บทที่ 55 บอสลับ
บทที่ 55 บอสลับ
ลู่หยางเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างศพของฮันก้า ซึ่งหลังจากที่เขาเลือกเปิดช่องเก็บของอีก 2 วินาทีต่อมาแสงสีเงินอันสว่างเจิดจ้าก็ส่องประกายไปทั่วทั้งห้อง
“อุปกรณ์ระดับเงินอีกแล้ว!” ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความดีใจแล้วพากันเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้คืออุปกรณ์ของอาชีพอะไรกันแน่
ลู่หยางหยิบไอเท็มขึ้นมา ก่อนที่เขาจะทำการแชร์สถานะให้กับทุกคนได้ดู
“มันคือมีดสั้นแบล็คคริสตัลสำหรับโจร”
มีดสั้นแบล็คคริสตัล
พลังโจมตี 9-12
ความคล่องแคล่ว +3
พลังกาย +2
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคราวนี้มันจะต้องเป็นตาของฉัน ขอบคุณมากครับอาจารย์” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุพอ ๆ กับเซี่ยหยู่เว่ยเดินเข้ามาหาลู่หยางด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความดีใจ
ลู่หยางจำชายคนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเขาคือเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเซี่ยหยูเว่ยและหลานอวี่ ชื่อจริงของเขาคือเหลิ่งเฟิง ขณะที่ในเกมใช้ชื่อว่าเหลิ่งเฟิงไนท์
เซี่ยหยู่เว่ยและจางจื่อโป๋คิดว่าลู่หยางไม่รู้จักสหายคนนี้ พวกเขาจึงทำการแนะนำเหลิ่งเฟิงให้กับอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่าลู่หยางจะต้องแสร้งทำตัวว่าเขาไม่รู้จัก และหลังจากที่ได้พูดคุยกันไปอีกสักพัก เขาก็ทำการหยิบยื่นมีดสั้นให้กับอีกฝ่าย
“ในที่สุดฉันก็มีอาวุธระดับเงินแล้วโว้ย!” เหลิ่งเฟิงตะโกนอย่างดีใจ ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนมีดสั้นระดับหินเป็นมีดสั้นชิ้นใหม่ในทันที
ระหว่างนั้นเซี่ยหยู่เว่ยก็มองไปที่ลู่หยางด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเกรงใจ เพราะท้ายที่สุดตลอดทั้งการลงดันเจียนอีกฝ่ายก็ได้รับอุปกรณ์ระดับเงินไปเพียงแค่ชิ้นเดียว แต่ทีมของเธอกลับได้อุปกรณ์ระดับเงินมาถึงสองชิ้นและอุปกรณ์ระดับทองแดงมาอีกหนึ่งชิ้น ทั้ง ๆ ที่ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาลู่หยางคือคนที่คอยลงแรงช่วยเหลือทุกอย่างมาโดยตลอด ขณะที่พวกเธอแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เซี่ยหยู่เว่ยเดินไปหยุดตรงหน้าของลู่หยางด้วยท่าทางที่นอบน้อมลงกว่าเดิม ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า
“ลู่หยางขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ ถ้าหากคุณไม่รังเกียจฉันก็อยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ”
ชายหนุ่มชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าเซี่ยหยู่เว่ยจะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ แถมอีกฝ่ายยังแสดงความต้องการอยากจะเป็นเพื่อนกับเขาอีก
“ได้สิ ถือว่ามันเป็นเกียรติสำหรับฉันเหมือนกัน” ลู่หยางตอบ
ท้ายที่สุดในชาติที่แล้วเซี่ยหยู่เว่ยก็สามารถพัฒนาจนได้รับฉายาราชินีกุหลาบ ซึ่งถ้าหากว่ามันไม่มีอะไรผิดพลาดในชาตินี้เธอก็คงจะพัฒนาขึ้นไปอย่างโดดเด่นได้ด้วยเช่นเดียวกัน
“หลังจากนี้คุณจะเรียกฉันว่าหยู่เว่ยเหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ได้” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกมา
“ได้เลยหยู่เว่ย” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไปตอบรับด้วยเช่นกัน
หลานอวี่, เหลิ่งเฟิงและจางจื่อโป๋ต่างก็มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่หยู่เว่ยถ่อมตัวขนาดนี้ต่อหน้าเพื่อนรุ่นเดียวกัน” หลานอวี่กล่าว
เหลิ่งเฟิงกับจางจื่อโป๋ต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“อาจารย์สมกับเป็นอาจารย์จริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าแม้แต่คุณหนูผู้เย็นชาก็ยังถูกเขาละลายน้ำแข็งภายในใจลงไปได้”
เซี่ยหยู่เว่ยเริ่มมีเส้นกระตุกบนหน้าผาก ก่อนที่เธอจะหันไปมองเหลิ่งเฟิงกับจางจื่อโป๋แล้วพูดว่า
“ถ้าพวกนายยังพูดมาก คราวนี้ฉันได้กระทืบพวกนายแน่”
เหลิ่งเฟิงกับจางจื่อโป๋ต่างก็รีบปิดปากทันที
ลู่หยางหัวเราะให้กับภาพตรงหน้า แต่เขาก็จำได้ว่าทั้งเหลิ่งเฟิงและจางจื่อโป๋ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของเซี่ยหยู่เว่ย
“ลู่หยาง ตอนแรกคุณบอกว่าอยากให้พวกเราช่วยทำอะไรสักอย่าง เรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“อาจารย์ไม่ว่าคุณต้องการจะให้พวกเราช่วยอะไร พวกเราก็พร้อมที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้อย่างเต็มที่” เหลิ่งเฟิงกล่าว
“ฉันได้รับภารกิจพิเศษให้กำจัดบอสลับภายในดันเจียนนี้ ฉันเลยอยากขอความช่วยเหลือจากพวกคุณหน่อย” ลู่หยางตอบ
“มันอยู่ตรงไหนล่ะ?” จางจื่อโป๋ถาม
“พวกเราต้องนั่งเรือตามแม่น้ำใต้ดินเพื่อตามหามัน” ลู่หยางกล่าว
“นั่งเรือ?” ทุกคนมองลู่หยางด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ นั่งเรือ” ลู่หยางพูดย้ำอีกครั้ง
“เรือลำนี้มันแล่นได้ด้วยงั้นเหรอ?” แม้แต่เซี่ยหยู่เว่ยก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“น่าจะได้นะ ก็ภารกิจมันเขียนเอาไว้แบบนั้น ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องลองดูกันก่อน” ลู่หยางบอก
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็พาพวกจางจื่อโป๋ไปด้านหลังเรือเพื่อยกสมอขึ้นมาจากน้ำ และเมื่อไม่มีสมอคอยฉุดรั้งเอาไว้เรือโจรสลัดก็ค่อย ๆ แล่นไปตามกระแสน้ำอย่างอิสระ
“เรือมันขยับได้จริง ๆ ด้วย!” หลานอวี่ร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น
“เดี๋ยวฉันจะไปขับเรือเอง” ลู่หยางปล่อยให้พวกจางจื่อโป๋และนักสู้ระยะประชิดอยู่ท้ายเรือ ก่อนที่จะพาเซี่ยหยู่เว่ยและคนอื่น ๆ มาที่ห้องควบคุม
เหตุการณ์นี้ทำให้ชิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะถึงแม้กิลด์ของเขาจะเคลียร์ดันเจียนมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่ามันมีบอสลับซ่อนตัวอยู่ภายในดันเจียนแห่งนี้ด้วย
เพดานถ้ำอยู่สูงมากแล้วมันก็มีหินงอกหินย้อยให้เห็นอยู่ทั่วทุกที่ ผนังทั้งสองด้านของหน้าผาถูกประดับด้วยคบเพลิงส่องสว่างไปทั่วทั้งลำน้ำ
หลังจากเรือแล่นไปด้านหน้าได้ประมาณ 5 นาที ลู่หยางก็ได้พบกับชายฝั่งตื้น ๆ ที่สามารถนำเรือเข้าไปจอดได้
“หยู่เว่ยไปบอกให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม พวกเรากำลังจะขึ้นฝั่งกันแล้ว” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังชายฝั่ง
