ตอนที่แล้วบทที่ 41 ฉันคือลู่หยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 ความยากระดับอีปิค

บทที่ 42 ก่อนเข้าดันเจียน


บทที่ 42 ก่อนเข้าดันเจียน

เซี่ยหยู่เว่ยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขณะที่พวกจางจื่อโป๋ยืนนิ่งค้างกันเป็นแถว เมื่อได้พบว่าแท้ที่จริงชายตรงหน้าของพวกเขาคือลู่หยาง!

ลู่หยางคือใคร?

นี่คือผู้เล่นอันดับ 1 ในกระดานจัดอันดับผู้เชี่ยวชาญที่เก็บเลเวลมาจนถึงเลเวล 8 เป็นอันดับ 1 ของโลก เมื่อเทียบกับพวกเขาที่เพิ่งมีเลเวล 3 กว่า ๆ การยืนต่อหน้าของลู่หยางก็ไม่ต่างไปจากเด็กที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าของผู้ใหญ่

ช่วงแรกเลเวลคือปัจจัยสำคัญที่สามารถชี้ขาดได้ทุกอย่าง หากลู่หยางต้องการจะฆ่าพวกเขาจริง ๆ ชายหนุ่มคนนี้เพียงคนเดียวก็สามารถจัดการกับทีมของพวกเขาทั้ง 20 คนได้โดยไม่มีปัญหา

ท้ายที่สุดภายใต้การออกแบบของระบบ หากผู้เล่นเลเวล 3 ต้องการจะจู่โจมเข้าใส่ผู้เล่นเลเวล 8 มันก็มีโอกาสจะโจมตีพลาดสูงมาก ในขณะที่ลู่หยางสามารถสังหารพวกเขาได้โดยโจมตีใส่คนละที

เซี่ยหยู่เว่ยนึกย้อนไปถึงฉากที่เจิ้งหยวนทำให้ลู่หยางไม่พอใจหลายต่อหลายครั้ง เธอจึงเดินออกมาพร้อมกับโค้งตัวให้ชายหนุ่มด้วยความกังวล

“อาจารย์ลู่หยาง ฉันขอโทษทุกเรื่องในก่อนหน้านี้จริง ๆ หวังว่าคุณจะไม่ถือสาความผิดพลาดของพวกเรา”

มุมปากของลู่หยางยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มพร้อมกับแอบคิดภายในใจว่า “นี้แม้แต่ราชินีกุหลาบในชาติก่อนก็ยังต้องยอมมาก้มหัวให้กับเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้ในชาติก่อนจริง ๆ”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่คนชอบคิดมาก” ลู่หยางกล่าวขณะเหลือบสายตามองไปทางเจิ้งหยวน

“เอาเป็นว่าทางฝั่งฉันขอโทษอีกครั้ง” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“พอแล้ว พวกเรามาตั้งปาร์ตี้กันเถอะ” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะตั้งปาร์ตี้ 20 คนขึ้นมาและประกาศบอกทุกคนว่า

“ฉันจะเชิญเข้าร่วมปาร์ตี้ทีละคน พวกคุณช่วยรายงานอาชีพกับค่าสถานะของตัวเองมาทีละคนด้วย”

หลังประกาศจบ ชายหนุ่มก็ทำการเลือกเซี่ยหยู่เว่ยเป็นคนแรก

“นักรบสายโจมตีเลเวล 3 พลังโจมตี 31 พลังชีวิต 144” เซี่ยหยู่เว่ยรายงาน ซึ่งค่าสถานะนี้เป็นค่าสถานะที่เธอพยายามเพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้เธอยังไม่มีอุปกรณ์ดี ๆ ให้ใช้งาน

หลานอวี่ถูกเลือกมาเป็นคนที่ 2

“นักบวชเลเวล 3 พลังโจมตีเวท 29 พลังชีวิต 208” หลานอวี่รายงานและเนื่องมาจากว่าเธอมีไม้เท้าระดับเงินที่ลู่หยางให้มา มันจึงทำให้ค่าสถานะของเธอดูดีกว่าเซี่ยหยู่เว่ยพอสมควร

จางจื่อโป๋ถูกเลือกเป็นคนที่ 3

“นักรบสายแทงค์เลเวลสาม 3 ป้องกัน 73 พลังชีวิต 352” จางจื่อโป๋ตอบ

สมาชิกภายในทีมทั้ง 19 คนถูกคัดเลือกมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเหลือสมาชิกคนสุดท้ายลู่หยางก็หันไปถามเจิ้งหยวนว่า

“รายงานค่าสถานะ”

“นักเวทเลเวล 3 พลังโจมตีเวท 28 พลังชีวิต 112” เจิ้งหยวนตอบอย่างไม่สบอารมณ์

ลู่หยางเพิ่มเจิ้งหยวนเข้าสู่ปาร์ตี้พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยคิ้วขมวดเล็กน้อย

