ตอนที่ 13: การมาของผู้เฝ้าดู และตอนที่ 14: ความลับของคาลิส
ตอนที่ 13: การมาของผู้เฝ้าดู
เช้าวันใหม่หลังจากค่ำคืนแห่งการเตรียมพร้อมผ่านไป อิธานและเอลิซ่ากำลังวางแผนการต่อสู้ร่วมกับลิเลียน่า ในขณะที่หมู่บ้านยังคงเงียบสงบ ทุกอย่างดูเหมือนจะพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้ากับเงาแห่งมนตรา แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าความท้าทายครั้งนี้จะยากเย็นและอาจมีอะไรเกินคาดเดาเกิดขึ้น
ขณะที่พวกเขากำลังประชุมกัน เสียงกระพือปีกเบาๆ ดังขึ้นมาจากป่า ทุกคนหันไปมองทางทิศที่เสียงนั้นมาจาก ภาพที่เห็นคือร่างสูงที่ค่อยๆ ก้าวออกมาจากเงามืดของต้นไม้ บุคคลที่ปรากฏตัวนั้นสูงเพรียวและมีรูปลักษณ์ที่ดูแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ผิวของเขามีสีเทาหม่นคล้ายกับหินที่ถูกเจียระไน และดวงตาของเขาเป็นสีทองเรืองแสงที่ดูแปลกตา
"ใครกัน?" อิธานถามอย่างระแวดระวัง พร้อมกับวางมือลงบนอุปกรณ์ของเขา
ลิเลียน่ามองไปที่ชายแปลกหน้าและขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้ารู้จักพลังนี้...แต่ข้าไม่เคยคิดว่าจะได้พบเขาที่นี่"
ชายแปลกหน้ายืนอยู่เงียบๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกและเป็นจังหวะ “ข้าคือผู้เฝ้าดู ข้าถูกเรียกว่า คาลิส ข้าไม่ใช่มนุษย์ แต่ข้าก็ไม่ใช่ศัตรูของเจ้า ข้าเป็นผู้ที่เฝ้ามองดูพลังที่เจ้าไม่สามารถควบคุมได้...และข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่อันตราย”
ดวงตาของคาลิสเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ ขณะที่เขากวาดสายตามองอิธาน เอลิซ่า และลิเลียน่า เขามีรูปร่างสูงใหญ่เกือบสองเมตร แต่ท่าทางของเขากลับดูสงบ ราวกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติรอบตัว ความลึกลับของเขาแผ่กระจายออกมาแต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็นศัตรู
"ผู้เฝ้าดู?" เอลิซ่าถามด้วยความสงสัย "เจ้ามาที่นี่ทำไม?"
คาลิสหันมองหน้าเอลิซ่าด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ "ข้ารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของพลังด้านมืด ข้าเฝ้ามองพวกเจ้ามานาน และข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกินกว่าพลังธรรมดาจะต้านทาน ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า เพราะข้าเองก็มีพันธะกับพลังเหล่านี้"
"แล้วเจ้าคือใครกันแน่?" อิธานถาม "ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้า?"
