บทที่ 40 ปาร์ตี้ชั่วคราว
บทที่ 40 ปาร์ตี้ชั่วคราว
ลู่หยางหัวเราะพลางพูดว่า “คู่มือดันเจียนเดทเคฟ? ฉันมีอยู่แล้ว แต่มีแค่คู่มือมันจะไปมีประโยชน์อะไร มันยังจำเป็นจะต้องมีนักเวทฝีมือดีสักคนด้วย พวกเธอพอจะมีไหมล่ะ?”
เซี่ยหยูเว่ย, จางจื่อโป๋และคนอื่น ๆ ส่ายหน้า เพราะพวกเขารู้ดีว่าคำว่า ‘ฝีมือดี’ ของลู่หยาง มันหมายถึงดีเข้าขั้นปรมาจารย์เลยทีเดียว
จู่ ๆ จางจื่อโป๋ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงรีบพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเชิญชวนว่า
“พี่ชาย! ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วทำไมคุณไม่มาช่วยพวกเราสักหน่อยล่ะ? พวกเรายินดีจะจ่ายค่าตอบแทนให้ เชิญคุณคิดราคามาได้เลย”
เนื้อความที่ชายหนุ่มพูดเหมือนกับสิ่งที่เจิ้งหยวนพูดในก่อนหน้านี้ทุกประการ เพียงแต่น้ำเสียงของจางจื่อโป๋นุ่มนวลกว่ามากและมันยังเต็มไปด้วยความเคารพที่มีให้ต่อลู่หยางอีกด้วย
แววตาของหลานอวี่ฉายประกายแวววับ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ดีเลย! อาจารย์ คุณบอกเองใช่ไหมว่าเงื่อนไขในการผ่านบอสตัวแรกคืออะไร มันแสดงว่าคุณจะต้องรู้ข้อมูลของดันเจียนนี้แน่ ๆ คราวนี้มาช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะถือว่าฉันขอร้อง”
“ยัยตัวแสบเอ๊ย” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
เซี่ยหยู่เว่ยก็คิดว่าการเชิญชวนลู่หยางมาเข้าร่วมปาร์ตี้ก็เป็นเรื่องที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากการพ่ายแพ้ให้กับบอสตัวแรกในดันเจียน 5 ครั้งติดต่อกันเมื่อคืนก่อน มันก็ทำให้เธอได้รู้แล้วว่าในตอนนี้ความสามารถของพวกเธอเพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมเคลียร์ดันเจียนสำเร็จได้
ถึงแม้พลังป้องกันของนักรบจะถึง 71 แต้มตามข้อกำหนด และสามารถผ่านบอสตัวแรกไปได้แล้ว แต่ภายในดันเจียนมันก็ไม่ได้มีบอสเพียงแค่ตัวเดียว การจะปล่อยให้สมาชิกภายในปาร์ตี้ตายซ้ำ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีด้วยเช่นกัน หรือในเวลานั้นพวกเธอจะต้องอับจนหนทางแล้วค่อยให้หลานอวี่ไปขอร้องลู่หยางที่หลังงั้นเหรอ?
ในตอนนี้กิลด์ของฉือมู่ได้รางวัลเฟิร์สเคลียร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกิลด์ขนาดใหญ่อื่น ๆ อย่างกิลด์ของฉงป้าต่างก็ล้วนแล้วแต่เคลียร์ดันเจียนไปได้ทั้งหมด หากเซี่ยหยู่เว่ยต้องการจะแข่งขันกับกิลด์ขนาดใหญ่เหล่านั้นต่อไป วิธีการที่ดีที่สุดคือการขยายดันเจียนให้ได้โดยไวเพื่อให้พวกเธอตามหลังกิลด์ใหญ่ไม่มากนัก
ลู่หยางมองไปที่จางจื่อโป๋ ก่อนจะหันมามองเซี่ยหยู่เว่ยและพูดว่า
“ฉันช่วยพวกเธอก็ได้ ส่วนเรื่องเงินไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงมันก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ฉันแนะนำให้พวกเธออัดวิดีโอเอาไว้เพราะฉันจะให้คำแนะนำเพียงแค่ครั้งเดียว”
“ไม่ได้! ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเราก็ควรจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้คุณ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า
“ถ้าเธอยังดึงดันจะให้เงินฉันอีก อย่างนั้นฉันจะไม่ไปแล้วนะ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
เซี่ยหยู่เว่ยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะเธอคิดไม่ถึงว่าลู่หยางจะมีอารมณ์ผันผวนถึงขนาดนี้ ซึ่งในระหว่างที่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี หลานอวี่ก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นพวกเราให้สิทธิ์คุณเลือกอุปกรณ์ก่อนดีไหม? ถึงยังไงพวกเราก็ไม่อยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณอยู่ฝ่ายเดียว”
ลู่หยางหันไปมองหน้าหลานอวี่ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“โอเค เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหา”
คำตอบรับของลู่หยางทำให้สมาชิกภายในทีมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นอกเหนือจากเจิ้งหยวนที่กำลังพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่จำเป็นหรอก พวกเราสามารถผ่านดันเจียนนี้ไปเองได้”
ในบรรดาผู้ร่วมก่อตั้งเวิร์กช็อปทั้งเจ็ดคนมีเจิ้งหยวนเพียงคนเดียวที่เป็นนักเวท หากมอนสเตอร์ดรอปอุปกรณ์นักเวทลงมาอุปกรณ์ชิ้นนั้นมันก็สมควรจะเป็นของเขา แต่ตอนนี้ทุกคนตกลงจะมอบอุปกรณ์ของเขาให้กับลู่หยาง มันจึงทำให้เจิ้งหยวนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาภายในใจ
เซี่ยหยู่เว่ยพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าเจิ้งหยวนจะเป็นแบบนี้ เธอจึงหันไปพูดกับลู่หยางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดว่า
“ขอเวลาหน่อยได้ไหม? ฉันขอคุยกับลูกทีมก่อน”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา” ลู่หยางตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องรอคนของฉือมู่เอาวัตถุดิบมาส่งให้กับเขาอยู่แล้ว
“ไม่นานหรอก ฉันขอ 5 นาทีก็พอ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวก่อนที่เธอจะพาเจิ้งหยวนและคนอื่น ๆ ไปยังสถานที่อันเงียบสงบ
“การที่เขาคนนี้มีอุปกรณ์ชั้นยอดหลายอย่างตั้งแต่ช่วงแรก มันก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะเป็นผู้เข้าร่วมทดสอบเบต้าเทส ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้เข้าร่วมการทดสอบเบต้าเทส แต่การที่เขารู้เงื่อนไขขั้นต่ำสำหรับการผ่านบอสตัวแรกของดันเจียน มันก็แสดงว่าเขารู้ข้อมูลของดันเจียนนี้เป็นอย่างดี การให้เขาเป็นหัวหน้าปาร์ตี้มันย่อมดีกว่าที่พวกเราจะไปลองผิดลองถูกเอง” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
จางจื่อโป๋กับคนอื่น ๆ พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เนื่องจากตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเห็นลู่หยางขายอุปกรณ์ระดับสูง ทุกคนต่างก็คิดแล้วว่าคนคนนี้มีโอกาสจะเป็นผู้เข้าร่วมทดสอบเกม เพราะถ้าหากเป็นผู้เล่นธรรมดามันก็ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่ลู่หยางจะโชคดีขนาดนี้
สมองของเจิ้งหยวนเข้าใจในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เต็มใจที่จะให้ลู่หยางเข้าร่วมทีม
“ไม่ได้! ยังไงฉันก็ไม่ยอม”
เซี่ยหยู่เว่ยขมวดคิ้วและพูดว่า “เจิ้งหยวน ฉันคิดว่านายควรจะมีเหตุผลมากกว่านี้หน่อยนะ การให้ลู่หยางเข้าร่วมทีมจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราทุกคน ถึงแม้เขาจะได้รับอุปกรณ์นักเวททั้งหมดที่ดรอปในดันเจียน แต่หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยนายฟาร์มอุปกรณ์กลับมาทีหลังได้ เอาเป็นว่าทุกคนตกลงกันตามนี้ หวังว่านายจะไม่ทำอะไรให้กระทบกับผลประโยชน์ของทีมอีก”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของเซี่ยหยู่เว่ย เจิ้งหยวนก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก แต่ถึงขนาดนั้นเขาก็ยังบ่นพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
“ฉันจะรอดูซิว่ามันจะมีฝีมือมากขนาดไหน? ถ้ามันทำอะไรไม่ได้ตอนนั้นฉันเอามันคืนแน่”
เซี่ยหยู่เว่ยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ก่อนที่เธอจะพาปาร์ตี้กลับมาที่หน้าธนาคารเพื่อหาลู่หยาง
ตอนนี้ลู่หยางได้พบกับชิงเฟิงแล้วและทั้งคู่ก็กำลังแลกเปลี่ยนไอเท็มกันภายในธนาคาร
“ทุกอย่างครบนะครับ” ชิงเฟิงพูดอย่างยินดี ซึ่งการแลกเปลี่ยนดาร์คสไปเดอร์ซิลค์กว่า 600 กองมันก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากพอสมควร
“ขอบคุณมาก” ลู่หยางกล่าว
“ไม่เป็นไรครับ ความจริงแล้วเป็นพวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณ หากคุณไม่ให้พวกเรายืมโล่มาก่อน บางทีพวกเราก็อาจจะไม่ได้รับรางวัลเฟิร์สเคลียร์ดันเจียน และได้รับผลประโยชน์กลับมาอย่างมากมายขนาดนี้” ชิงเฟิงกล่าวอย่างดีใจ
“ดูเหมือนว่าคราวนี้คุณจะได้ผลประโยชน์กลับมาไม่น้อยเลยสินะ” ลู่หยางกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ โชคดีที่ว่าในครั้งนี้อุปกรณ์ที่ดรอปลงมาในดันเจียนเกือบทั้งหมดเป็นของอาชีพนักรบพอดีน่ะครับ” ชิงเฟิงกล่าว
“ตอนนี้ค่าพลังป้องกันของคุณอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว?” ลู่หยางถาม
“ประมาณ 102 หน่วยได้มั้งครับ” ชิงเฟิงตอบ
ลู่หยางทำการคิดคำนวณภายในใจ เพราะด้วยพลังป้องกันสูงขนาดนี้ การจะผ่านดันเจียนระดับเอ็กซ์เพิร์ทก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ในตอนนั้นเองเซี่ยหยู่เว่ยก็เดินเข้ามาและพูดกับลู่หยางว่า
“พวกเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว สามารถเดินทางไปดันเจียนกันได้เลย”
“ดูเหมือนว่าคุณจะกำลังยุ่ง ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน” ชิงเฟิงขอตัวลา
เมื่อลู่หยางเห็นว่าชิงเฟิงกำลังจะจากไป เขาจึงพูดห้ามขึ้นมาก่อนว่า
“เดี๋ยวก่อน ยังไม่ต้องรีบร้อน ฉันขอคุยกับหัวหน้าของคุณก่อน”
ลู่หยางขอให้ชิงเฟิงกับพวกเซี่ยหยู่เว่ยรอก่อน จากนั้นเขาก็ปลีกตัวไปติดต่อหาฉือมู่
“น้องชายมีอะไรหรือเปล่า?” ฉือมู่กล่าวขณะกำลังยืนต้อนรับสมาชิกใหม่ภายในกิลด์ ท้ายที่สุดช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงแย่งชิงทรัพยากร หัวหน้ากิลด์อย่างเขาจึงจำเป็นจะต้องแสดงท่าทีเป็นมิตรกับลูกกิลด์ทุกคน
“ผมอยากจะขอความช่วยเหลือ คุณพอจะมีเวลาคุยหรือเปล่า?” ลู่หยางถาม
“ได้สิ ว่ามาเลย” ฉือมู่กล่าวเพราะเขาก็อยากจะตอบแทนลู่หยางอยู่พอดี
“ผมกำลังจะไปลงดันเจียนเลเวล 3 ผมขอยืมรองหัวหน้ากิลด์ของคุณสักพักหนึ่งได้ไหม?” ลู่หยางถาม
“ไม่มีปัญหา นายจะเอาคนอื่นด้วยอีกไหม? เดี๋ยวฉันส่งนักรบฝีมือดีภายในกิลด์ไปช่วยเพิ่มก็ได้นะ” ฉือมู่เสนอ
ลู่หยางมองไปที่เจิ้งหยวนในปาร์ตี้ของเซี่ยหยู่เว่ย ก่อนเขาจะพูดว่า
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ ถ้าผมต้องการจริง ๆ เดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปอีกครั้งหนึ่ง”
หลังจากวางสายลู่หยางก็เดินมาพูดกับชิงเฟิงว่า
“ฉันตกลงกับหัวหน้ากิลด์ของคุณแล้วว่าจะขอยืมตัวคุณไปช่วยลงดันเจียนสักรอบหนึ่งหน่อย”
ชิงเฟิงก็ได้รับข้อความจากฉือมู่แล้วเช่นกัน เขาจึงตอบรับกลับไปอย่างยินดี
“ไม่มีปัญหาครับ”
ลู่หยางหันไปมองทางเซี่ยหยู่เว่ยเพื่อถามว่าทางฝั่งนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
“ฝั่งเราโอเค พร้อมเริ่มจัดปาร์ตี้ได้ทุกเมื่อ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มสร้างปาร์ตี้ก่อน พอพวกเธอเข้าปาร์ตี้ให้บอกค่าสถานะของแต่ละคนมาโดยละเอียด อ่อเดี๋ยวฉันจะเรียกคนมาช่วยเพิ่มอีกคนหนึ่งนะ เท่านี้พวกเราก็น่าจะผ่านดันเจียนไปได้แล้ว”ลู่หยางกล่าว