บทที่ 50 เทคนิคขั้นเทพ
บทที่ 50 เทคนิคขั้นเทพ
อย่างไรก็ตามการใช้บัคนี้จำเป็นจะต้องใช้ทักษะของนักเวทธาตุไฟที่สูงมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นความเร็ว, มุมตกกระทบหรือจังหวะเวลา ทุกอย่างต่างก็ล้วนแล้วแต่จะต้องถูกคำนวณเอาไว้อย่างแม่นยำ
ลู่หยางไม่ได้ใช้บัคนี้มานานมากแล้วเขาจึงใช้ช่วงเวลาที่นักรบเกราะหนักกำลังเดินลาดตระเวนเข้าไปดูร่องระบายน้ำ และหลังจากที่ชายหนุ่มหาตำแหน่งที่เหมาะสมได้แล้วเขาก็เดินทางกลับไปหาสมาชิกภายในทีม
“เป็นยังไงบ้างครับ? พอจะมีวิธีการอะไรดี ๆ ไหม?” ชิงเฟิงถามแล้วเขาก็รู้สึกได้ว่าลู่หยางน่าจะหาวิธีได้แล้ว
เซี่ยหยูเว่ย, จางจื่อโป๋และคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ลู่หยางอย่างคาดหวังด้วยเช่นกัน
“ฉันหาวิธีได้แล้วทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” ลู่หยางกล่าว
ระหว่างที่สมาชิกภายในทีมกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เซี่ยหยู่เว่ยก็ถามขึ้นมาว่า
“พวกเราจะสู้ยังไง?”
ลู่หยางหันไปมองนักรบเกราะหนักที่กำลังเดินเข้ามายังตำแหน่งที่เขาเตรียมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปากและพูดว่า
“ง่ายมาก”
พริบตาต่อมาร่างกายของชายหนุ่มก็กลายเป็นลำแสงหายไปอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นระหว่างนักรบเกราะหนักทั้งสองแถว
“นี่มัน...?” ทุกคนตกตะลึง
“มีศัตรู! สังหารผู้บุกรุก!” นักรบเกราะหนักพูดขึ้นมาทันทีที่พวกมันได้เห็นการปรากฏตัวของลู่หยาง ก่อนที่หอกเหล็กกล้าทั้งแปดเล่มจะพุ่งเข้าหาชายหนุ่มพร้อม ๆ กัน
มอนสเตอร์ระดับอีลิทมีพลังโจมตีประมาณ 1 ใน 3 ของบอส ขณะที่ลู่หยางมีพลังป้องกันไม่ถึง 15 หน่วยและมีพลังชีวิตไม่ถึง 300 หน่วย หากเขาพลาดท่าถูกหอกทั้งแปดเล่มจู่โจมเข้าใส่พร้อม ๆ กัน ในเวลานั้นเขาก็จะต้องเสียชีวิตลงไปอย่างแน่นอน
ขณะที่พวกเซี่ยหยู่เว่ยกำลังคิดว่าลู่หยางจะถูกหอกแทงตาย ชายหนุ่มก็ได้ย่อตัวลงพึมพำคาถาในลำคอ ก่อนที่มันจะเกิดวงแหวนเปลวไฟพุ่งกระจายออกไปรอบด้าน
“รีซิสท์ไฟร์ริง!”
ตูม!
นักรบเกราะหนักทั้งสองฝั่งถูกผลักให้กระเด็นกันไปคนละทิศทาง โดยนักรบทางฝั่งขวาถูกผลักให้ตกลงไปในแม่น้ำ ขณะที่นักรบทางฝั่งซ้ายถูกผลักให้ตกลงไปในร่องระบายน้ำ และไม่ว่ามันจะดิ้นรนยังไงมันก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากร่องระบายน้ำได้
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น
“มีวิธีแบบนี้ด้วย!”
“สวยมาก! นี่มันเป็นไอเดียที่แจ๋วไปเลย!!”
