่าย แต่เขาก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง พวกเขาเดินผ่านภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากป่าทึบกลายเป็นทุ่งหินขรุขระ พื้นที่เริ่มมีลักษณะคล้ายทะเลทรายมากขึ้น และอุณหภูมิรอบตัวก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“เรากำลังเข้าใกล้แล้ว” ลิเลียน่าพูดขณะที่เธอมองดูแสงที่สะท้อนจากหินสูงใหญ่เบื้องหน้า “ที่นั่นคือทางเข้าสู่วิญญาณแห่งปฐพี”
“แต่ข้ารู้สึกถึงพลังงานที่แปลกประหลาดบางอย่าง” อิธานพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ “มันเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกำลังรอเราอยู่ที่นั่น”
คาลิสหันมองเขาด้วยสายตานิ่ง “เจ้าพูดถูก มีบางสิ่งที่เฝ้าดูอยู่ วิญญาณแห่งปฐพีไม่ได้เปิดรับใครก็ตามที่มาเยือน มันจะทดสอบเจ้า หากเจ้าไม่พร้อมที่จะรับมือกับการทดสอบนั้น เจ้าอาจไม่สามารถออกมาได้อีกเลย”
คำพูดของคาลิสทำให้อิธานรู้สึกถึงความหนักแน่นในใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือก เขาจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามที่รออยู่
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้กลุ่มหินสูงใหญ่ ประตูหินขนาดมหึมาก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ เบื้องหลังประตูนั้นเป็นถ้ำลึกที่มีแสงสว่างสีเขียวเรืองรอง มันเป็นแสงที่ดูเหมือนจะมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้
อิธานรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เขาก้าวเข้าไปข้างในโดยไม่รู้ตัว เอลิซ่าซึ่งยังคงนั่งพักอยู่ข้างนอกมองตามเขาด้วยความกังวล
“เจ้าพร้อมหรือไม่?” เสียงของคาลิสดังขึ้นเบาๆ ขณะที่พวกเขายืนอยู่หน้าประตู
“พร้อมหรือไม่ ข้าก็ต้องไป” อิธานตอบด้วยเสียงมั่นคง
พวกเขาก้าวเข้าไปในถ้ำ แสงสีเขียวที่เรืองรองรอบตัวพวกเขาดูเหมือนจะมีชีวิต มันเคลื่อนไหวไปรอบๆ ราวกับว่ากำลังตรวจสอบพวกเขาอยู่
“นี่คือพลังแห่งวิญญาณปฐพี มันจะตัดสินว่าเจ้าเหมาะสมหรือไม่” คาลิสกล่าวขณะที่เขามองไปรอบๆ
ทันใดนั้น เสียงก้องดังขึ้นในถ้ำ “ผู้ใดที่เข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ต้องพิสูจน์ตนเองว่าคู่ควร จงแสดงพลังที่แท้จริงของเจ้า”
อิธานมองไปที่คาลิสและลิเลียน่า ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า “ข้ามาที่นี่เพื่อขอคืนพลังให้กับเอลิซ่า ข้าจะทำทุกอย่างที่จำเป็น!”
ถ้ำเงียบลงสักครู่ ก่อนที่แสงสีเขียวจะรวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างของวิญญาณแห่งปฐพี มันมีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีแสงสว่างสีเขียวเรืองรองและร่างกายที่ดูโปร่งแสง
“การฟื้นพลังต้องแลกด้วยบางสิ่ง” วิญญาณแห่งปฐพีกล่าว “เจ้าพร้อมจะเสียสละหรือไม่?”
ตอนที่ 18: ความจริงที่ซ่อนเร้นและพลังที่แท้จริงของเอลิซ่า
ภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยแสงสีเขียวเรืองรอง อิธานยืนอยู่เบื้องหน้าวิญญาณแห่งปฐพี ใจของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่น แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย แต่เขาก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคืนพลังให้กับเอลิซ่า
“เจ้าพร้อมจะเสียสละหรือไม่?” วิญญาณแห่งปฐพีกล่าวด้วยเสียงที่สะท้อนก้องทั่วถ้ำ
อิธานมองไปที่ลิเลียน่าและคาลิส ก่อนจะหันกลับมาที่วิญญาณแห่งปฐพี “ข้าพร้อม ข้าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อฟื้นพลังของเอลิซ่า”
ทันใดนั้น แสงสีเขียวรอบๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันหมุนวนเป็นวงกลมรอบตัวอิธาน ราวกับว่าพลังของปฐพีกำลังตรวจสอบและทดสอบความตั้งใจของเขา อิธานรู้สึกได้ถึงแรงดันที่กดทับในอากาศ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหว
“ข้ารู้ว่าเจ้าเต็มใจที่จะช่วยเหลือเธอ” วิญญาณแห่งปฐพีกล่าว “แต่ความจริงแล้ว พลังที่เจ้าเห็นว่าเอลิซ่าเสียไปนั้น... มันไม่ได้ถูกทำลาย มันถูกซ่อนอยู่”
อิธานนิ่งงัน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทันที “พลังของเอลิซ่า...ยังอยู่?”
“ใช่ พลังนั้นยังคงอยู่ แต่ถูกปิดกั้นไว้เพื่อปกป้องเธอ” วิญญาณกล่าว “เอลิซ่าไม่ใช่ผู้ใช้มนตราธรรมดา เธอคือผู้สืบทอดของพลังที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนนี้ พลังที่สามารถควบคุมได้ทั้งด้านสว่างและด้านมืด หากพลังนี้ถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ มันอาจจะเป็นทั้งการช่วยเหลือและการทำลายล้าง”
คำพูดนั้นทำให้อิธานเริ่มเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน “เจ้าหมายความว่า...เอลิซ่ามีพลังที่สามารถควบคุมทั้งด้านสว่างและด้านมืด?”
วิญญาณพยักหน้า “ใช่ แต่เนื่องจากพลังนี้ทรงพลังเกินไป เธอจึงไม่สามารถควบคุมมันได้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อปกป้องเธอ พลังนั้นจึงถูกซ่อนไว้จนกว่าเธอจะพร้อมที่จะยอมรับมัน”
“แต่ตอนนี้เธอเสียพลังไป ข้าจะต้องทำยังไงถึงจะช่วยให้เธอฟื้นคืนพลังได้?” อิธานถามอย่างเร่งร้อน
“การคืนพลังนั้นไม่ใช่แค่การฟื้นฟูสิ่งที่เธอเสียไป แต่เป็นการปลุกพลังที่แท้จริงของเธอให้ตื่นขึ้น” วิญญาณแห่งปฐพีกล่าว “แต่การที่จะปลุกพลังนั้น เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เธอไม่อยากเผชิญ ความเจ็บปวดและความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอเป็นสิ่งที่เจ้าต้องเผชิญแทนเธอ”
อิธานนิ่งคิด เขารู้ว่าเอลิซ่าเคยมีบาดแผลในอดีต โดยเฉพาะเกี่ยวกับพลังด้านมืดที่เธอเคยพยายามควบคุมและมันทำให้เธอต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ แต่เขาไม่เคยรู้ว่ามันลึกซึ้งถึงเพียงนี้
“ข้าจะทำยังไง?” อิธานถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
วิญญาณแห่งปฐพีเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบ “เจ้าจะต้องเข้าสู่โลกแห่งจิตใจของเอลิซ่า ที่นั่นเจ้าและเธอจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ถูกปิดบังไว้ หากเจ้าและเธอสามารถเอาชนะความกลัวนี้ได้ พลังที่แท้จริงของเธอจะตื่นขึ้น และเธอจะกลายเป็นผู้ควบคุมพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนนี้”
