บทที่ 43 ความยากระดับอีปิค
บทที่ 43 ความยากระดับอีปิค
พวกเซี่ยหยู่เว่ยมองชิงเฟิงด้วยความสงสัย เพราะพวกเธอไม่รู้ว่าคนคนนี้มีที่มาที่ไปเป็นยังไงถึงได้พูดแบบนั้นกับลู่หยาง
“ไม่ทราบว่าคุณคือ…?” จางจื่อโป๋ตัดสินใจถามแทนเซี่ยหยู่เว่ย
“ฉันเป็นเพื่อนของลู่หยาง” ชิงเฟิงตอบ
คำตอบนี้ไม่ได้เป็นเหมือนคำตอบแต่มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชิงเฟิงยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมา
จางจื่อโป๋อยากจะถามอะไรเพิ่มเติม แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาถาม
“ทุกคนตรวจสอบไอเท็มของตัวเองให้พร้อม ถ้าพร้อมแล้วก็ตามฉันมา” ลู่หยางกล่าว
“ไม่ทราบว่าผมยังจะต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติมอีกไหม?” ชิงเฟิงถาม
“สำหรับคุณไม่จำเป็นจะต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติมแล้ว พลังป้องกันของคุณสูงมาก แค่มีคุณกับเฮ่ยเจียอยู่ในทีม การลงดันเจียนครั้งนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” ลู่หยางตอบ
“มันจะต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แค่ตอนที่พลังป้องกันของผมอยู่ที่ 80 เราก็สามารถผ่านดันเจียนได้อย่างไม่ยากเย็น และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงตอนนี้ที่พลังป้องกันของผมเกินกว่า 100 แต้มเลย” ชิงเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ
ลู่หยางหัวเราะเบา ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็โบกมือเพื่อเรียกทุกคน
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
พวกเซี่ยหยู่เว่ยพยักหน้าเดินตามลู่หยางไป ซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้ออกจากเมืองมาประมาณ 20 นาที ทุกคนก็มาถึงป่าที่แน่นขนัดซึ่งเป็นแผนที่ของมอนสเตอร์เลเวล 3 อย่างมนุษย์หมาป่า
บริเวณกลางแผนที่มีภูเขาสูงและมีถ้ำอยู่บริเวณทางลาดภูเขาด้านหนึ่ง แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้นั่นก็คือดันเจียนขนาด 20 คนชื่อดังที่มีชื่อว่าดทเคฟนั่นเอง
ตอนนี้หน้าทางเข้าดันเจียนมีผู้เล่นมารวมตัวกันหลายร้อยคน ส่วนมากพวกเขาจะจับกลุ่มกันจำนวน 20 คนแล้วพวกเขาก็เดินทางมาที่นี่เพื่อเตรียมตัวจะลงดันเจียนด้วยเช่นกัน
“เมื่อวานยังไม่ค่อยมีคนเลย ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะมีคนเยอะขนาดนี้”
“จำนวนมันจะต้องเพิ่มขึ้นแน่อยู่แล้ว ในช่วง 3 วันมันก็มีคนหลาย ๆ คนที่เพิ่มจนถึงเลเวล 3 และถ้าหากพวกเขาอยากได้อุปกรณ์ดี ๆ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องมาลงดันเจียน”
ถึงแม้ดันเจียนในโหมดปกติจะดรอปแต่อุปกรณ์ระดับหิน แต่มันก็ยังดีกว่าการฟาร์มมอนสเตอร์ภายนอก เพราะมอนสเตอร์พวกนั้นแทบที่จะไม่ดรอปอุปกรณ์ลงมาเลย ผู้เล่นจึงอยากจะลองมาเสี่ยงโชคที่ดันเจียนเพื่อได้รับอุปกรณ์ดี ๆ กลับไป
ตอนนี้รอบเมืองเซนต์กอลล์มีดันเจียนเลเวล 3 เปิดอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง ซึ่งตามคู่มือจากเว็บไซต์มันก็บอกว่าดันเจียนเดทเคฟคือดันเจียนที่ผ่านได้ง่ายที่สุด แต่ว่าการลงดันเจียน 1 ครั้งจะมีบอสอยู่เพียงแค่ 4 ตัวและบอสแต่ละตัวก็การันตีดรอปอุปกรณ์ลงมาแค่ 1 ชิ้น เมื่อผู้เล่นภายในทีมมี 20 คนมันก็ไม่จำเป็นจะต้องคิดเลยว่าการหาอุปกรณ์ภายในเกมนี้เป็นสิ่งที่ยากมากแค่ไหน
“ขาด 1 คน ขอนักรบที่มีพลังป้องกันสูง ๆ”
“ขาดนักบวช 2 คน ใครเล่นนักบวชทักเข้ามาได้เลย”
“หาปาร์ตี้ครับ!”
“ขอติดทีมไปด้วยหน่อย”
…
บริเวณปากทางเข้าดันเจียนมีผู้เล่นประกาศตามหาสมาชิกในปาร์ตี้กันอย่างมากมาย ซึ่งลู่หยางได้พาทีมผ่านผู้เล่นกลุ่มนั้นไปยังปากถ้ำ ก่อนที่จะยื่นมือออกไปเพื่อแตะเสาโลหะ
ระบบ: คุณค้นพบถ้ำประหลาดที่มีกลิ่นอายแห่งความตายลอยโชยออกมาจากด้านใน ไม่ทราบว่าคุณต้องการจะเข้าไปสำรวจดูทางด้านในหรือไม่?
ลู่หยาง: “ใช่”
ระบบ: กรุณาเลือกระดับความยาก
ปกติ, ยาก, เอ็กซ์เพิร์ท, อีปิค
ลู่หยาง: “อีปิค”
ระบบ: คุณยืนยันที่จะเลือกความยากระดับอีปิคหรือไม่?
ลู่หยาง: “ใช่”
ลู่หยางยืนยันอีกครั้ง ก่อนที่จะพาทุกคนเข้าไปในดันเจียน
ร่างของพวกเขากลายเป็นแสงสว่างหายวับไปจากตำแหน่งเดิม ก่อนที่ทุกคนจะปรากฏในถ้ำที่มืดทึบโดยที่ทั้งสองฟากฝั่งของผนังถ้ำถูกประดับไปด้วยคบไฟที่ลุกโชน
ระบบ: คุณเข้ามาในดันเจียนเดทเคฟระดับอีปิคเรียบร้อยแล้ว
ดันเจียนเริ่มต้นในเกมเซคคัลเวิลด์ถูกแบ่งความยากออกเป็น 4 ระดับตั้งแต่ระดับปกติไปจนถึงระดับอีปิค โดยความยากจะเพิ่มขึ้น 30% ในแต่ละระดับ หรือมันก็หมายความว่าดันเจียนระดับอีปิคมีความยากมากกว่าดันเจียนในระดับปกติอยู่ประมาณ 2.1 เท่านั้นเอง
เซี่ยหยู่เว่ยตกใจมาก เพราะเธอคิดว่าทีมจะมาลงดันเจียนระดับปกติเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าลู่หยางจะพาทุกคนเข้ามาในดันเจียนระดับอีปิคแบบนี้
“ลู่หยาง คุณมีวิธีผ่านดันเจียนระดับนี้งั้นเหรอ?” เซี่ยหยู่เว่ยถามด้วยแววตาอันเปล่งประกาย
“ที่ฉันให้พวกคุณรายงานค่าสถานะก็เพื่อจะมาผ่านดันเจียนระดับอีปิคนี่แหละ” ลู่หยางตอบพร้อมกับพยักหน้า
เจิ้งหยวนพยายามหาจังหวะเอาคืนลู่หยางมาโดยตลอด และเมื่อเขาได้เห็นว่าอีกฝ่ายพาทุกคนมายังดันเจียนระดับอีปิค เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“คิดว่าตัวเองอยู่ในอันดับ 1 ของตารางจัดอันดับแล้วจะทำได้ทุกอย่างหรือไง?! ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าหลังจากนี้แกจะไปได้สักกี่น้ำ”
“ผมเชื่อว่าลู่หยางพาทุกคนผ่านพ้นมันไปได้” ชิงเฟิงกล่าว
การที่ลู่หยางขึ้นไปยังอันดับ 1 ของกระดานจัดอันดับและได้รับอุปกรณ์ชั้นยอดมาอย่างมากมาย มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ในเมื่อเขากล้าเลือกเผชิญหน้ากับดันเจียนระดับอีปิค มันก็หมายความว่าลู่หยางมีความมั่นใจว่าจะพาทุกคนผ่านพ้นดันเจียนไปได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าการตามลู่หยางมาลงดันเจียนแบบไม่คาดหวังอะไร แท้ที่จริงแล้วมันจะกลายเป็นลาภลอยก้อนใหญ่แบบนี้
“แกเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรถึงมาพูดแบบนี้!” เจิ้งหยวนไม่พอใจที่ลู่หยางกำลังจะพาทุกคนเข้ามาตาย เขาจึงชี้หน้าชิงเฟิงและตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
“ฉันชื่อชิงเฟิง รองหัวหน้ากิลด์เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่ นักรบระดับแนวหน้าใต้บังคับบัญชาของท่านฉือมู่ ไม่ทราบว่าคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ชิงเฟิงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา
“คุณคือรองหัวหน้ากิลด์เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่…” เจิ้งหยวนพึมพำพร้อมกับช็อคตาตั้ง
จางปีโป้ช็อค!
เซี่ยหยู่เว่ยโคตรช็อค!!
เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่คือกิลด์ชั้นยอดที่มีสมาชิกในตอนนี้มากกว่า 60,000 คน คำสั่งของรองหัวหน้ากิลด์ใหญ่ในระดับนี้เพียงคำเดียว มันก็มากเพียงพอที่จะบดขยี้สตูดิโอหนานปิงที่มีสมาชิกเพียงแค่ 20 กว่าคนของเซี่ยหยู่เว่ยได้แล้ว
“ขอโทษด้วยค่ะ เราไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นรองหัวหน้ากิลด์เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่ ลูกน้องของฉันทำตัวปัญญาอ่อนเกินไปหน่อย ขอให้คุณอย่าถือสาหาความอะไรกับเขาเลย” เซี่ยหยู่เว่ยรีบพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิด
ชิงเฟิงเผยรอยยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร วันนี้ฉันมาเพื่อรับใช้ลู่หยางตามคำสั่งของท่านฉือมู่ หัวหน้าสั่งการมาแล้วว่าให้ฉันคอยสนับสนุนลู่หยางอย่างเต็มที่ หากพวกคุณไม่ต้องการลงดันเจียนฉันก็ยินดีจะเรียกสมาชิกของเพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่มาแทนที่พวกคุณในทันที”
พวกเซี่ยหยู่เว่ยมองไปยังลู่หยางอย่างประหลาดใจ เพราะพวกเธอไม่คิดเลยว่าฉือมู่จะสนิทกับลู่หยางมากขนาดนี้
“ขอบคุณมาก” ลู่หยางหันไปพูดกับชิงเฟิง
เซี่ยหยู่เว่ยคิดว่าลู่หยางจะเปลี่ยนสมาชิกภายในปาร์ตี้จริง ๆ เพราะในตอนนี้ชายหนุ่มคือหัวหน้าทีม หากเขาต้องการจะเปลี่ยนแปลงสมาชิกในปาร์ตี้พวกเธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้านใด ๆ
“ฉันรับรองว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่ให้เจิ้งหยวนสร้างปัญหาอีกต่อไปแล้ว และพวกเราก็พร้อมจะลงดันเจียนระดับอีปิคไปพร้อมกับคุณ” เซี่ยหยู่เว่ยพูดอย่างร้อนรน
อุปกรณ์ที่แย่ที่สุดที่จะดรอปในดันเจียนระดับอีปิคคืออุปกรณ์ระดับทองแดง ขณะที่อุปกรณ์ที่ดีที่สุดคืออุปกรณ์ระดับเงิน หากลู่หยางต้องการเพียงแค่อุปกรณ์ของนักเวท มันก็หมายความว่าอุปกรณ์ของอาชีพอื่น ๆ มันจะตกเป็นของพวกเธอ แล้วเซี่ยหยู่เว่ยจะยอมพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง
“ก็ได้ แต่ฉันหวังว่าครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายนะ” ลู่หยางกล่าว
เขาเชื่อว่าเซี่ยหยู่เว่ยไม่ใช่คนโง่และถ้าหากเขาหยิบยื่นความมีน้ำใจให้มากขนาดนี้ เธอก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าเขากำลังหมายความว่าอะไร
เซี่ยหยู่เว่ยรู้สึกอับอายอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าเรื่องนี้มันเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่เห็นคุณค่าของลู่หยาง หญิงสาวจึงฝืนอารมณ์โกรธพยักหน้าและหันไปบอกกับเจิ้งหยวนว่า
“นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายของนายแล้วนะ ถ้าหากนายยังกล้าจะพูดอะไรอีก ฉันรับรองว่าทีมนี้จะไม่มีที่ให้กับนายอีกต่อไป”
เจิ้งหยวนไม่ยอมรับภายในใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงแต่ก้มหน้ารับอย่างเงียบ ๆ
“อาจารย์ พวกเรามาเริ่มลุยดันเจียนกันเถอะ รับรองว่าพวกเราทุกคนพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณทุกอย่าง” จางจื่อโป๋พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์
ลู่หยางค่อนข้างจะชื่นชอบจางจื่อโป๋เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“เอาล่ะทุกคนตามฉันมา ช่วงแรกนี้มันยังไม่มีมอนสเตอร์ออกมาทำร้ายพวกเราหรอก”