เซี่ยหยู่เว่ยพยักหน้ารับ ก่อนที่เธอจะออกจากห้องควบคุมไปเพื่อสั่งการบอกคนอื่น ๆ
หลังจากลู่หยางจอดเรือเรียบร้อยแล้ว เขาก็ให้พวกจางจื่อโป๋ทิ้งสมอและนำทุกคนกระโดดลงมาจากเรือโจรสลัด
ระบบ: วอลกินโบว์ระดับเงินที่คุณวางขายในร้านค้าประมูลถูกผู้เล่นซื้อไปในราคา 67 เหรียญเงิน
ลู่หยางชะงักค้างไปเล็กน้อยพร้อมกับคิดขึ้นมาภายในใจว่า
“โอ้โห! มีเศรษฐีเข้ามาภายในเกมจริงด้วยสินะ แล้วมันก็ไม่ได้มีเศรษฐีอยู่คนเดียวด้วย”
เซี่ยหยู่เว่ยเห็นลู่หยางยืนนิ่งไม่ขยับ เธอจึงเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือ?” หญิงสาวกล่าว
“ไม่มีอะไร ไปต่อกันเถอะ” ลู่หยางตอบพร้อมกับส่ายหน้า
ทุกคนเดินต่อไปข้างหน้าอีกประมาณ 5 นาที ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงลานกว้างที่มีรูปร่างเป็นทรงกลม
ลานกว้างแห่งนี้มีแนวน้ำรูปวงแหวนกว้าง 2 เมตรล้อมรอบเอาไว้ ซึ่งถ้าหากพวกเขาอยากจะเดินหน้าต่อไป มันก็มีเพียงทางเดียวนั่นก็คือการข้ามสะพานหินก่อนจะไปพบกับอุโมงค์ที่มืดทึบ
“ฉันจะไปสำรวจข้างหน้า ทุกคนรออยู่ตรงนี้ก่อน” ลู่หยางกล่าว
“ระวังตัวด้วย” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
ลู่หยางพยักหน้าก่อนที่เขาจะหยิบโคมไฟจากผนังแล้วเดินเข้าไปภายในอุโมงค์
ด้านในของอุโมงค์นี้คือเป้าหมายสูงสุดที่ลู่หยางกำลังตามหา และเขาคนนั้นนั่นก็คือจอมเวทแองโกโล่นั่นเอง
เดิมทีแองโกโล่คือผู้นับถือเทพอสูรเพลิง แต่เขาได้ทรยศต่อทวยเทพและยังเข้าร่วมในกองทัพเพื่อไล่ล่าเหล่าบรรดาผู้นับถือเทพอสูรอีกด้วย
ตามเนื้อเรื่องเทพอสูรเพลิงได้พ่ายแพ้ต่อกองทัพสวรรค์ก่อนที่จะถูกจองจำ เขาจึงทำการเปลี่ยนพลังที่หลงเหลือภายในร่างกายให้กลายเป็นคำสาปเพื่อลงโทษต่อเหล่าบรรดาผู้ทรยศ และในบรรดารายชื่อของผู้ทรยศมันก็มีชื่อของแองโกโล่รวมอยู่ด้วย
แองโกโร่ผู้ถูกสาปไม่สามารถใช้เวทเพลิงได้อีกต่อไปและเขาก็ยังหวาดกลัวเปลวไฟกับแสงสว่างมาก มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในดันเจียนเดทเคฟแห่งนี้นี่เอง
แต่ถึงแม้แองโกโล่จะใช้เวทไฟไม่ได้แต่เขาก็ยังมีความเชี่ยวชาญในเวทมนตร์แขนงอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่นเวทมนตร์น้ำแข็ง
ฟิ้ว!
ลู่หยางได้ยินเสียงลมหวีดหวิว เขาจึงรีบใช้แฟลชกระโจนหลบทันที
ร่างของชายหนุ่มกลายเป็นแสงสีขาวสว่างวาบ พร้อมกันนั้นลูกธนูน้ำแข็งก็พุ่งเข้าไปปักผนังถ้ำด้านข้างในตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่
หลังธนูน้ำแข็งตกกระทบผนังถ้ำบริเวณนั้นก็ถูกเกาะด้วยชั้นน้ำแข็งหนา ซึ่งลู่หยางก็เชื่อว่าหากเขาหลบการโจมตีไม่ทัน การโจมตีนี้ย่อมมากพอที่จะสังหารเขาลงไปแน่ ๆ
“ดับไฟซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!” เสียงของชายคนหนึ่งร้องคำรามด้วยความโกรธดังขึ้นมาแต่ไกล
ลู่หยางรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนี้คือแองโกโล่ เขาจึงหันไปทางต้นเสียงพร้อมกับสะบัดปล่อยเวทเบลซซิงเบิร์สออกไปในทันที
ตูม!
เบลซซิงเบิร์สปะทะเข้ากลางลำตัวของแองโกโล่เข้าอย่างจัง ก่อนที่เปลวไฟอันส่องสว่างจะเผยให้เห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดคลุมสีขาว
จอมเวทย์แองโกโล่ (ระดับลอร์ด)
เลเวล 10
พลังชีวิต 79,640/80,000
รอช็อคได้เลยพวกลูกทีมทั้งหลายยยยย