“ค่าสถานะของพวกคุณยังไม่ค่อยดี นักรบไปซื้อหินลับดาบที่ร้านประมูลมาซะ มันจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพขึ้นมาอีกห้าหน่วย ส่วนนักเวทไปซื้อน้ำยาเพิ่มพลังโจมตีเวทมา มันจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีเวทให้กับพวกคุณอีกห้าหน่วยด้วยเหมือนกัน”

สิ่งของพวกนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตจากผู้เล่นไลฟ์สไตล์ระดับต้น ๆ ด้วยกันทั้งนั้น พวกมันจึงมีขายในร้านประมูลอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นเริ่มต้นอย่างพวกเขาแล้ว ราคาของไอเท็มพวกนี้ก็ถือว่าสิ้นเปลืองไปอยู่เล็กน้อย

หินลับดาบแต่ละชิ้นมีราคา 10 กว่าเหรียญทองแดง ส่วนน้ำยาเพิ่มพลังเวทมีราคาขวดละ 20 เหรียญทองแดง การที่สมาชิกภายในทีมทั้ง 19 คนต้องไปซื้อไอเท็มเหล่านี้มา มันก็ตีมูลค่ารวมกันเกินกว่า 2 เหรียญเงิน ซึ่งมันมีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินทั้งหมดในกระเป๋าที่เซี่ยหยู่เว่ยได้เก็บไว้

“มันจำเป็นจะต้องใช้ของพวกนั้นจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม

“จำเป็น ถ้าไม่ซื้อพวกเราก็ผ่านดันเจียนไม่ได้” ลู่หยางตอบพร้อมกับพยักหน้า

“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปซื้อของกันเถอะ” เซี่ยหยู่เว่ยกัดฟันตอบพร้อมกับสั่งให้จางจื่อโป๋ไปที่ร้านประมูล

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังรอจางจื่อโป๋ซื้อของกลับมา เจิ้งหยวนก็เดินมาต่อหน้าลู่หยางแล้วถามว่า

“นายให้พวกเราไปซื้อของแล้วทำไมตัวนายถึงไม่ไปซื้อบ้าง?”

สมาชิกทุกคนภายในทีมต่างก็มองไปยังลู่หยางอย่างสงสัย เพราะพวกเขาก็อยากรู้ด้วยเหมือนกันว่าทำไมลู่หยางถึงไม่ไปซื้อน้ำยาเพิ่มพลังเวท

“หรือว่านายจะให้พวกเราซื้อมาเผื่องั้นเหรอท่านอาจารย์” เจิ้งหยวนล้อเลียน

เมื่อเสี่ยวเหลียงเห็นว่าเจิ้งหยวนกำลังหาเรื่องลู่หยาง เขาจึงยกโล่ขนาดใหญ่มาวางขวางหน้าลู่หยางและพูดกับเจิ้งหยวนว่า

“ลูกพี่ของผมไม่จำเป็นจะต้องใช้น้ำยาพวกนั้นหรอก ถ้าค่าพลังโจมตีเวทของเขาสูงไปกว่านี้ ผมคงไม่จำเป็นจะต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทงค์แล้ว”

“อย่ามาเว่อร์!” เจิ้งหยวนพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“อาจารย์ ตอนนี้พลังโจมตีเวทของคุณอยู่ที่เท่าไหร่งั้นเหรอ?” หลานอวี่ถามด้วยความสงสัย

“127” ลู่หยางตอบ

“...” ผู้เล่นในทีมของเซี่ยหยู่เว่ย

ความคิดของทุกคนแทบจะล่มสลายโดยเฉพาะเจิ้งหยวนที่กำลังตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ตอนแรกเขารู้สึกว่าพลังโจมตีเวท 28 แต้มของตัวเองเป็นค่าพลังที่ค่อนข้างสูงมากแล้ว แต่พอเขาได้นำพลังโจมตีเวทของตัวเองไปเทียบกับลู่หยาง เขาได้พบว่าพลังโจมตีของตัวเองเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของอีกฝ่ายเท่านั้นเอง

“ทำไมพลังโจมตีเวทของคุณถึงสูงขนาดนั้น? นี่มันสูงกว่าพวกเรา 4-5 เท่าได้เลยนะ” หลานอวี่ถามด้วยความตกใจ

“นั่นก็เพราะฉันเป็นอาจารย์ยังไงล่ะ” ลู่หยางกล่าว

หลานอวี่ยื่นปากออกไปอย่างไม่พอใจ เพราะเธออยากฟังเรื่องที่ลู่หยางไปสังหารบอสและได้รับอุปกรณ์มาได้ยังไง ไม่ใช่คำตอบสั้น ๆ ที่ตอบกลับมาอย่างง่าย ๆ แบบนี้

