บทที่ 44 ผู้นำทีมชั้นยอด
บทที่ 44 ผู้นำทีมชั้นยอด
เสี่ยวเหลียงจ้องไปยังพวกเจิ้งหยวนอย่างมาดร้ายขณะเดินตามลู่หยางไป ส่วนทางด้านชิงเฟิงก็เดินตามชายหนุ่มไปอย่างเงียบ ๆ เพราะเขาคิดว่าการลดตัวลงไปโต้เถียงกับเจิ้งหยวนถือเป็นการลดเกียรติของตัวเอง
ทุกคนเดินลึกเข้าไปภายในถ้ำ ซึ่งหลังจากที่หลานอวี่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเซี่ยหยู่เว่ย เธอจึงเร่งฝีเท้าเดินไปขนาบข้างกับลู่หยางแล้วใช้ข้อศอกสะกิดชายหนุ่มเบา ๆ และพิมพ์ข้อความส่งไปหาอีกฝ่ายหนึ่งว่า
“อาจารย์ คราวนี้คุณเล่นบทหมาป่าห่มหนังแกะได้แนบเนียนจริง ๆ”
ตอนแรกลู่หยางยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลานอวี่ถึงมาสะกิดเขาแบบนี้ แต่เมื่อเขาได้เห็นข้อความมันก็ทำให้เขาอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
“มีปัญหาสิ คุณทำให้พวกเราตกใจกันหมด ทั้งเรื่องที่คุณเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ของเซิฟเวอร์และเรื่องที่คุณชวนผู้เล่นระดับ 2 ของเซิร์ฟเวอร์มาร่วมปาร์ตี้อีก ไหนจะรองหัวหน้ากิลด์อันดับ 1 ที่โผล่มาอย่างกะทันหัน แล้วใครมันจะไม่ตกใจกับเรื่องนี้บ้าง” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับเบ้ริมฝีปาก
ลู่หยางเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“โอเค ๆ เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันก็ได้ เอาเป็นว่าต่อไปฉันจะบอกความจริงกับเธอตั้งแต่แรก”
ชายหนุ่มไม่อยากทำให้หญิงสาวคนนี้รู้สึกโกรธเคืองมากนัก ซึ่งย้อนกลับไปในชาติก่อนหลังจากพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตและตัวเขาถูกบีบให้ต้องหนีไปอยู่ในต่างประเทศ ช่วงเวลานั้นถือได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่เขายากลำบากมากที่สุด แต่หลานอวี่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เธอจึงเป็นหนึ่งในคนที่เขารู้สึกติดหนี้บุญคุณมากที่สุดด้วยเช่นกัน
เขาจำได้ว่าในปีที่ 3 หลังจากหนีไปในต่างประเทศ วันหนึ่งเขาได้เข้าร่วมเกมและได้ยินหลานอวี่ร้องไห้บอกว่าพ่อแม่ของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่ชอบ ตอนนั้นชายหนุ่มเกลียดตัวเองที่ไม่มีความสามารถจะช่วยเหลือเธอได้เลย แต่ในชาตินี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปจนหมดแล้ว ลู่หยางจึงเชื่อว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งและปกป้องหลานอวี่เอาไว้ให้ได้
“ยิ้มหน่อย อย่าพึ่งโกรธกันเลย” ลู่หยางพยายามง้อหลานอวี่
ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าลู่หยางกำลังโกรธ เธอจึงไม่คิดว่าชายหนุ่มจะหันมาพูดง้อเธอแบบนี้ หลานอวี่จึงอดไม่ได้ที่จะเล่นละครต่อไปว่าเธอยังคงงอนเขาอยู่
“ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย ใครบอกว่าฉันโกรธ”
“ฉันผิดไปแล้ว เอาเป็นว่าคราวหน้าฉันจะให้ของขวัญเธอชิ้นหนึ่งก็แล้วกัน” ลู่หยางบอกพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้
“ไม่เอา” หลานอวี่เชิดริมฝีปากแล้วเดินจากไป
