บทที่ 53 เสื้อคลุมเวทมนตร์ระดับเงิน
บทที่ 53 เสื้อคลุมเวทมนตร์ระดับเงิน
“มันเป็นเสื้อคลุมของนักเวท” ลู่หยางประกาศขณะทำการแชร์ข้อมูลของอุปกรณ์ไปให้กับทุกคน
เสื้อคลุมเวทมนตร์ (ระดับเงิน)
เลเวล 3
พลังป้องกัน 4-6
พลังกาย +4
สติปัญญา +5
พลังโจมตีเวท +16
อัตราคริติคอลทางเวทมนตร์ +8%
“โคตรดีเลย!” ปานชีเฉินกวงและนักเวทอีกสามคนต่างก็มองอุปกรณ์ตรงหน้าด้วยแววตาอันเป็นประกาย
ลู่หยางเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับอุปกรณ์ชิ้นนี้มาตั้งแต่การลงดันเจียนในครั้งแรกด้วยเช่นกัน เพราะมันคือเสื้อระดับสูงสุดของนักเวทในดันเจียนและมีโอกาสดรอปอยู่เพียงแค่ 1% เท่านั้น
“ตามที่ตกลงกันเอาไว้ อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นของฉัน” ลู่หยางกล่าว
“ตามนั้นเลย มันสมควรจะเป็นของคุณแล้ว” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว เพราะถ้าหากไม่มีลู่หยาง พวกเธอก็คงจะไม่สามารถเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้
แน่นอนว่าสมาชิกส่วนที่เหลือภายในทีมก็ไม่มีใครคิดจะคัดค้านขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“อาจารย์ ตอนนี้คุณมีพลังโจมตีเวทเท่าไหร่แล้ว?” จางจื่อโป๋ถาม
ลู่หยางทำการสวมเสื้อคลุมที่ได้รับมาใหม่ ก่อนที่เขาจะตอบว่า
“ตอนนี้พลังโจมตีเวทขึ้นมาเป็น 148 หน่วยแล้ว”
ทุกคน: “...”
“พลังโจมตีเวทของผมมีแค่ 29 หน่วยเอง” ปานชีเฉินกวงพูดด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย
“แบบนี้ผมก็คงรับการโจมตีจากอาจารย์ได้ไม่ถึงสองครั้งด้วยซ้ำ” จางจื่อโป๋กล่าวอย่างหดหู่
ในเวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้ารับด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความน่าสงสาร
ปฏิกิริยาของทุกคนทำให้ลู่หยางอึดอัดเล็กน้อย เขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พวกเราคือทีมเดียวกันนะ ตอนนี้ฉันสอนเทคนิคให้กับพวกคุณแล้วเชื่อว่าหลังจากนี้อีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ พวกคุณส่วนใหญ่ก็น่าจะรวบรวมอุปกรณ์ดี ๆ ได้ครบทั้งชุดเหมือนกัน”
“นั่นสินะ พวกเราสู้ ๆ! คราวนี้ทุกคนต้องพยายามจดจำเทคนิคจากอาจารย์ให้ได้มากที่สุดแล้วหลังจากนั้นพวกเราก็มาช่วยกันหาอุปกรณ์ของทุกคนให้ได้ภายใน 1 สัปดาห์” จางจื่อโป๋ตะโกนให้กำลังใจสมาชิกภายในทีม
“เฮ้!”
ทุกคนส่งเสียงขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เพราะถ้าหากพวกเขาได้รับอุปกรณ์ระดับทองแดงหรือระดับเหล็กตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น มันก็จะทำให้พวกเขามีความได้เปรียบเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ มาก
ลู่หยางแอบปรบมือให้จางจื่อโป๋ภายในใจและสมแล้วที่เขาคนนี้คือหัวหน้าทีมอันดับ 1 ภายใต้การดูแลของราชินีกุหลาบ
ในชาติที่แล้วเนื่องมาจากความปั่นป่วนที่เจิ้งหยวนได้สร้างขึ้นมา เซี่ยหยู่เว่ยจึงรักษาเมืองเอาไว้ได้เพียงแค่สองเมืองเท่านั้น แน่นอนว่าเมือง ๆ หนึ่งคือเมืองที่เธอปกป้องเอาไว้ได้ ส่วนอีกเมืองก็คือเมืองที่จางจื่อโป๋คอยนำทีมเป็นคนป้องกันเมืองเอาไว้นั่นเอง
“พวกเราไปต่อกันเถอะ บอสตัวต่อไปอยู่บนเรือ ทุกคนตามฉันมา” ลู่หยางกล่าว
ระหว่างท่าเรือกับเรือโจรสลัดเชื่อมต่อกันด้วยไม้กระดานที่มีความกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งลู่หยางได้นำทุกคนเดินตามไม้กระดานเพื่อขึ้นไปบนตัวเรือ
ดาดฟ้าของเรือค่อนข้างกว้างมาก โดยมันมีขนาดประมาณ 15×50 เมตร ห้องใต้ดาดฟ้าอยู่บริเวณท้ายเรือ ด้านบนดาดฟ้าเป็น 2 ชั้นแบบเปิดโล่งและมีโจรสลัดคอยเดินลาดตระเวนอยู่ทั้งหมดสี่คน
การแต่งกายของโจรสลัดเหล่านี้ค่อนข้างพิเศษ โดยพวกมันผูกผ้าสีแดงเอาไว้บนหัวราวกับเป็นการแสดงตัวตน
เมื่อลู่หยางนำทีมสังหารโจรสลัดทั้งสี่คน พวกเขาก็เข้าไปในห้องใต้ดาดฟ้าและทำการสังหารศัตรูไปเรื่อย ๆ และในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาจนถึงพื้นที่โซนพักผ่อนใต้ดาดฟ้า
ด้านหน้าคือชายวัยกลางคนที่สวมผ้าโพกหัวสีดำ ด้านขวาถูกปิดตาเอาไว้ด้วยผ้าสีดำ ทั่วทั้งตัวถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำ แม้กระทั่งมีดสั้นภายในมือของเขาก็ยังเป็นสีดำสนิท
ฮันก้า (บอส)
เลเวล 8
พลังชีวิต 50,000/50,000
“โคตรเท่เลย!” นักบวชสาวภายในทีมกล่าว
หลานอวี่และสาว ๆ คนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“นั่นมันบอสนะ” ลู่หยางกล่าว
“หา?”
“นี่พวกคุณไม่เคยดูประกาศจับหน้าประตูเมืองเลยงั้นเหรอ?” ลู่หยางถาม
“ไม่เคย” ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าพร้อมกัน
“เมื่อก่อนฮันก้าเคยเป็นหัวหน้าหน่วยลอบสังหารของจักรวรรดิฟาลส์ ท่าไม้ตายของเขาคือรีเวิร์สเบลดที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ 8 คนพร้อมกัน ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นแขนขาดตาบอด แต่เขาก็ยังคงเป็น 1 ใน 10 บุคคลที่อันตรายที่สุดจนทางเมืองได้มีประกาศจับออกมา” ลู่หยางอธิบาย
“ทุกคนต้องระวังสกิลรีเวิร์สเบลดของมันเอาไว้ให้ดี พลังโจมตีของสกิลนี้อยู่ที่ประมาณสองเท่าของการโจมตีปกติ ตอนที่พวกเรามาสู้กับบอสครั้งแรกพวกเรายังไม่รู้เรื่องสกิลนี้ ท้ายที่สุดก็คือเราเสียผู้เล่นระยะประชิดไปแปดคนรวมถึงตัวฉันด้วย ยิ่งในตอนนี้พวกเรากำลังลงดันเจียนระดับอีปิค พลังโจมตีของบอสมันก็น่าจะสูงขึ้นกว่าเดิม” ชิงเฟิงกล่าวเตือน
“มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” จางจื่อโป๋ถาม
“ไม่ต้องห่วง เฮ่ยเจียจะเป็นคนแทงค์บอสเอาไว้เอง เขามีสกิลชิลด์วอลล์การแทงค์บอสไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” ลู่หยางกล่าว
“คราวนี้พวกเราคงจำเป็นจะต้องพึ่งเฮ่ยเจียแล้ว” ชิงเฟิงกล่าว
“เอาล่ะทุกคนตรวจสอบพลังชีวิตกับมานาของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าใครมีปัญหาให้ยกมือขึ้นได้เลย” ลู่หยางปรบมือกระตุ้นสมาชิกภายในทีม
ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่มีใครมีปัญหา
“เฮ่ยเจียเข้าไปแทงค์บอสได้เลย หลังจากที่เขาใช้สกิลอาร์มเมอร์เบรค 3 ครั้ง ทุกคนค่อยโจมตี ส่วนนักบวชทุกคนโฟกัสฮีลไปที่เฮ่ยเจียเพียงคนเดียว”
เมื่อได้รับคำสั่งเสี่ยวเหลียงก็ยกโล่พร้อมกับใช้สกิลชาร์จพุ่งเข้าหาบอส
-27
“ผู้ขัดขวางการฟื้นฟูจักรวรรดิจักรวรรดิฟาลส์จงตายซะ!” ฮันก้าพลิกมีดสั้นพร้อมกับแทงเข้าใส่เสี่ยวเหลียง
-254
มีดสั้นเล่มนี้หลบหลีกโล่ของเสี่ยวเหลียงอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่มันจะแทงเข้าใส่เอวของชายหนุ่มอย่างแม่นยำ
“เร็วมาก!” เสี่ยวเหลียงอุทานอย่างตกใจ
“อื้อหือ! นี่ถ้าเป็นฉันคงจะตายไปแล้ว” จางจื่อโป๋พูดกับเซี่ยหยู่เว่ย
“ไม่น่าเชื่อว่าบอสจะโจมตีจากด้านข้างแบบนี้ การสู้กับมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“ครั้งแรกทีมของเราก็ตายเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าลู่หยางจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ไหม?” ชิงเฟิงกล่าว
“นักบวชฮีล!” ลู่หยางตะโกนสั่ง
+57, +49, +49, +49, +49
ตัวเลขการฮีล 5 ครั้งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเสี่ยวเหลียงติดต่อกันช่วยให้เขารอดพ้นมาจากขีดอันตราย แต่หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปอีก 1 วินาที ฮันก้าก็เคลื่อนที่ไปด้านข้างพร้อมกับแทงมีดเข้าใส่สีข้างของเสี่ยวเหลียงอีกครั้ง
-252
“ลูกพี่ทำยังไงดี? ผมหลบการโจมตีของมันไม่ได้!” เสี่ยวเหลียงตะโกนอย่างร้อนรน เพราะเขามีพลังชีวิตเพียงแค่ 500 กว่าหน่วย หากเขาถูกจู่โจมติด ๆ กันสามครั้งเขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
“ใจเย็น ๆ ดึงบอสไปที่มุมห้องแบบนั้นนายก็จะไม่โดนการโจมตีจากด้านข้างแล้ว” ลู่หยางตอบอย่างใจเย็น
“เฮ้ย จริงด้วย!”
ชิงเฟิง, เซี่ยหยูเว่ยและเสี่ยวเหลียงต่างก็เบิกตากว้างขึ้นมา
เสี่ยวเหลียงรีบถอยหลังใช้ประโยชน์จากมุมห้องแล้วยกโล่ขึ้นมาเพื่อปกปิดการโจมตีจากด้านหน้า และการเคลื่อนไหวนี้มันก็ไม่มีช่องว่างให้บอสเข้าจู่โจมจากด้านข้างอีกต่อไป
เมื่อฮันก้าหาช่องว่างในการโจมตีไม่ได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากโจมตีเข้าใส่โล่ของเสี่ยวเหลียงเท่านั้น
-188
“ขนาดโจมตีเข้าใส่โล่ยังแรงขนาดนี้เลยเหรอ? พลังป้องกันของเฮ่ยเจียอยู่ที่ประมาณ 130 แบบนี้มันก็หมายความว่าพลังโจมตีของบอสมีอยู่มากกว่า 300”
พลังโจมตีของมันสูงกว่าโอเกอร์คลิฟที่เป็นบอสตัวแรกอีก และความเร็วในการโจมตีของมันก็สูงกว่าคลิฟเยอะเลยด้วย”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฮันก้า เสี่ยวเหลียงก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวมากนัก และเขาก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานกว่า 8 วินาทีจึงจะใช้สกิลอาร์มเมอร์เบรคครบ 3 ครั้ง
“ทุกคนโจมตีเต็มกำลัง! นักสู้ระยะประชิดคอยฟังคำสั่งเอาไว้ให้ดี ๆ ถ้าฉันบอกให้หนีก็รีบถอยกลับมาโดยเร็วที่สุด!!” ลู่หยางตะโกนสั่งพลางใช้สกิลคอมบัสชันเข้าใส่ฮันก้า
“ครับ/ค่ะ” เซี่ยหยู่เว่ยและนักสู้ระยะประชิดคนอื่น ๆ ต่างก็ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อสกิลคอมบัสชันซ้อนทับกันครบ 5 ครั้ง ไฟร์บอลของลู่หยางก็สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าครั้งละ 245 หน่วย
อย่างไรก็ตามคราวนี้ลู่หยางก็ไม่ได้เล็งโจมตีไปที่หัวของบอส เพราะถ้าหากมันเกิดการโจมตีแบบคริติคอลขึ้นมา ฮันก้าจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาอย่างแน่นอน ซึ่งในเวลานั้นมันก็จะทำให้การเคลื่อนไหวของบอสไม่ได้เป็นไปตามการควบคุม
นอกจากนี้เหล่าบรรดานักสู้ระยะประชิดของทีมยังไม่มีใครมีพลังชีวิตเกินกว่า 200 แต้มเลยแม้แต่คนเดียว หากพวกเขาถูกบอสโจมตีสวนเข้าไปแม้แต่เพียงครั้งเดียว พวกเขาก็จะตายอย่างแน่นอน
ว่าแล้ว!! ไอเท็มที่ดรอปของนักเวทจริงด้วย มีใครเดาถูกเหมือนกันบ้าง…