ตอนที่ 1 การเดินทางสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย และ ตอนที่ 2: การเรียนรู้ของผู้ไม่เชื่อ
ตอนที่ 1: การเดินทางสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย
"ความรู้สึกมันแปลกประหลาดยังไงก็ไม่รู้" อิธานคิดขณะก้าวเข้าไปในห้องทดลองหลัก ภายในห้องมืดทึมยกเว้นแสงสว่างสีฟ้าที่เล็ดลอดออกมาจากประตูมิติ วงแหวนพลังงานนั้นหมุนวนอย่างช้าๆ ในทิศทางที่ดูสับสน พลังงานที่บิดเบี้ยวในอากาศทำให้เส้นผมของเขายกตัวขึ้นเล็กน้อย
"นายพร้อมไหม?" เสียงจากผู้ช่วยของเขาดังขึ้นเบาๆ ในความเงียบ
อิธานไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงมองไปยังวงแหวนพลังงานเบื้องหน้า ความกังวลยังคงเกาะกุมจิตใจ แต่เขาก็รู้ดีว่า นี่เป็นก้าวสำคัญในหน้าที่การงานของเขา และอาจเป็นก้าวสำคัญที่สุดในการค้นพบของมนุษยชาติ
"พร้อม" เขาตอบในที่สุด เสียงที่ออกมาไม่ได้มั่นใจเท่าที่เขาตั้งใจ
การเดินทางสู่มิติอื่นไม่ใช่เรื่องเล็ก อิธานได้ศึกษาเอกสารและบทความวิจัยมากมายเกี่ยวกับการข้ามมิติ แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะเตรียมตัวเขาสำหรับสิ่งที่เขากำลังจะเผชิญได้ โลกใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยไปเยือน โลกที่มีพลังงานมนตราอยู่จริง
"เอาล่ะ เริ่มการเดินทางเลย" เสียงหัวหน้าหน่วยวิจัยสั่งการขณะตรวจสอบอุปกรณ์
พวกเขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบพิเศษที่ถูกออกแบบมาให้ทนต่อแรงกดและการบิดเบี้ยวของมิติ อิธานมองไปรอบๆ ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งเครียด ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ หรือผู้ควบคุมระบบ ทุกคนต่างมีส่วนในโครงการนี้ แต่ในที่สุด คนเดียวที่จะต้องเดินผ่านประตูนั้นคือเขา
เมื่อเครื่องจักรเริ่มทำงาน เสียงครืนของวงแหวนพลังงานเริ่มดังกระหึ่มจนทั้งห้องสั่นไหว อิธานสูดหายใจลึกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าไปสู่ประตูที่หมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
โลกใหม่ที่เขาได้เหยียบย่างเข้าไปนั้นต่างจากที่เขาเคยจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง เขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกดึงเข้าสู่ความมืด อิธานพยายามทรงตัวในความว่างเปล่า แต่ทุกร่างกายของเขากลับเบาและลอยไปตามกระแสพลังงานรอบตัว
ทันใดนั้น แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นที่ปลายสายตาของเขา ก่อนที่ทั้งร่างของเขาจะถูกดึงเข้าไปในแสงนั้นด้วยความเร็วสูง
เขาลงมายืนบนพื้นอย่างกระแทกแรง แต่สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องตกตะลึง จักรวาลที่เขาเดินเข้ามานั้นไม่ได้เหมือนกับความคาดหวังใดๆ ที่เขามี แทนที่จะเป็นโลกแห่งความสมัยใหม่ที่ถูกควบคุมโดยวิทยาศาสตร์ แต่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคือดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทย์มนต์และธรรมชาติอันน่าพิศวง
เขาหันมองรอบตัว ขณะที่ดวงตาของเขาปรับเข้ากับแสงสว่างที่นุ่มนวล เขาเห็นท้องฟ้าสีม่วงแดงที่เต็มไปด้วยดวงดาวและกลุ่มเมฆที่เปล่งประกายสีทอง มีภูเขาลอยฟ้าหลายลูกเรียงรายอยู่ในระยะไกล และพื้นดินที่เขายืนอยู่เต็มไปด้วยพืชพรรณสีเขียวสดที่มีแสงเรืองรอง
"นี่มันอะไรกัน?" อิธานพึมพำขณะที่เดินเข้าไปสำรวจ พืชพรรณรอบตัวไม่เหมือนที่เขาเคยเห็นในโลกเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังงานลึกลับที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดหรือสำรวจต่อไป เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้เขาต้องหยุดนิ่ง
"ใครกันที่มาเหยียบแผ่นดินของข้า?" เสียงนั้นฟังดูนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยอำนาจ
อิธานหันกลับไปและพบกับผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอสวมชุดยาวสีขาวที่ประดับด้วยลวดลายสีเงินอันวิจิตรงดงาม ท่าทางของเธอสง่างามและเรียบง่าย แต่พลังที่แผ่ออกมาจากตัวเธอนั้นทำให้อิธานรู้สึกอึดอัด หญิงสาวคนนี้ถือไม้เท้าที่มีแสงเรืองรองอยู่ที่ปลายคล้ายกับพลังงานมนตราที่เขาเคยได้ยินในรายงาน
"ข้าเป็นใครเหรอ?" หญิงสาวถามเสียงเบา แต่คำพูดของเธอดูเหมือนจะก้องกังวานไปในอากาศรอบตัว
"ข้า...ข้าเป็นนักวิทยาศาสตร์จากโลกอื่น" อิธานพยายามตอบ แต่เสียงของเขาสั่นคลอนเมื่อได้ยินเสียงตัวเอง เขาไม่เคยรู้สึกอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน
"โลกอื่นหรือ?" เธอเอียงหัวเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาสงสัยก่อนจะพูดต่อ "เจ้ามาที่นี่ทำไม?"
"ข้ากำลังค้นคว้าเกี่ยวกับพลังงานที่ไม่สามารถอธิบายได้ในโลกของข้า และที่นี่...ดูเหมือนจะเป็นแหล่งพลังงานนั้น"
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยิ้มบางๆ "พลังงานที่เจ้าพูดถึงคือมนตรา และข้าที่เจ้าเห็นอยู่ตรงหน้านี้คือผู้พิทักษ์แห่งมนตรา...ข้าคือ เอลิซ่า"
อิธานมองเธอด้วยความไม่เชื่อถือ เขาไม่เคยเชื่อในเวทย์มนต์หรือสิ่งเหนือธรรมชาติมาก่อน และเขาไม่เคยคิดเลยว่าการวิจัยของเขาจะนำพาเขามาพบกับหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ใช้มนตรา
"ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องมนตรามาก่อน แต่สิ่งที่ข้าเห็นมันก็ยากที่จะปฏิเสธ..." อิธานยอมรับอย่างยากลำบาก
"เจ้าจะต้องเรียนรู้มากกว่านี้ถ้าเจ้าจะอยู่ที่นี่ได้" เอลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นแต่ก็แฝงด้วยความเคร่งขรึม "โลกนี้ไม่ได้เป็นเหมือนโลกของเจ้า มนตราคือพลังที่ควบคุมทุกสิ่งที่นี่ และถ้าเจ้าไม่เรียนรู้ เจ้าจะไม่สามารถอยู่รอดได้"
อิธานรับรู้ถึงความจริงในคำพูดของเอลิซ่า แม้จะยังคงมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น
"ข้าจะทำยังไงดี?" เขาถาม เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์นี้อาจซับซ้อนเกินกว่าที่เขาคิด
"ข้าจะสอนเจ้า" เอลิซ่าตอบอย่างสงบ "แต่เจ้าต้องเปิดใจให้กับพลังที่เจ้าไม่เคยเชื่อมาก่อน เจ้าอาจเป็นนักวิทยาศาสตร์ในโลกของเจ้า แต่ที่นี่ เจ้าอาจจะต้องกลายเป็นสิ่งอื่น"
"สิ่งอื่น?" อิธานถามด้วยความสงสัย
"ใช่...อาจจะเป็นผู้ใช้มนตรา"
ตอนที่ 2: การเรียนรู้ของผู้ไม่เชื่อ
ท้องฟ้าเหนือดินแดนแห่งมนตราสว่างเรืองรองด้วยแสงสีทองแดงอันแปลกประหลาด อิธานยังคงยืนมองรอบๆ ด้วยความสับสนและงุนงง หัวของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เขาไม่เข้าใจว่าเขามาอยู่ในโลกแห่งนี้ได้อย่างไร และยังคงไม่เชื่อว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่คือมนตราจริงๆ
“เจ้าจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อและยอมรับโลกนี้ ถ้าเจ้าอยากอยู่รอด” เอลิซ่าพูดขณะที่เธอเดินนำเขาผ่านป่าไม้ที่เต็มไปด้วยแสงสว่างอันประหลาด ต้นไม้ที่นี่สูงชะลูดจนแสงสว่างจากท้องฟ้าแทรกผ่านได้เพียงเล็กน้อย แต่ทุกอย่างกลับมีแสงเรืองรองในตัวเอง
“แต่ข้าไม่เข้าใจ... ข้าไม่เคยเชื่อในสิ่งที่ข้าไม่สามารถพิสูจน์ได้” อิธานตอบขณะที่เขาเดินตามเอลิซ่าผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหญ้าเรืองแสง สีหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
เอลิซ่าหันกลับมามองเขา ยิ้มบางๆ และพูดด้วยเสียงที่สงบ “ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ เจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ ข้ารู้ว่าเจ้าเรียนรู้มาเพื่อค้นหาคำตอบทุกอย่าง แต่ที่นี่ ไม่ใช่ทุกคำถามที่จะมีคำตอบที่เจ้าคาดหวัง”
อิธานมองเธอด้วยสายตาสงสัย “แล้วเจ้าจะสอนข้าอย่างไร? ข้าจะสามารถเรียนรู้สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจได้อย่างไร?”
“เจ้าจะต้องเริ่มจากการเปิดใจ” เอลิซ่าพูดพร้อมกับยกมือขึ้นในอากาศ ทันใดนั้นรอบๆ ตัวพวกเขาเต็มไปด้วยแสงสว่างเล็กๆ ที่หมุนวนรอบตัว แสงนั้นไม่ใช่แสงธรรมดา แต่มันดูเหมือนเป็นพลังงานบางอย่างที่ลอยอยู่ในอากาศ อิธานมองแสงนั้นด้วยความตื่นตะลึง
"นี่คือมนตรา... พลังที่ควบคุมทุกสิ่งในโลกนี้" เอลิซ่าอธิบาย “มันไม่ได้มาจากเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี แต่มันมาจากธรรมชาติ จากความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตและพลังงานรอบตัว”
อิธานพยายามสัมผัสแสงนั้นด้วยมือของเขา แต่เมื่อเขาแตะมัน แสงนั้นก็สลายหายไปเหมือนกลุ่มควัน
“ทำไมข้าถึงไม่สามารถสัมผัสมันได้?” อิธานถามด้วยความหงุดหงิด
“เพราะเจ้ายังไม่เข้าใจมันอย่างแท้จริง” เอลิซ่าตอบพร้อมกับลดมือลง "การจะใช้มนตราได้ เจ้าต้องไม่พยายามควบคุมมันแบบที่เจ้าควบคุมเครื่องจักร แต่มันคือการร่วมมือและเชื่อมโยงกับมัน"
คำพูดของเอลิซ่าทำให้อิธานยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ เขาไม่เข้าใจว่าการเชื่อมโยงกับพลังงานที่มองไม่เห็นนั้นหมายถึงอะไร สำหรับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกสามารถถูกควบคุมและปรับปรุงได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่ที่นี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
พวกเขาเดินต่อไปสู่หมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ลึกในป่า บ้านเรือนที่สร้างขึ้นจากไม้และหินตั้งเรียงรายอย่างเรียบง่าย แต่กลับดูสวยงามด้วยลวดลายที่ถูกสลักบนผนังและเสาที่เรืองแสงเบาๆ
“หมู่บ้านนี้คือที่อยู่ของข้าและผู้ใช้มนตราอื่นๆ” เอลิซ่าอธิบาย “พวกเรามีชีวิตเรียบง่าย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าจะเห็นในหมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นจากมนตรา ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเทคโนโลยี”
อิธานมองดูรอบๆ ตัวอย่างตะลึง บ้านแต่ละหลังดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แสงที่ล้อมรอบหมู่บ้านนั้นดูเหมือนมาจากต้นไม้และพืชพันธุ์ที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ดูเหมือนจะห่างไกลจากความเป็นจริงของเขา
“แล้วข้าจะทำอะไรได้บ้าง?” อิธานถามอย่างเงียบงัน "ข้าไม่รู้จักมนตรา ข้าไม่รู้วิธีใช้มัน... ข้าจะมีประโยชน์อะไรในโลกนี้?"
เอลิซ่ามองเขาอย่างนิ่งๆ ก่อนจะตอบ "เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนเราเพื่อที่จะมีคุณค่า วิทยาศาสตร์ของเจ้าอาจจะเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป แต่ข้าเชื่อว่าเจ้ามีบทบาทสำคัญในการนำทั้งสองโลกนี้มารวมกัน"
อิธานขมวดคิ้ว “นำทั้งสองโลกมารวมกันหรือ? เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“มนตราและวิทยาศาสตร์ดูเหมือนจะแตกต่างกันมาก แต่ข้าเชื่อว่าพวกมันอาจจะไม่ขัดแย้งกันเสมอไป” เอลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เงียบงัน “ในโลกของเจ้ามนตราถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ที่นี่ มันคือชีวิตประจำวัน บางทีถ้าเราสามารถหาจุดเชื่อมโยงระหว่างสองสิ่งนี้ได้ เราอาจจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมขึ้นมา”
คำพูดของเอลิซ่าทำให้อิธานเริ่มคิด เขาไม่เคยเชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ถ้ามนตราเป็นพลังงานที่มีอยู่จริง บางทีอาจมีวิธีที่จะทำให้มันทำงานร่วมกับวิทยาศาสตร์ได้
"แต่ข้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน" อิธานยอมรับ "ข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าเรียกว่ามนตราเลย"
เอลิซ่ายิ้มบางๆ และพูด "ไม่ต้องห่วง ข้าจะสอนเจ้า เราจะเริ่มจากพื้นฐาน"
เธอยื่นมือออกไปและจับมือของอิธานไว้ ก่อนที่จะดึงเขาไปยังลานกว้างที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน กลุ่มคนที่อยู่ในหมู่บ้านต่างมองมาที่พวกเขา บางคนแสดงสีหน้าสงสัย บางคนดูระแวดระวังต่อการปรากฏตัวของอิธาน
"พวกเขาไม่ไว้วางใจข้า" อิธานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
"พวกเขาแค่ไม่คุ้นเคยกับคนจากโลกอื่น" เอลิซ่าตอบ "แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจ"
เธอหยุดยืนตรงกลางลานกว้างก่อนจะพูดต่อ "มนตราเป็นพลังที่เกิดจากการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ เจ้าต้องเปิดใจและสัมผัสถึงพลังงานรอบตัว ลองปล่อยตัวเองให้ว่างเปล่าแล้วรับรู้มัน"
อิธานพยักหน้า เขาหลับตาและพยายามทำตามที่เอลิซ่าบอก เขาไม่รู้สึกถึงอะไรเลยในตอนแรก มีแต่ความเงียบและลมหายใจของเขาเองที่ได้ยิน
แต่ในขณะที่เขาพยายามสงบจิตใจ จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่ง พลังงานบางอย่างที่หมุนเวียนรอบตัว มันอ่อนนุ่มและเป็นธรรมชาติ คล้ายกับการไหลของลมและน้ำ อิธานลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ
"เจ้ารู้สึกถึงมันแล้วใช่ไหม?" เอลิซ่าถาม
"ใช่... ข้ารู้สึกถึงบางสิ่ง" อิธานตอบเบาๆ
"นั่นแหละคือจุดเริ่มต้น" เอลิซ่าพูดพร้อมรอยยิ้ม "จากนี้ไป เจ้าจะได้เรียนรู้วิธีควบคุมมัน"