ระหว่างนั้นชิงเฟิงกับเสี่ยวเหลียงก็หันมามองหน้ากันโดยที่ทั้งคู่ต่างก็เข้าใจความคิดของกันและกันได้เป็นอย่างดี ชิงเฟิงจึงส่งข้อความไปหาเสี่ยวเหลียงเป็นการส่วนตัวว่า
“ตอนแรกฉันก็สงสัยว่าทำไมลูกพี่ของนายถึงยอมพาคนพวกนั้นมาร่วมปาร์ตี้ แท้ที่จริงเขาก็กำลังพยายามเอาใจสาวคนนี้อยู่นี่เอง”
“อือ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เสี่ยวเหลียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ทั้งคู่เข้าขากันได้ดีเป็นอย่างมากและพวกเขาก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันเพราะเหตุผลนี้นี่เอง
หลานอวี่กลับมาหาเซี่ยหยู่เว่ยด้วยแววตาที่นิ่งสงบ ซึ่งในคราวนี้เซี่ยหยู่เว่ยไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะเธอเริ่มสังหรณ์ใจขึ้นมาแล้วว่าผลงานของลู่หยางอาจจะไม่ได้มีเพียงแค่สิ่งที่เธอได้เห็นในตอนนี้เท่านั้น
พวกจางจื่อโป๋ก็กำลังแอบส่งข้อความกันอย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนกันว่าลู่หยางไม่ใช่คนธรรมดา
สมาชิกปาร์ตี้ทั้ง 20 คนยังคงเดินหน้าต่อไปตามเส้นทางในอุโมงค์ ซึ่งหลังจากที่พวกเขาหักเลี้ยวตรงบริเวณมุมทางเดิน ลู่หยางก็ได้เห็น NPC สวมชุดเกราะหนัง 2 คน ซึ่งพวกเขาก็มีชื่อเหมือนกันนั่นก็คือทหารกบฏ
ตามเนื้อเรื่องของเกม ดันเจียนเดทเคฟคือสถานที่หลบซ่อนของกลุ่มกบฏที่ต้องการจะปฏิวัติเมืองเซนต์กอลล์ โดยก่อนหน้านี้เมืองแห่งนี้ไม่ได้มีชื่อว่าเซนต์กอลล์แต่มีเชื่อว่าเมืองฟาลส์ อย่างไรก็ตามตัวเมืองก็ถูกราชากอลล์จู่โจมจนแตกพ่าย ส่วนทางด้านราชาฟาลส์ก็ถูกสังหารจนทำให้จักรวรรดิเดิมล่มสลาย
เหล่าบรรดาทหารของจักรวรรดิฟาลส์บางส่วนยังคงไม่ยอมแพ้ พวกเขาจึงแอบรวมตัวกันเพื่อกอบกู้จักรวรรดิของตัวเองกลับคืนมา ดันเจียนเดทเคฟจึงกลายเป็นป้อมปราการด่านหน้าที่พวกกบฏใช้ในการหลบซ่อนตัว
แต่เดิมสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลับแต่พอพวกเขาได้เห็นว่าทหารภายในเมืองเซนต์กอลล์ถูกส่งไปประจำการตามแนวชายแดน พวกเขาจึงได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาให้จู่โจมกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางผ่านไปผ่านมาเพื่อสร้างความตึงเครียดขึ้นมาภายในดินแดน
ชิงเฟิงดูพลังชีวิตของมอนสเตอร์ ก่อนที่เขาจะอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“พลังชีวิต 8,000 เลยงั้นเหรอเนี่ย?! สมกับเป็นดันเจียนระดับอีปิคจริง ๆ พลังชีวิตของมันเยอะกว่าระดับปกติตั้งสองเท่า”
พวกเซี่ยหยู่เว่ยต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยเช่นกัน เพราะมอนสเตอร์เลเวล 3 พวกนี้มีพลังชีวิตสูงถึง 8,000 หน่วย ขณะที่สมาชิกภายในทีมมีพลังโจมตีเฉลี่ยเพียงแค่ 50 กว่า ๆ เท่านั้น หากหักลบตัวแทงค์ 3 คนกับนักบวชอีกห้าคน มันก็เท่ากับว่าภายในทีมเหลือผู้เล่นที่สามารถสร้างความเสียหายได้เพียงแค่ 12 คน
แค่การจะสังหารมอนสเตอร์ธรรมดาสักตัวเดียว มันก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากแล้ว!
“ไม่ต้องไปสนใจ พวกนี้มันเป็นเพียงแค่มอนสเตอร์ธรรมดา ชิงเฟิงจัดการทางฝั่งซ้าย เฮ่งเจียจัดการทางฝั่งขวา ส่วนคนที่เหลือรอให้ชิงเฟิงโจมตีไปก่อน 3 วินาทีแล้วค่อยโจมตีหลังจากที่ค่าความโกรธถูกดึงไปที่เขาจนหมดแล้ว” ลู่หยางสั่งการ
“ครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
“เริ่มได้” ลู่หยางสั่ง
เสี่ยวเหลียงกับชิงเฟิงพยักหน้าให้แก่กัน ก่อนที่จะใช้สกิลชาร์จพุ่งเข้าชนมอนสเตอร์และทำให้นักรบกบฏทั้งสองตัวติดสตั๊นไป 1 วินาที
“พยายามอ้อมไปอยู่ด้านหลังของพวกมัน” ลู่ยางกำชับ
นี่คือตำแหน่งที่ดีที่สุดหลังจากได้รับการวิจัยในชาติก่อน เพราะมันช่วยป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์หันหลังหนีไปได้ และยังทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ โจมตีได้อย่างสะดวกขึ้นด้วย เพียงแต่ในตอนนี้มันยังไม่มีผู้เล่นคนไหนคิดค้นกลยุทธ์นี้ขึ้นมาได้เลย
ในช่วงแรกชิงเฟิงยังไม่เข้าใจความคิดของลู่หยางมากนัก แต่พอเขาตระหนักถึงจุดประสงค์ที่ต้องอ้อมไปอยู่ด้านหลัง มันก็ทำให้เขาชื่นชมลู่หยางภายในใจขึ้นมาไม่ได้
“โจรอย่าเข้าทางด้านข้างให้อ้อมไปทางด้านหลังแล้วค่อยโจมตี นักธนูใช้สกิลพอยซั่นแอรโรว์แล้วค่อยยิงสกิลมิสเทอร์เรียสตามไปทีหลัง” ลู่หยางสั่ง
หากโจรเข้าจู่โจมจากทางด้านหลังมันจะทำให้พลังโจมตีของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีก 30% ส่วนในทีมมีนักธนูอยู่เพียงแค่คนเดียว แล้วสกิลพอยซั่นแอรโรว์ก็เป็นสกิลที่ทำให้เป้าหมายติดพิษและทำให้เป้าหมายได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง การใช้สกิลนี้ขึ้นมาก่อนมันก็จะทำให้นักธนูสามารถสร้างความเสียหายได้เพิ่มมากขึ้น
วอลอคใช้เคิสออฟเพนแล้วค่อยใช้ชาโดว์แอรโรว์ พาลาดินโจมตีตามปกติ ส่วนนักเวททุกคนใช้สกิลธาตุไฟ” ลู่หยางอธิบายพร้อมกับใช้สกิลคอมบัสชันใส่มอนสเตอร์ไปด้วย
คอมบัสชัน
ประเภท: เวทมนตร์ธาตุไฟ
มานาที่ต้องใช้: 12
ระยะเวลาร่าย: 1.5 วินาที
ระยะ: 30 เมตร
รายละเอียด: ปล่อยเปลวไฟเข้าใส่เป้าหมาย ทำให้เป้าหมายถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟและรับความเสียหายจากไฟได้ง่ายขึ้น สามารถซ้อนทับได้ 5 ชั้น แต่ละชั้นจะเพิ่มพลังโจมตีเวทไฟ 15 หน่วยและสร้างความเสียหายธาตุไฟ 10 หน่วยเป็นเวลา 30 วินาที
นี่คือสกิลสุดโกงของนักเวทไฟในการลงดันเจียนช่วงต้น เพราะเมื่อมันซ้อนทับกันถึงห้าชั้นแล้ว ทุกครั้งที่เป้าหมายโดนโจมตีด้วยสกิลธาตุไฟ พวกมันก็จะได้รับความเสียหายพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 75 หน่วย
ในทีมของเซี่ยหยู่เว่ยมีนักเวททั้งหมดห้าคน ซึ่งทั้งห้าคนไม่มีอุปกรณ์ระดับสูงและเพิ่มค่าสถานะไปที่ค่าความฉลาดเพียงอย่างเดียว ทำให้สกิลไฟร์บอลสร้างความเสียหายได้แค่ประมาณ 50 หน่วย อย่างไรก็ตามเมื่อมันได้มีสกิลคอมบัสชันของลู่หยางคอยสนับสนุน มันก็ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งสร้างความเสียหายได้ประมาณ 125 หน่วยเลยทีเดียว
ถึงแม้มอนสเตอร์จะมีพลังชีวิตสูงถึง 8,000 หน่วย แต่เมื่อทั้งห้าคนนี้รวมตัวกันทุก ๆ 3 วินาทีพวกเขาก็จะสามารถสร้างความเสียหายได้มากถึง 600 หน่วย เมื่อมันรวมกับพลังโจมตีของผู้เล่นอาชีพอื่นภายในทีมด้วย พวกเขาก็สามารถใช้เวลาไม่ถึง 20 วินาทีในการสังหารนักรบกบฏ
ถึงแม้ลู่หยางจะวางแผนมาดีแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาจริงสมาชิกภายในทีมของเซี่ยหยู่เว่ยกลับมีนักเวทที่ใช้สกิลไฟร์บอลออกมาเพียงแค่ 4 คน ชายหนุ่มจึงมองสำรวจนักเวททีละคนและได้พบว่าเจิ้งหยวนกำลังใช้สกิลอาร์เคนบลาสท์ซึ่งไม่ใช่สกิลธาตุไฟ
มาแล้วตัวปัญหาประจำตี้