ลิเลียน่าตอบแทนคาลิส "เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่กว่าพวกเรามาก คาลิสไม่ใช่มนุษย์ แต่เขาเป็นวิญญาณโบราณที่มีความสามารถในการใช้เวทย์มนต์ เขามีบทบาทในการเฝ้ามองและรักษาสมดุลของพลังต่างๆ ในโลกนี้มานานหลายศตวรรษ แต่เขามักไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์เว้นแต่จำเป็นจริงๆ"
คาลิสพยักหน้าเล็กน้อย "ถูกต้อง ข้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาสมดุลของพลัง ข้าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่พลังด้านมืดที่พวกเจ้ากำลังเผชิญหน้ากำลังเกินกว่าที่ข้าจะนิ่งเฉยได้ หากพลังนั้นปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ มันจะทำลายทุกสิ่งที่เจ้าและข้าต่างพยายามปกป้อง"
"แล้วเจ้าจะช่วยเราอย่างไร?" เอลิซ่าถาม น้ำเสียงของเธอเริ่มเปิดใจมากขึ้น
"ข้าสามารถใช้พลังเวทย์มนต์ได้ ข้ามีพลังที่สามารถควบคุมและปรับแต่งพลังงานรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านสว่างหรือด้านมืด" คาลิสพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ "ข้าจะช่วยพวกเจ้าในการควบคุมพลังด้านมืด และหยุดการปลุกพลังที่ถูกปิดผนึกมานาน ข้าจะทำให้สมดุลของโลกกลับคืนมา"
อิธานมองคาลิสด้วยสายตาที่สงสัย แต่ก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น “ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับพวกเรา ข้าคิดว่าเราจะมีโอกาสมากขึ้นในการหยุดยั้งพวกมัน”
ลิเลียน่ายิ้มเล็กน้อย “การที่คาลิสเข้าร่วมกับเราเป็นสัญญาณที่ดี ข้าเชื่อว่าพวกเราจะสามารถรับมือกับศัตรูได้ดีขึ้น”
คาลิสเริ่มทำงานร่วมกับอิธานและเอลิซ่าในการเตรียมตัวสำหรับการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ เขาช่วยสอนให้พวกเขาเข้าใจถึงพลังที่แฝงอยู่ในเวทย์มนต์ด้านมืด และวิธีที่จะใช้มันอย่างปลอดภัย เขายังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้อุปกรณ์ของอิธาน ทำให้เครื่องมือสามารถรับมือกับพลังที่ไม่เสถียรได้ดีขึ้น
ในขณะที่อิธานทำงานร่วมกับคาลิสในการปรับแต่งเครื่องมือ เขารู้สึกว่าคาลิสไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ที่มีความรู้ด้านเวทย์มนต์เท่านั้น แต่ยังมีความเข้าใจในเรื่องของพลังงานและสมดุลที่ลึกซึ้ง
"พลังด้านมืดไม่ใช่สิ่งที่ต้องถูกทำลายเสมอไป" คาลิสอธิบายขณะปรับแต่งเครื่องมือร่วมกับอิธาน "บางครั้งมันต้องได้รับการควบคุมและปล่อยให้ทำหน้าที่ของมัน เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะฟังพลังงานเหล่านั้น และไม่พยายามควบคุมมันทั้งหมด"
“ฟังพลังงาน?” อิธานถามพร้อมกับเลิกคิ้ว “ข้าไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อน”
“ใช่ เจ้าไม่สามารถใช้แค่เหตุผลหรือความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวในการควบคุมเวทย์มนต์ได้ เจ้าต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของพลังงานนั้นด้วย” คาลิสตอบ "มันคือการสร้างสมดุล ไม่ใช่การบังคับ"
ขณะที่คาลิสช่วยเสริมพลังให้กับเครื่องมือของอิธาน เอลิซ่าเองก็ได้รับการฝึกฝนในเรื่องการควบคุมคริสตัลมนตราที่ลิเลียน่าให้มา คาลิสช่วยให้เธอเข้าใจวิธีที่จะใช้พลังด้านมืดอย่างปลอดภัย โดยไม่ให้มันกลืนกินจิตใจของเธอ
"เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิด" คาลิสบอกเอลิซ่าระหว่างการฝึก "แต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยให้พลังทำงานผ่านตัวเจ้า ไม่ใช่ให้มันควบคุมเจ้า"
เอลิซ่าพยักหน้า แม้ว่าเธอจะยังคงรู้สึกถึงความน่ากลัวในพลังด้านมืดที่แฝงอยู่ในคริสตัล แต่วิธีการของคาลิสทำให้เธอเริ่มเข้าใจมากขึ้นถึงวิธีการที่จะอยู่ร่วมกับพลังนี้โดยไม่ถูกมันครอบงำ
เมื่อการฝึกฝนเสร็จสิ้น ทั้งอิธาน เอลิซ่า และคาลิสก็พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับเงาแห่งมนตรา พวกเขารู้ดีว่าพลังด้านมืดกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และศัตรูกำลังรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อทำลายสมดุลของโลกนี้
"ข้าหวังว่าเจ้าทั้งสองจะพร้อม" คาลิสพูดขณะมองออกไปที่ท้องฟ้า "การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเอาชนะศัตรู แต่เป็นการรักษาสมดุลของโลก ถ้าเราล้มเหลว ทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะหายไปตลอดกาล"
"ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น" เอลิซ่ากล่าวด้วยความมุ่งมั่น "ข้าจะใช้พลังที่ข้าได้รับมาเพื่อหยุดพวกมัน"
อิธานยืนขึ้นพร้อมกับอุปกรณ์ที่เขาปรับแต่งเสร็จ "และข้าจะใช้ทุกสิ่งที่ข้าพัฒนาเพื่อปกป้องทุกคน"
ลิเลียน่ายิ้มอย่างภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของพวกเขา "พวกเจ้าเป็นความหวังสุดท้ายของดินแดนนี้"
ตอนที่ 14: ความลับของคาลิส
หลังจากที่คาลิสเข้าร่วมทีมเพื่อช่วยอิธานและเอลิซ่าเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับพลังด้านมืด ทั้งกลุ่มก็เริ่มรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีบางอย่างที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับตัวคาลิส
คาลิส เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์โดยแท้จริง แม้เขาจะดูมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับพลังเวทย์มนต์และสมดุลของโลก แต่บางครั้งการกระทำของเขาก็แฝงไปด้วยความลึกลับที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เอลิซ่าเองก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เธอยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเขา
ค่ำคืนนี้ อิธานและเอลิซ่าพักผ่อนหลังจากการฝึกฝนและเตรียมตัวมาตลอดทั้งวัน แต่คาลิสยังคงเฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว สายตาของเขาจ้องมองไปไกล ราวกับกำลังคิดถึงบางสิ่งที่ยากจะอธิบาย
เอลิซ่าเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ และนั่งลงข้างๆ เธอมองดูคาลิสที่ยังคงนิ่งอยู่และไม่พูดอะไร
"เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?" เอลิซ่าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
คาลิสหันมามองเอลิซ่า ดวงตาสีทองเรืองแสงของเขาดูอ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ "ข้ากำลังคิดถึงอดีต...และสิ่งที่กำลังจะมาถึง"
"เจ้าดูเหมือนจะรู้มากเกี่ยวกับพลังด้านมืด และรู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อหยุดมัน" เอลิซ่าพูดพร้อมกับมองเขาอย่างใคร่รู้ "แต่เจ้าก็ยังมีบางอย่างที่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้บอกเรา"
คาลิสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เขาหันกลับไปมองท้องฟ้า "ข้าเป็นผู้เฝ้าดู ข้ามีหน้าที่ในการรักษาสมดุลของพลังในโลกนี้ แต่ในอดีต...ข้าเคยทำผิดพลาดใหญ่หลวง"
“ผิดพลาด?” เอลิซ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
"หลายร้อยปีก่อน ข้าเคยเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างพลังด้านสว่างและพลังด้านมืด ข้าคิดว่าหน้าที่ของข้าคือการรักษาสมดุลโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ในที่สุด ข้ากลับปล่อยให้พลังด้านมืดครอบงำและทำลายสิ่งที่ข้าควรจะปกป้อง" คาลิสพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด "ข้าเห็นดินแดนถูกทำลาย และวิญญาณหลายพันดวงต้องหายไปตลอดกาล...เพราะข้าเลือกที่จะไม่ทำอะไร"
เอลิซ่าตกใจ "แล้วเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?"
คาลิสนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ "ในตอนนั้น ข้าถูกครอบงำโดยความคิดที่ว่าข้าควรเฝ้าดูและรักษาสมดุลเพียงอย่างเดียว โดยไม่แทรกแซงการกระทำของใคร ข้าปล่อยให้พลังด้านมืดทำลายดินแดนทั้งหมด เพราะข้าไม่เชื่อว่ามันจะต้องถูกทำลาย ข้าเชื่อว่าทุกอย่างจะกลับคืนสู่สมดุลของมันเอง...แต่ข้าผิดไป"
ดวงตาของเอลิซ่าเต็มไปด้วยความเห็นใจ "ข้าคิดว่าเจ้าพยายามทำในสิ่งที่เจ้าคิดว่าถูกต้อง"
คาลิสส่ายหน้า "ข้าไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ ตั้งแต่นั้นมา ข้าตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้พลังด้านมืดครอบงำโลกนี้อีก ข้าต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดมัน แม้ข้าจะต้องแทรกแซงและทำลายสมดุลที่ข้าเคยรักษาไว้"
เอลิซ่ารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในใจของคาลิส เธอเริ่มเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกถึงความรับผิดชอบในการหยุดยั้งพลังด้านมืดครั้งนี้
"ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงมาที่นี่เพื่อช่วยเรา" เอลิซ่าพูดเบาๆ "เจ้ากำลังพยายามแก้ไขความผิดพลาดในอดีต"
คาลิสพยักหน้า "ใช่ ข้าไม่อยากเห็นดินแดนนี้ถูกทำลายเหมือนในอดีต ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก"
"และเจ้าจะทำสำเร็จ" เอลิซ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "เจ้ามีโอกาสอีกครั้งที่จะปกป้องโลกนี้ ข้ารู้ว่าเราสามารถหยุดพลังด้านมืดได้"
ในระหว่างที่คาลิสกำลังเล่าเรื่องราวในอดีตของเขา อิธานที่กำลังเตรียมอุปกรณ์อยู่ในห้องทดลองก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ปกติ เขาหยิบเครื่องมือวิเคราะห์พลังงานขึ้นมาและตรวจสอบคลื่นพลังงานรอบตัวเขา
"มีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้น" อิธานพูดกับตัวเอง ขณะที่หน้าจอแสดงคลื่นพลังงานที่ไม่ปกติ พลังเวทย์มนต์ที่เคยเสถียรกลับแสดงความไม่เสถียรอีกครั้ง
อิธานรีบวิ่งไปหาเอลิซ่าและคาลิส "ข้าคิดว่าเรามีปัญหาใหญ่"
เอลิซ่าหันไปมองอิธาน "เกิดอะไรขึ้น?"
"ข้าตรวจพบคลื่นพลังงานที่แปลกๆ พลังด้านมืดที่เราเคยสงบลงกำลังเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันเหมือนกับว่ามีบางอย่างถูกปลุกขึ้นมา" อิธานตอบเสียงเครียด
คาลิสมองไปที่อิธานและเอลิซ่า "ข้ากลัวว่านี่อาจเป็นสิ่งที่ข้ากลัวมาตลอด...เงาแห่งมนตราอาจจะกำลังปลุกพลังที่ถูกปิดผนึกไว้"
“พลังที่ถูกปิดผนึก?” เอลิซ่าถามด้วยความตกใจ
"ใช่" คาลิสตอบ "ในอดีต ข้ากับจอมเวทย์ผู้ทรงพลังหลายคนร่วมมือกันปิดผนึกพลังด้านมืดที่รุนแรงที่สุดเอาไว้ใต้ดิน มันเป็นพลังที่ไม่สามารถควบคุมได้ แม้แต่จอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ดูเหมือนว่าเงาแห่งมนตรากำลังพยายามปลดปล่อยพลังนั้นอีกครั้ง"
"ถ้ามันถูกปลุกขึ้นมาแล้ว เราจะทำอย่างไร?" อิธานถาม
คาลิสเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล "ข้ากลัวว่าพลังนั้นอาจเกินกว่าที่พวกเราจะหยุดได้ แต่เรายังมีเวลา เราต้องไปหยุดพวกมันก่อนที่พลังจะถูกปลุกขึ้นมาอย่างสมบูรณ์"
เอลิซ่ามองไปที่คาลิสและอิธาน "เราจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น เราจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดมัน"