บทที่ 47 นักเวทตัวฉกาจ
บทที่ 47 นักเวทตัวฉกาจ
“พวกเรามาฆ่าบอสแล้วเฉลิมฉลองไปด้วยกันเถอะ!” ลู่หยางตะโกนเสียงดัง
“เฮ้!!” สมาชิกภายในทีมตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ลู่หยางโบกมือให้สัญญาณและนำสมาชิกเข้าปะทะกับบอส
เซี่ยหยู่เว่ยมองทุกอย่างราวกับโดนต้องมนต์ เพราะชายคนนี้สามารถทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ราวกับว่าอีกฝ่ายมีเวทมนตร์ที่ช่วยทำให้ทุกคนสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้จนถึงขีดสุด
“ในอนาคตคนคนนี้จะต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
พวกจางจื่อโป๋ต่างก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย มีเพียงเจิ้งหยวนที่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“สาเหตุที่เป็นแบบนี้มันก็เป็นเพราะสกิล ๆ เดียวก็เท่านั้นแหละ หลังระบบแลกเปลี่ยนเงินตราเปิดใช้บริการได้เมื่อไหร่ ตอนนั้นฉันจะเติมเงินซื้อสกิลนี้มาเอง”
เซี่ยหยู่เว่ยไม่สนใจเจิ้งหยวนอีกต่อไปและเธอก็คอยนำทีมทำตามคำแนะนำของลู่หยาง โดยในตอนนี้ชิงเฟิงอยู่ห่างจากคลิฟไม่ถึง 30 เมตรและเขาก็พร้อมที่จะเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ
บอสตัวนี้ยังคงไม่ทันสังเกตเห็นในการมาถึงของพวกลู่หยาง และมันก็ยังคงส่งเสียงคำรามตามกิจวัตรประจำวันของมัน
“อาหารของข้าอยู่ไหน? ทำไมถึงยังไม่มีอะไรเอามาส่งย้ายให้ ไม่งั้นข้าจะกินพวกเจ้าเข้าไปเอง!”
เมื่อลู่หยางเห็นทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง เขาก็ส่งสัญญาณให้กับชิงเฟิง
“เริ่มได้เลย”
“ครับ!” ชิงเฟิงยกโล่โกลเดนเดรคชิลด์ขึ้นปกป้องร่างกาย ก่อนที่จะใช้สกิลชาร์จพุ่งเข้าใส่คลิฟในทันที
ตูม!
ชิงเฟิงชนเข้ากับคลิฟ
“ไอ้พวกบัดซบ! พวกแกกล้าบุกรุกเขตแดนของข้างั้นเหรอ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!!” คลิฟร้องคำรามด้วยความโกรธ ก่อนที่มันจะยกกระบองไม้ขนาดมหึมาฟาดเข้าใส่ชิงเฟิง
ชิงเฟิงรีบยกโล่ขึ้นเพื่อทำการป้องกัน
ตูม!
-142
การปะทะกันในครั้งนี้เพียงครั้งเดียวทำให้พลังชีวิตของชิงเฟิงลดลงไปถึง 1 ใน 3
“นักบวชรีบฮีลเร็วเข้า!” ชิงเฟิงตะโกนพร้อมกับใช้สกิลอาร์มเมอร์เบรคเพื่อลดพลังป้องกันของบอส
หลานอวี่กับนักบวชอีกสองคนยกไม้เท้าขึ้นมาท่องเวทมนตร์อย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อทำการฟื้นพลังชีวิตให้กับชิงเฟิง
+55
+47
+47
ด้วยการสนับสนุนจากการฮีลทั้งสามครั้ง มันก็ทำให้พลังชีวิตของชิงเฟิงฟื้นฟูกลับมาจนเกือบเต็ม
“ชิงเฟิงอย่าพึ่งรีบร้อน ค่อย ๆ พาบอสหมุนตัวไป ส่วนทุกคนเตรียมพร้อมเอาไว้ หลังจากเขาใช้อาร์มเมอร์เบรคครบ 3 ครั้งแล้วค่อยโจมตี” ลู่หยางตะโกน
ในการลงดันเจียนสิ่งที่สำคัญที่สุดของหัวหน้าทีมคือการตะโกนสั่งการตลอดเวลา เพื่อให้สมาชิกภายในทีมรู้ว่าในเวลานั้นพวกเขาควรจะทำอะไร แม้บางคำพูดมันจะเป็นการพูดซ้ำ ๆ แต่คนส่วนใหญ่มักจะตื่นเต้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอสจนอาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ ซึ่งในตอนนั้นคำพูดซ้ำ ๆ ของหัวหน้าทีมจะช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านไป 5 วินาทีชิงเฟิงก็ใช้สกิลอาร์มเมอร์เบรคกับคลิฟจนครบ 3 ครั้ง
“ระยะประชิดโจมตีได้!” ลู่หยางตะโกน
พวกเซี่ยหยู่เว่ยเริ่มโจมตีบอสในทันทีและเนื่องมาจากบอสกำลังหันหลังให้ ความเสียหายของโจร 2 คนภายในทีมจึงเพิ่มขึ้นอีก 30% และทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ทำความเสียหายสูงสุดในทีมไปโดยปริยาย
ลู่หยางยกไม้เท้าเริ่มท่องคาถาอย่างต่อเนื่องทำให้คลิฟได้รับบัฟจากสกิลคอมบัสชันซ้อนทับไป 5 ชั้น
“นักเวทไม่จำเป็นจะต้องถนอมมานา ใช้สกิลธาตุไฟออกไปอย่างเต็มที่!” ลู่หยางตะโกนออกคำสั่ง
“ครับ!” ปานชีเฉินกวงและคนอื่น ๆ ตะโกนพร้อมกัน
หลังจากเคยชินกับตัวเลขพลังโจมตีประมาณ 50 แต้ม แต่จู่ ๆ การได้เห็นตัวเลขความเสียหายของตัวเองเพิ่มขึ้นเป็น 125 แต้ม มันก็ทำให้พวกปานชีเฉินกวงมีกำลังใจในการโจมตีมากยิ่งขึ้น
ลู่หยางเริ่มจู่โจมด้วยเช่นกันและเนื่องมาจากเขาเพิ่มแต้มทั้งหมดไปที่ค่าความฉลาดประกอบกับอาซันนิสท์สตาฟและอุปกรณ์อื่น ๆ รวมถึงหัวใจแห่งเทพอสูรและบัฟจากปลาไหลทอดกรอบ มันจึงทำให้พลังโจมตีเวทของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 127 หน่วยและยังมีโอกาสติดครีครอลสูงถึง 27%
นอกจากนี้การใช้สกิลคอมบัสชันซ้อนทับถึงห้าชั้น มันก็จะช่วยเพิ่มพลังโจมตีธาตุไฟขึ้นอีก 75 หน่วยทำให้การจู่โจมของลู่หยางแต่ละครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้ประมาณ 200 หน่วย
ยิ่งไปกว่านั้นตามกฎของเซคคัลเวิลด์ เมื่อผู้เล่นอยู่ในโหมดอิสระและโจมตีเข้าใส่สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ การจู่โจมเข้าใส่ศีรษะของเป้าหมายมันก็จะช่วยเพิ่มอัตราการติดคริติคอลเพิ่มขึ้นอีก 50%
อย่างไรก็ตามการพยายามจู่โจมให้โดนศีรษะของเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะมอนสเตอร์จะเคลื่อนไหวร่างกายทุกครั้งที่พวกมันทำการโจมตี
แต่ลู่หยางไม่ใช่คนธรรมดาเพราะเขาคือผู้ที่กลับมาเกิดใหม่ โดยประสบการณ์การเล่นเกมมาแล้วกว่า 10 ปี และในช่วง 5 ปีสุดท้ายในชีวิตเขายังเป็นมือสังหารที่ใช้ปืนจู่โจมเข้าใส่หัวของเป้าหมายมาแล้วเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน การจู่โจมเข้าใส่หัวอันใหญ่โตของโอเกอร์สำหรับชายหนุ่มจึงเป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ
-400 (คริติคอล)
-400 (คริติคอล)
-400 (คริติคอล)
ความเสียหายคริติคอลเข้าปรากฏขึ้น 3 ครั้งติดต่อกัน แล้วมันก็ทำให้ความเสียหายของลู่หยางพุ่งขึ้นเหนือกว่าทุกคนในทีมทันที
เมื่อเซี่ยหยู่เว่ย, หลานอวี่และคนอื่น ๆ ได้เห็นลู่หยางเปิดหน้าจอแสดงผลการโจมตีในระหว่างการต่อสู้ พวกเธอก็รู้สึกว่าวิธีนี้ช่วยให้ทีมสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม ทุกคนจึงเปิดหน้าจอเลียนแบบลู่หยางบ้าง แต่ความเสียหายที่อีกฝ่ายทำขึ้นมามันก็ทำให้พวกเขาอดที่จะจ้องมองไปยังชายหนุ่มผู้นำทีมของพวกเขาไม่ได้
“เขาใช้อุปกรณ์อะไรกันแน่ ทำไมอัตราคริติคอลของเขาถึงสูงขนาดนี้?” จางจื่อโป๋ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่การที่เขามีอัตราคริติคอลสูงขนาดนี้แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีการพิเศษอะไรบางอย่างแน่ ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“คนคนนี้มีความลับเยอะจริง ๆ แต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าการสู้บอสในครั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูง่ายดายกว่าเดิม” จางจื่อโป๋กล่าว
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ชิงเฟิงที่ชนอยู่กับบอสก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“อย่าโจมตีแรงมาก ฉันจะดึงดูดความโกรธของมันเอาไว้ไม่ไหว!”
“ไอ้พวกบัดซบ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!” คลิฟตะโกน
ลู่หยางโจมตีพร้อมกับส่งเสียงตะโกนออกไปว่า
“ไม่ต้องห่วง มันไม่มีทางวิ่งมาหาพวกเราหรอก”
แม้การโจมตีของลู่หยางจะสร้างความโกรธจากบอสได้สูงมาก แต่คลิฟมีลักษณะพิเศษคือความหัวรั้น มันจึงไม่มีทางเปลี่ยนเป้าหมายเว้นแต่ว่าชิงเฟิงจะเสียชีวิตลง
-400 (คริติคอล)
-400 (คริติคอล)
-400 (คริติคอล)
ตัวเลขคริติคอลปรากฏติด ๆ กันสามครั้งอีกครั้งและในเวลาเพียงแค่ 20 วินาที ลู่หยางก็สร้างความเสียหายไปได้แล้วมากกว่า 2,400 หน่วย ซึ่งมันก็เกือบจะเท่ากับตัวเลขความเสียหายรวมของผู้เล่นทุกคนที่เหลือภายในทีม
ตอนแรกชิงเฟิงกังวลใจว่าบอสจะหลุดจากการดึงดูดของเขาไป แต่พอเขาได้เห็นลู่หยางจู่โจมอย่างบ้าคลั่งและไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็พูดขึ้นมาด้วยความโล่งใจว่า
“ที่แท้บอสตัวนี้มันก็สนใจแต่เป้าหมายแรกนี่เอง”
พวกจางจื่อโป๋ก็เริ่มผ่อนคลายด้วยเช่นกัน เพราะในตอนแรกทุกคนต่างก็กังวลว่าบอสจะเปลี่ยนเป้าหมาย แต่เมื่อพวกเขายืนยันได้แล้วว่าบอสไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนเป้าหมายมาจู่โจมที่พวกเขาจริง ๆ ทุกคนจึงทำการปล่อยสกิลโจมตีออกมาอย่างเต็มที่
ระหว่างทำการโจมตีทุกคนต่างก็มีความคิดอยากจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในความเสียหายโดยรวมของทีม แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นความเสียหายที่ลู่หยางทำได้ มันก็ทำให้พวกเขาทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมา
ตัวเลขความเสียหาย 400 หน่วยปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของบอสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากเวลาผ่านพ้นไปครบ 1 นาที ลู่หยางก็สร้างความเสียหายไปแล้วมากกว่า 8,000 หน่วย ซึ่งมันเป็นค่าความเสียหายที่มากกว่าผลรวมของสมาชิกภายในทีมที่เหลืออีก 11 คน
ตอนนี้เซี่ยหยู่เว่ยได้สังเกตเห็นแล้วว่าทุกการโจมตีของลู่หยางต่างก็ล้วนแล้วแต่แม่นยำมาก และเมื่อลูกไฟปะทะเข้ากับศีรษะของบอส มันก็มักจะปรากฏตัวเลขคริติคอลขึ้นมาเสมอ
ตอนแรกทุกคนคิดว่าสาเหตุที่ลู่หยางสร้างความเสียหายได้สูงมากเป็นเพราะอุปกรณ์และสกิลที่ชายหนุ่มได้ครอบครองอยู่ แต่หลังจากการต่อสู้ผ่านพ้นไปเรื่อย ๆ ทักษะการต่อสู้ที่ลู่หยางได้แสดงออกมามันก็ทำให้ทุกคนต่างก็ยอมรับภายในใจ
“เขาทำได้ยังไงถึงยิงโดนหัวบอสทุกครั้งเลย?”
“ทำไมพวกเราถึงยิงโดนได้แต่ตัว?”
“เขาใช้โหมดอิสระ ที่เขายิงโดนหัวบอสเพราะว่าเขาเป็นคนเล็งเอง”
“มันเป็นไปได้ยังไง?! ทำไมเขาถึงยิงแม่นขนาดนั้น”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาต้องมีวิธีการอะไรสักอย่างแน่ ๆ”
เมื่อเสี่ยวเหลียงได้ยินบทสนทนาของผู้เล่นภายในทีม ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ โดยที่ภายในใจของเขากำลังคิดขึ้นมาว่า
“พวกนายยังไม่ได้เห็นการย่อคาถาของลูกพี่เลย รอพวกนายได้เห็นการย่อคาถาก่อนเถอะแล้วทุกคนจะรู้เองว่านักเวทตัวฉกาจแท้ที่จริงมันมีหน้าตาเป็นยังไง!”