คาลิสที่ยืนเงียบมาตลอดก้าวเข้ามาข้างหน้า “โลกแห่งจิตใจเป็นสถานที่ที่ท้าทายและเต็มไปด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง อิธาน เจ้าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม หากจิตใจของเจ้าถูกทำลาย เจ้าก็จะไม่มีวันกลับมาได้”
อิธานพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าจะไป ข้าจะไม่ปล่อยให้ความกลัวครอบงำข้า และข้าจะช่วยเอลิซ่าให้ได้”
ลิเลียน่ามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง “เจ้ามีจิตใจที่กล้าหาญอิธาน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำได้ แต่จำไว้ว่าในโลกแห่งจิตใจนั้น เจ้าอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้าอาจจะเห็นด้านมืดของคนที่เจ้ารัก...และแม้แต่ด้านมืดของตัวเจ้าเอง”
อิธานยืนอยู่หน้าประตูแห่งพลังวิญญาณ แสงสีเขียวเรืองรองรอบตัวเขาและส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกอย่างรอบตัวเขาเปลี่ยนไป ในชั่วพริบตาเดียว เขาพบว่าตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีดำสนิท มีเพียงเงาลางๆ ของตัวเองสะท้อนอยู่ในน้ำที่นิ่งสนิท
“ที่นี่คือ...โลกแห่งจิตใจของเอลิซ่า?” อิธานพึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องที่เจือด้วยความเจ็บปวดก็ดังก้องขึ้นในความมืด อิธานรีบหันไปมองทางต้นเสียง เขาเห็นเงาร่างหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เงานั้นดูคล้ายกับเอลิซ่า แต่ดวงตาของเธอเปล่งประกายเป็นสีแดงเข้ม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด
“เจ้าจะหนีจากข้าไปได้หรือ?” ร่างเงานั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้ารู้ดีว่าเจ้าคือส่วนหนึ่งของข้า เอลิซ่า”
อิธานรู้ทันทีว่านี่คือ "ด้านมืด" ของเอลิซ่า ด้านที่เธอพยายามหลบหนีและปฏิเสธมาตลอด มันคือพลังด้านมืดที่เธอเคยพยายามใช้และเกือบทำให้ทุกอย่างพินาศในอดีต
“เอลิซ่า!” อิธานตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาด้านมืดนั้น แต่เงามืดรอบๆ ตัวเธอกลับปกคลุมร่างของเอลิซ่าทันที ราวกับจะกลืนกินเธอทั้งหมด
“เจ้าไม่สามารถช่วยเธอได้” ด้านมืดของเอลิซ่าหัวเราะ “ความกลัวและความผิดพลาดในอดีตคือสิ่งที่เธอไม่อาจหลบหนีได้ และพลังที่เธอมีอยู่ มันก็คือส่วนหนึ่งของข้า”
อิธานหยุดยืนและจ้องมองเงามืดตรงหน้าเขา “เจ้าพูดผิด ความกลัวไม่ใช่สิ่งที่ทำลายเธอ ความกลัวคือสิ่งที่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น!”
อิธานพุ่งเข้าไปหาเงานั้นพร้อมกับชักดาบเล็กๆ ที่คาลิสให้มา เขาฟาดฟันเงามืดนั้นจนมันเริ่มสลายตัวไป
“เอลิซ่า! ข้าจะช่วยเจ้า!” อิธานร้องออกมาขณะที่เงามืดค่อยๆ จางหายไป
เอลิซ่าที่แท้จริงปรากฏตัวขึ้นแทนเงามืดนั้น เธอยืนขึ้นอย่างอ่อนล้า ดวงตาของเธอกลับเป็นสีฟ้าเรืองรองเหมือนเดิม
“อิธาน...ข้า...” เอลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เจ้าทำได้แล้วเอลิซ่า” อิธานยิ้มให้เธอ “พลังของเจ้ากลับคืนมาแล้ว เพราะเจ้ากล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน”
ทันใดนั้น แสงสีฟ้าและสีดำที่หมุนวนอยู่รอบตัวเอลิซ่าก็รวมตัวกัน กลายเป็นพลังที่สมดุล เอลิซ่าสามารถควบคุมได้ทั้งพลังด้านสว่างและด้านมืด พลังที่แท้จริงของเธอได้ตื่นขึ้นแล้ว