บทที่ 51 นายทำไม่ได้หรอก
บทที่ 51 นายทำไม่ได้หรอก
“ทำไมล่ะ?” เซี่ยหยูเว่ยถาม
ลู่หยางอยากจะบอกเธอไปเหมือนกันว่าเขาต้องฝึกฝนการเคลื่อนไหวนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานานกว่าสามเดือนถึงจะเข้าใจมุมองศาและระยะเวลาในการเคลื่อนไหว มันจึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่เจิ้งหยวนจะสามารถทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบภายใต้การเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว
อีกอย่างรีซิสท์ไฟร์ริงเป็นสกิลที่จะผลักได้แค่มอนสเตอร์ที่มีเลเวลต่ำกว่าตัวเอง แล้วในตอนนี้เจิ้งหยวนก็เพิ่งเลเวล 3 ในขณะที่มอนสเตอร์มีเลเวล 5 แม้เจิ้งหยวนจะเคลื่อนไหวได้อย่างไม่มีปัญหาแต่ท้ายที่สุดรีซิสท์ไฟร์ริงของเขาก็ไม่สามารถที่จะผลักมอนสเตอร์ออกไปได้อยู่ดี
ในระหว่างชายหนุ่มกำลังจะอธิบาย เจิ้งหยวนก็ตะโกนขึ้นมาซะก่อน
“ทุกคนพร้อมนะ ฉันกำลังจะเริ่มแล้ว!”
พริบตาต่อมามันก็มีแสงสว่างห่อหุ้มร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนที่ทุกคนจะได้เห็นเจิ้งหยวนกระโดดเข้าไปกลางฝูงนักรบเกราะหนัก
“ศัตรูบุก!” นักรบเกราะหนักยกโล่ขึ้นฟาดเจิ้งหยวนในทันที
ชิลด์แบช: ใช้โล่ฟาดเข้าใส่ศัตรูอย่างแรง ทำให้เป้าหมายมึนงงเป็นเวลา 2 วินาที
เจิ้งหยวนสลบไปในทันที จากนั้นทุกคนก็เห็นหอกอีกเจ็ดเล่มที่แทงเข้าไปภายในร่างของอีกฝ่ายพร้อมกัน
ระบบ: ผู้เล่นเจิ้งหยวนเสียชีวิต!
เซี่ยหยูเว่ย: “...”
หลันหยู: “...”
จางจื่อโป๋และคนอื่นๆ: “...”
ชิงเฟิง: “...”
ลู่หยางยักไหล่และพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้เรียนรู้แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐานของสกิลบลิ๊งค์เลยสินะ”
ชิงเฟิงหัวเราะจนปวดท้อง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“ขอโทษด้วย ฉันทนไม่ไหวแล้ว! นี่เขาถึงกับกล้ากระโดดไปปรากฏตัวตรงหน้ามอนสเตอร์แบบนั้นเลยงั้นเหรอ”
เซี่ยหยู่เว่ยอับอายจนหน้าแดงไปหมด เพราะในครั้งนี้เจิ้งหยวนทำให้เธออยากจะมุดแผ่นดินหนีไปจากตรงนี้จริง ๆ
“ขอโทษพวกคุณด้วยที่คนของเราทำให้ต้องเสียเวลา” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“ไม่เป็นไร พวกเรารอเขาตรงนี้สักพักก็ได้” ลู่หยางกล่าวโดยถือโอกาสใช้ช่วงเวลานี้สำหรับการพักผ่อน
เซี่ยหยู่เว่ยมองลู่หยางด้วยความขอบคุณ
ในที่สุดเจิ้งหยวนก็กลับมาอีกครั้งและเมื่อเขาได้เจอทุกคน เขาก็พูดขึ้นมาว่า
“เมื่อกี้พลาดไปหน่อย ฉันขอลองใหม่อีกครั้ง”
“นี่นายอยากจะลองอีกเหรอ?” เซี่ยหยู่เว่ยถามอย่างร้อนใจ
“เมื่อกี้มันแค่บังเอิญ เธอเชื่อฉันสิว่าฉันทำได้” เจิ้งหยวนกล่าวอย่างมั่นใจ
ในระหว่างที่เซี่ยหยู่เว่ยกำลังจะออกปากห้าม ลู่หยางก็ได้ทำมือเชื้อเชิญและพูดขึ้นมาซะก่อนว่า
“เชิญเลย ตามสบาย”
“ระวังตัวด้วย” เซี่ยหยู่เว่ยทำได้เพียงแค่เตือนขึ้นมาเบา ๆ และกลืนคำพูดทุกอย่างกลับไปอย่างเงียบ ๆ
“วางใจได้ คราวนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน” เจิ้งหยวนกลับไปยังตำแหน่งเดิม ซึ่งหลังจากที่เขาเฝ้ารออยู่นาน ชายหนุ่มเจ้าสำราญก็เริ่มใช้สกิลบลิ๊งค์ออกมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เจิ้งหยวนกระโดดเข้าไปท่ามกลางนักรบเกราะหนักทั้งแปดตัวได้สำเร็จ แต่ตำแหน่งที่เขาปรากฏตัวค่อนข้างที่จะอยู่ห่างเกินไปสักหน่อย
“ศัตรูบุก!” นักรบเกราะหนักร้องคำราม ก่อนที่มันจะใช้สกิลชาร์จใส่เจิ้งหยวน
เจิ้งหยวนยังไม่ทันได้ใช้สกิลรีซิสท์ไฟร์ริงก็ถูกทำให้มึนงงอยู่กับที่ จากนั้นทุกคนก็ได้เห็นหอกแทงร่างอีกฝ่ายจนตายอีกครั้ง
ทุกคน: “...”
“น่าสงสารจริง ๆ” ชิงเฟิงกล่าว
“ทำไมมอนสเตอร์พวกนี้ถึงใช้สกิลชาร์จได้ด้วยล่ะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“ตอนที่อาจารย์เข้าไปไม่เห็นพวกมันใช้สกิลชาร์จออกมาเลย?” จางจื่อโป๋กล่าว
ชิงเฟิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่เขาจะอธิบายขึ้นมาว่า
“นักรบคนไหนจะไม่มีสกิลชาร์จบ้าง? พวกเรามีสกิลอะไร พวก NPC ก็มีสกิลแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ”
“แล้วทำไมพวกมันถึงไม่ได้ใช้สกิลชาร์จกับอาจารย์ล่ะ?” หลานอวี่ถามอย่างสงสัย
“นั่นก็เพราะจังหวะที่พี่ลู่หยางปรากฏตัวเข้าไปมันแม่นยำมากเลยยังไงล่ะ” ชิงเฟิงตอบ
พวกเซี่ยหยู่เว่ยต่างก็แสดงสีหน้าขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
ชิงเฟิงส่ายหัวและพูดว่า
“พวกคุณรู้จัก ‘สุดขอบสกิล’ ไหม?”
พวกเซี่ยหยู่เว่ยยังคงแสดงสีหน้าสับสนอยู่เช่นเดิม
“นี่พวกคุณไม่รู้จักแม้กระทั่งเทคนิค PK ขั้นพื้นฐานเลยเหรอเนี่ย?! ฉันขอชื่นชมพวกคุณจริง ๆ ที่กล้าตั้งสตูดิโอขึ้นมา”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน ‘สุดขอบสกิล’ คือการยืนอยู่ในตำแหน่งนอกระยะการใช้สกิลของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ ยกตัวอย่างเช่น สกิลชาร์จของนักรบที่ตามกฎมันมีระยะการใช้งานไกลสุดที่ 30 เมตรและระยะใกล้ที่สุดคือ 2 เมตร”
“ถ้าเป้าหมายยืนนอกระยะ 30 เมตรนักรบก็ไม่สามารถที่จะใช้สกิลชาร์จได้ ในทำนองเดียวกันถ้าหากเป้าหมายยืนอยู่ในระยะไม่ถึง 2 เมตร นักรบก็ไม่สามารถที่จะใช้สกิลชาร์จได้ด้วยเหมือนกัน”
“เจิ้งหยวนคิดว่าเขากระโดดเข้าไปในตำแหน่งที่พอดี แต่เขาไม่รู้เลยว่าตำแหน่งที่ตัวเองกระโดดเข้าไปอยู่ห่างจากนักรบเกราะหนักคนแรกมากกว่า 2 เมตร หากนักรบคนนั้นไม่ได้ใช้สกิลชาร์จเพื่อโจมตีมันก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว”
“มันมีเทคนิคแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย!” หลานอวี่พูดอย่างประหลาดใจ
ชิงเฟิงพยักหน้าและพูดว่า
“มีสิ และมันก็ไม่ใช่เทคนิคที่จะฝึกกันได้ง่าย ๆ ด้วย ก่อนหน้านี้พวกคุณคงจะคิดว่าการกระโดดของพี่ลู่หยางเป็นเพียงแค่การกระโดดง่าย ๆ แต่ความจริงแล้วมันเป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้เทคนิคที่สูงมาก ซึ่งนอกเหนือจากการกระโดดเข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะสม พี่ลู่หยางยังย่อตัวลงในขณะที่ใช้สกิลรีซิสท์ไฟร์ริงเพื่อหามุมในการผลักมอนสเตอร์ให้กระเด็นออกไปด้วย พวกคุณคิดว่าเจิ้งหยวนรู้มุมในการผลักมอนสเตอร์ด้วยหรือเปล่า?”
ในที่สุดพวกเซี่ยหยู่เว่ยก็เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่ลู่หยางได้ทำลงไป และทันใดนั้นสายตาที่พวกเขามองไปยังชายหนุ่มมันก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
“ที่แท้มันก็มีรายละเอียดพวกนี้ซ่อนอยู่นี่เอง” จางจื่อโป๋กล่าว
“อย่าลืมสิว่าตอนนี้พวกเรากำลังลงดันเจียนระดับอีปิค ซึ่งเป็นดันเจียนระดับสูงสุดที่แม้แต่กิลด์เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่ของฉันก็ยังไม่กล้าเข้ามาแตะ” ชิงเฟิงเน้นย้ำอีกครั้ง
ในที่สุดพวกเซี่ยหยู่เว่ยก็รู้ตัวว่าพวกเธอประเมินดันเจียนแห่งนี้ต่ำเกินไปและประเมินความสามารถของตัวเองสูงจนเกินไป แท้ที่จริงสาเหตุที่ทุกคนมาจนถึงตรงนี้ได้นั่นก็เพราะความช่วยเหลือจากลู่หยางทั้งนั้น
ระหว่างนั้นเจิ้งหยวนก็กลับเข้ามารวมทีม โดยในคราวนี้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอับอายเนื่องมาจากความล้มเหลวซ้อน ๆ กันถึงสองครั้ง
“หยู่เว่ย ขอฉัน…”
ระหว่างที่เจิ้งหยวนกำลังพูดขึ้นมา เซี่ยหยู่เว่ยก็พูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“เจิ้งหยวน ความสามารถของนายตอนนี้ยังเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้หรอก อย่าเสียเวลาเลย”
ความผิดพลาดในก่อนหน้านี้ทำให้เจิ้งหยวนรู้สึกอับอายมากอยู่แล้ว ยิ่งเซี่ยหยู่เว่ยพูดแบบนี้กับเขาต่อหน้าคนอื่น มันจึงยิ่งทำให้เจิ้งหยวนเต็มไปด้วยความโกรธ
“ฉันทำให้คนอื่นเสียเวลาตรงไหน?”
“นายพลาดไปแล้ว 2 ครั้ง พวกเราไม่มีเวลามารอนายหรอกนะ ตอนนี้นายอยู่เฉย ๆ เถอะแล้วให้ลู่หยางเป็นคนลงมือ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ ตั้งแต่เข้าดันเจียนมาฉันก็อดทนมาตั้งนานแล้ว ทำไมเธอถึงต้องเข้าข้างไอ้หมอนั่นทุกเรื่อง นี่มันก็แค่การลงดันเจียนปกติไม่ใช่หรือไง ทำไมเธอไม่ถวายตัวให้มันไปเลยล่ะ!” เจิ้งหยวนพูดด้วยความโกรธ
สีหน้าของเซี่ยหยู่เว่ยบิดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียด เพราะเธอไม่คิดว่าเจิ้งหยวนจะพูดคำพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
“ออกจากทีมไปซะ! ฉันไม่ต้องการเพื่อนร่วมทีมอย่างนาย!!”
“นี่เธอจะมาทะเลาะกับฉันเพราะคนนอกงั้นเหรอ?!” เจิ้งหยวนพูดอย่างไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะออฟไลน์ออกไปในทันที
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอึดอัดอย่างกะทันหัน ลู่หยางจึงพยายามพูดขึ้นมาว่า
“ขอโทษด้วยนะ ไม่คิดว่าฉันจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกคุณต้องทะเลาะกัน”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของเจิ้งหยวนคนเดียว” เซี่ยหยู่เว่ยพูดพร้อมกับส่ายหัว
คราวนี้พวกจางจื่อโป๋ไม่มีใครพูดแทนเจิ้งหยวนอีกต่อไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาลู่หยางพยายามอดทนกับเจิ้งหยวนมานานมากแล้ว ยิ่งในตอนนี้อีกฝ่ายก็เป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาเอง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับลู่หยางเลย
“อาจารย์ พวกเราเดินทางต่อกันเถอะ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
ลู่หยางพยักหน้าก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นลำแสงสีขาวไปปรากฏตัวตรงกลางนักรบเกราะหนัก
รีซิสท์ไฟร์ริง!
นักรบเกราะหนักถูกแยกออกเป็นสองกลุ่มอีกครั้ง โดยกลุ่มหนึ่งถูกผลักร่วงหล่นลงไปในร่องระบายน้ำ ขณะที่อีกกลุ่มถูกผลักลงไปในแม่น้ำใต้ดิน
“ชิงเฟิง! เฮ่ยเจีย! เตรียมตัว!!” ลู่หยางตะโกน
พวกเซี่ยหยู่เว่ยต่างก็มองการเคลื่อนไหวของลู่หยางอย่างใกล้ชิด และเมื่อพวกเขาได้รู้ถึงรายละเอียดของการเคลื่อนไหวแล้วมันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังรับงานชมศิลปะชิ้นหนึ่ง
สมบูรณ์แบบจริง ๆ!
หาาาา! ออฟไลน์ทิ้งตี้แบบนี้เลยเหรอ?!