“ชิงเฟิง! เฮ่ยเจีย! เตรียมตัวให้พร้อม!! พอนักรบเกราะดำทั้งสี่ตัวนั้นขึ้นจากน้ำให้พวกคุณแบ่งกันไปชนกับพวกมันเอาไว้คนละสองตัว” ลู่หยางสั่งการ
“ครับ!” ชิงเฟิงขานรับพร้อมกับถือโล่ขนาดใหญ่พุ่งชาร์จเข้าใส่นักรบเกราะหนักตัวแรกที่กำลังปีนขึ้นฝั่ง จากนั้นเขาก็ใช้สกิลยั่วยุเพื่อดึงนักรบเกราะหนักอีกตัวหนึ่งเอาไว้
เสี่ยวเหลียงก็เคลื่อนไหวในทำนองเดียวกันเพื่อทำการดึงนักรบเกราะหนักที่เหลืออีกสองตัว
“ให้เวลาชิงเฟิงลดเกราะมัน 5 วินาที จากนั้นให้ทุกคนช่วยฉันโจมตีมอนสเตอร์ที่ชิงเฟิงดึงเอาไว้ก่อน” ลู่หยางสั่ง
หลังจากสั่งการจนจบชายหนุ่มก็ใช้ฟังก์ชั่นทำเครื่องหมายลูกศรสามเหลี่ยมเหนือหัวมอนสเตอร์ ซึ่งมันจะช่วยให้สมาชิกเข้าใจคำสั่งของผู้นำทีมได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ผู้เล่นทั้ง 12 คนเริ่มทำการจู่โจมพร้อมกัน และเนื่องจากลู่หยางเป็นคนนำทีม มอนสเตอร์ทั้งสี่จึงถูกสังหารภายในเวลาไม่ถึง 3 นาที ส่วนอีกด้านหนึ่งนักรบเกราะหนักทั้งสี่ที่ยังคงติดอยู่ในร่องระบายน้ำก็ยังไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาด้านบนได้
“เยี่ยม! แบบนี้ก็ง่ายเลย” จางจื่อโป๋กล่าว
“พวกเราไม่จำเป็นจะต้องแทงค์พวกมันเอาไว้แล้วใช่ไหม?” ชิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องแล้ว พวกมันออกมาไม่ได้หรอก พวกนักเวทค่อย ๆ โจมตีไปไม่ต้องรีบร้อน” ลู่หยางกล่าว
“ครับ” ปานชีเฉินกวงและนักเวทอีก 3 คนพูดพร้อมกัน
เดิมทีมานาของพวกเขาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว หากการต่อสู้ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือดเช่นเดิม ในเวลานั้นมานาของพวกเขาย่อมไม่เพียงพออย่างแน่นอน แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ถึงแม้มานาของพวกเขาจะหมด แต่พวกเขาก็สามารถรอให้มานาฟื้นฟูขึ้นมาอย่างช้า ๆ และสามารถโจมตีได้อย่างสบายใจ
“อาจารย์ คุณโคตรเก่งเลย! คิดวิธีแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง” ชิงเฟิงกล่าวอย่างชื่นชม
“นี่คือเทคนิคชั้นยอดจริง ๆ ฉันเชื่อว่าตอนนี้ทั้งเกมคงจะมีคนเลียนแบบคุณได้แค่ไม่กี่คน” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวเสริม
“ไม่หรอก ฉันคิดว่าตอนนี้คงจะมีพี่ลู่หยางเพียงคนเดียวที่สามารถทำแบบนั้นได้ อย่างน้อยในกิลด์เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่กับโอเวอร์ลอร์ดของฉงป้าที่มีสมาชิกรวมกันนับแสนคนก็ไม่มีใครเลียนแบบการเคลื่อนไหวแบบนี้ได้” ชิงเฟิงพูดพร้อมกับส่ายหน้า
หลานอวี่และเซี่ยหยู่เว่ยมองไปทางชิงเฟิงด้วยความประหลาดใจ เพราะพวกเธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยกย่องลู่หยางขนาดนี้
“นี่ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ พวกคุณอาจจะเพิ่งรู้จักโหมดอิสระ แต่หัวหน้ากิลด์ของเรารู้จักโหมดอิสระตั้งแต่ก่อนเปิดเซิร์ฟแล้ว หลังเข้าเกมพวกเราก็ฝึกเล่นโหมดอิสระมาโดยตลอด สาเหตุที่ฉันสามารถแทงค์บอสได้นั้นก็เพราะโหมดอิสระเนี่ยแหละ แต่เทคนิคที่พี่ลู่หยางเพิ่งแสดงออกมา มันเป็นสิ่งที่ยากมากเกินไปและแม้แต่นักเวทในกิลด์ของฉันหรือกิลด์ของฉงป้าต่างก็ไม่มีทางที่จะเลียนแบบการเคลื่อนไหวนั้นได้ง่าย ๆ” ชิงเฟิงกล่าว
ความจริงแล้วสิ่งที่ชิงเฟิงพูดออกไปยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะในจังหวะที่ลู่หยางบลิ๊งค์เข้าไปในฝูงมอนสเตอร์ ชายหนุ่มได้ย่อตัวก่อนที่จะใช้รีซิสท์ไฟร์ริงออกมาด้วย
การย่อตัวเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้นักรบเกราะหนักกระเด็นลงไปในท่อระบายน้ำได้ อีกทั้งการเลือกมุมในการกระแทกออกไปย่อมไม่ใช่สิ่งที่จะเลียนแบบได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน เพราะถ้าหากมุมโจมตีอยู่ต่ำมากจนเกินไปมอนสเตอร์ก็จะกระเด็นไปชนกำแพงแล้วกระเด้งกลับมา ขณะที่ถ้าหากมุมโจมตีอยู่สูงเกินไปนักรบเกราะหนักก็จะกระเด็นไปไม่ถึงร่องระบายน้ำด้วยเช่นกัน
หลานอวี่มองลู่หยางด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า
“อาจารย์ คุณนี่เทพจริง ๆ”
“ฉันไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก มันเป็นเพียงแค่เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกคนไม่จำเป็นจะต้องพูดชมมากขนาดนั้น” ลู่หยางกล่าวอย่างถ่อมตัว
ชิงเฟิงเผยรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไรขึ้นมาอีกและเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าทันทีที่เขาออกไปจากดันเจียนได้สำเร็จ เขาจะทำการส่งวิดีโอไปให้กับฉือมู่เพื่อให้นักเวทภายในกิลด์เริ่มฝึกใช้โหมดอิสระโดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของลู่หยาง
ไม่นานนักรบเกราะหนักทั้งสี่คนที่ติดอยู่ในช่องระบายน้ำก็ถูกสังหาร ทุกคนจึงเริ่มออกเดินทางกันต่อ
หลังจากเดินไปสักพัก ชิงเฟิงที่นำอยู่ด้านหน้าก็พูดขึ้นมาว่า
“ข้างหน้ามีนักรบเกราะหนักอีกแปดตัว คราวนี้พวกเราคงต้องรบกวนพี่ลู่หยางอีกแล้ว”
ชายหนุ่มกำลังจะตอบตกลง แต่ทันใดนั้นมันก็มีเสียงกวน ๆ ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน!”
ทุกคนต่างก็รีบมองไปทางต้นเสียงในทันทีและได้พบว่าผู้ที่พูดประโยคนี้ขึ้นมาแท้ที่จริงแล้วคือเจิ้งหยวน
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” ชิงเฟิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซี่ยหยู่เว่ยพยายามกลั้นอารมณ์และถามขึ้นมาว่า
“นายกำลังจะทำอะไรอีก?”
เมื่อเจิ้งหยวนเห็นทุกคนกำลังจ้องมองมาเขาก็เชิดหน้าอกอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นเขาก็เดินไปด้านหน้าลู่หยางและพูดขึ้นมาว่า
“เมื่อกี้ฉันฟังทุกคนพูดแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะยากมาก ฉันเลยอยากจะลองดูบ้าง”
“นายกำลังจะทำบ้าอะไรเนี่ย?!” เซี่ยหยู่เว่ยพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เจิ้งหยวนให้อาจารย์เขาเป็นคนลงมือเถอะ เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป” หลานอวี่กล่าว
“ก็แค่บลิ๊งค์แล้วก็ใช้รีซิสท์ไฟร์ริงเท่านั้นเอง มันจะไปยากตรงไหน? สกิลสองสกิลนี้ฉันก็มีอยู่เหมือนกัน” เจิ้งหยวนกล่าวอย่างไม่พอใจ
ขณะนี้มันไม่ใช่เพียงหลานอวี่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะแม้แต่เซี่ยหยู่เว่ยก็กำลังเข้าข้างลู่หยางมากขึ้นเรื่อย ๆ เจิ้งหยวนจึงอยากจะเหยียบย่ำลู่หยางต่อหน้าสาว ๆ เพื่อบอกว่าเรื่องแค่นี้เขาก็สามารถทำได้ด้วยเหมือนกัน
“ถ้าคุณไม่มีปัญหาฉันไปแล้วนะ ขอทางหน่อย” เจิ้งหยวนกล่าวขณะจ้องหน้าลู่หยาง
ชายหนุ่มอดที่จะขำขึ้นมาไม่ได้ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“เชิญเลย แต่ฉันขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าคุณทำไม่ได้หรอก เกิดตายขึ้นมาก็อย่ามาโทษกันทีหลังล่ะ”
“พูดอย่างกับมันยากมากขนาดนั้นแหละ!” เจิ้งหยวนพูดอย่างหยิ่งยโส ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหานักรบเกราะหนักทั้งแปดตัว
“ทุกคนถอยไปหน่อย” ลู่หยางส่ายหัวพร้อมกับบอกสมาชิกภายในทีม
“ทำไมล่ะ?” เซี่ยหยูเว่ยถาม
“ถ้าถอยไปไกลกว่านี้นักรบจะเข้าไปชนมอนสเตอร์เอาไว้ไม่ทันนะ” จางจื่อโป๋กล่าว
พวกเซี่ยหยู่เว่ยยังไม่เคยลองโหมดอิสระมาก่อนพวกเธอจึงไม่เข้าใจว่าทำไมชิงเฟิงถึงชื่นชมลู่หยางมากขนาดนั้น และภายในใจของพวกเขาต่างก็คิดว่าเจิ้งหยวนสามารถลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้เหมือนกัน
“เชื่อฉันเถอะว่าเขาทำไม่ได้หรอก” ลู่หยางกล่าว
ทำไมคนแบบนี้ยังอยู่ในตี้อีกกกกกกก