ชิงเฟิงยกนิ้วให้ลู่หยางแล้วพูดว่า

“ไม่ผิดหวังจริง ๆ นักเวทภายในกิลด์ของเราไม่มีใครมีพลังโจมตีเวทถึงครึ่งหนึ่งของคุณเลย”

ลู่หยางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

5 นาทีต่อมาจางจื่อโป๋ก็วิ่งกลับมาแล้วบอกทุกคนว่า

“ฉันซื้อของมาแล้ว มารับของกันไปได้เลย”

พอทุกคนกลับมายืนต่อหน้าลู่หยางอีกครั้ง สีหน้าของชายหนุ่มก็ดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น

“เอาล่ะนับแต่นี้เป็นต้นไปปาร์ตี้ของพวกเราจะเริ่มบุกดันเจียนอย่างเป็นทางการ ฉันลู่หยางคือหัวหน้าปาร์ตี้ของพวกคุณและฉันก็มีกฎอยู่ 2-3 ข้อ”

พวกเซี่ยหยู่เว่ยพยักหน้ารับพร้อมกับหันไปมองหน้าลู่หยาง

“กฎข้อแรก ในช่วงที่ฉันคุมทีมทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉันอย่างเคร่งครัด ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ หากใครขัดคำสั่งอย่าโทษที่ฉันจะเตะออกจากปาร์ตี้ในทันที”

ทุกคนพยักหน้ารับเพราะกฎข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล

“กฎข้อที่ 2 หากการลงดันเจียนครั้งนี้ล้มเหลวเพราะคำสั่งของฉัน ฉันจะชดเชยเงินให้พวกคุณคนละ 1 เหรียญเงิน แต่ถ้าหากการลงดันเจียนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เงื่อนไขก็จะเป็นไปอย่างที่ฉันได้คุยกับเซี่ยหยู่เว่ยเอาไว้ คือฉันมีสิทธิ์เลือกอุปกรณ์นักเวทก่อน ส่วนไอเท็มที่ได้รับจากบอสก็จะเป็นของฉันด้วยเหมือนกัน พวกคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

ในตอนที่ลู่หยางพูดสายตาของเขาก็จับจ้องมองไปยังทุกคนราวกับเหยี่ยวที่กำลังมองหาเหยื่อ แล้วมันก็ทำให้เจิ้งหยวนไม่กล้าที่จะสบตากับเขาด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะยึดในคำมั่นสัญญา” เซี่ยหยู่เว่ยพูดเป็นตัวแทนคนอื่น ๆ ก่อนที่เธอจะหันไปบอกทางพวกเจิ้งหยวนว่า

“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สิ่งที่ลู่หยางพูดเปรียบเสมือนกับสิ่งที่ฉันพูด หากใครไม่ทำตามหรือคิดจะมาก่อกวน คนคนนั้นก็จะไม่มีที่ยืนภายในทีมของพวกเราอีก”

ทุกคนต่างก็เงียบกริบโดยไม่กล้าที่จะตั้งคำถาม เพราะคำสั่งของเซี่ยหยู่เว่ยถือว่าเป็นคำสั่งเด็ดขาดสำหรับพวกเขา

พวกจางจื่อโป๋และเพื่อน ๆ รู้ดีว่าเซี่ยหยู่เว่ยเป็นคนที่รักษาสัญญาขนาดไหน ขณะที่พวกทหารรับจ้างก็ไม่อยากจะถูกยกเลิกสัญญาด้วยเหมือนกัน

ตลอดช่วงเวลานี้มีเพียงเจิ้งหยวนที่ทำหน้าไม่พอใจและดูเหมือนจะเปิดปากเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาได้เห็นสายตาอันเฉียบคมของเซี่ยหยู่เว่ย คุณชายเจ้าสำราญก็ทำได้เพียงแต่กลืนคำพูดของตัวเองลงไป

ชิงเฟิงที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา ก่อนที่จะหันไปพูดกับลู่หยางว่า

“อาจารย์สบายใจได้เลยพอเข้าดันเจียนผมจะเชื่อฟังคำสั่งของคุณทุกอย่าง ถ้าหากว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นมาผมจะคอยอยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องคุณเอง”

ชิงเฟิงรู้ดีว่าลู่หยางย่อมเข้าใจความนัยที่เขาต้องการจะสื่อ แล้วเขาเพิ่งจะรายงานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลู่หยางกับเฮ่ยเจียให้ฉือมู่ทราบ และเขาก็ได้รับคำสั่งมาว่าให้คอยช่วยเหลือลู่หยางอย่างเต็มที่

“ขอบคุณมากสหาย” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับตบไหล่ของชิงเฟิงเบา ๆ

ดูแล้วยังไง ๆ เจิ้งหยวนก็ไม่น่าสงบปากสงบคำได้ ว่างั้นไหม?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด