บทที่ 38 เงินก้อนแรก
บทที่ 38 เงินก้อนแรก
ท่ามกลางความมืดในป่าโทรลล์
ปัจจุบันลู่หยางได้ฟื้นฟูพละกำลังกลับมาอย่างเต็มที่แล้ว และเขาก็กำลังสังหารโทรลล์ต่อไปเรื่อย ๆ จนรุ่งสางของวันที่ 2 ในโลกแห่งความเป็นจริงชายหนุ่มจึงได้หยุดพัก
หลังจากใช้คัมภีร์ย้อนกลับเดินทางมายังเมืองเซนต์กอลล์ เขาก็วิ่งไปยังค่ายก็อบลินทางทิศตะวันตกเพื่อมาพบกับบีเซล
“พี่ชาย คุณกลับมาแล้วเหรอ? ผลออกมาเป็นยังไงบ้าง” บีเซลดูเหมือนจะคุยอะไรบางอย่างกับทาเซลและเมื่อเขาได้เห็นลู่หยางเดินเข้ามา ท่าทางของก็อบลินหนุ่มก็กลับมาร่าเริงในทันที
ลู่หยางเดินหยิบสร้อยโทรลล์ 200 เส้นออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยื่นให้กับบีเซล
“ฉันฆ่าพวกมันไปได้ 200 ตัว”
“โอ้โห! คุณเก่งมากเลยนะเนี่ย นี่คือค่าตอบแทนที่พวกเราเคยคุยกันเอาไว้” บีเซลกล่าวพร้อมกับหยิบถุงเงินมายื่นให้กับลู่หยาง
ระบบ: คุณได้รับ 40 เหรียญเงิน
ลู่หยางรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยและถึงแม้เงินจำนวน 40 เหรียญเงินจะจำนวนน้อยเป็นอย่างมาก แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วันที่ 3 หลังจากเกมเปิดให้บริการและระบบแลกเปลี่ยนเงินตรายังไม่เปิดให้บริการด้วยซ้ำ ซึ่งภายในกิลด์ขนาดใหญ่กิลด์หนึ่งก็มีเงินหมุนเวียนอยู่เพียงแค่ไม่กี่สิบเหรียญเงิน ดังนั้นเงิน 40 เหรียญเงินที่เขาได้รับมานี้จึงสามารถเอาไปทำอะไรได้อย่างมากมาย
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาใหม่” ลู่หยางเอ่ยคำอำลา ก่อนที่เขาจะออกจากค่ายก็อบลินและมุ่งหน้าตรงไปยังร้านค้าประมูลทางทิศตะวันออกของเมืองเซนต์กอลล์ เพื่อทำการกว้านซื้อสมุนไพรสำหรับผลิตยาต้านพิษเป็นจำนวนมาก
ภายในเกมเซคคัลเวิลด์ผู้เล่นไม่สามารถเดินทะลุตัวกันได้ หมายความว่าถ้าหากมีผู้เล่นยืนอยู่ตรงไหน มันก็ไม่มีใครสามารถเดินทะลุผ่านพื้นที่บริเวณนั้นไปได้เลย ด้วยเหตุนี้อาคารภายในเซคคัลเวิลด์จึงถูกสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โต
ร้านค้าประมูลเป็นอาคารที่มีความสูง 3 ชั้น พื้นที่บริเวณชั้นหนึ่งมีความกว้างขวางถึง 8,000 ตารางเมตร แม้แต่ประตูหน้าก็กว้างใหญ่มากกว่า 50 เมตรทำให้อาคารแห่งนี้สามารถรองรับผู้เล่นได้พร้อม ๆ กันเป็นจำนวนนับหมื่นคน
ตอนนี้มีผู้เล่นหลากหลายคนเข้ามาใช้บริการร้านค้าประมูลแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่เลือกเล่นอาชีพสายไลฟ์สไตล์ พวกเขาจึงได้นำสมุนไพร, หนังสัตว์, แร่และไอเท็มชิ้นอื่นมาขายภายในร้านค้าประมูล
ทุกพื้นที่ของห้องโถงจะมี NPC เป็นจำนวนมากคอยบริการผู้เล่น และมันก็ยังมีอุปกรณ์คล้ายตู้ ATM ให้ผู้เล่นใช้งานร้านค้าประมูลด้วยตัวเองได้อีกด้วย
ลู่หยางเดินไปที่เครื่องประมูลด้วยตัวเอง ก่อนที่เขาจะประกาศขายธนูระดับเงินที่ได้รับมาจากวอลกินด้วยราคาตั้งต้น 50 เหรียญเงินและไม่จำกัดราคาสูงสุด
จากนั้นชายหนุ่มก็ได้เลือกหมวดสมุนไพรเพื่อทำการค้นหาหญ้าสโตน์รูท, หญ้าดรายลีฟและหญ้าซิลเวอร์ลีฟ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตยาต้านพิษ
โดยปกติแล้วการประมูลสมุนไพรจะเป็นการประมูลทีละ 30 ต้น มีแค่สมุนไพรระดับสูงบางชนิดเท่านั้นที่จะมีการประมูลทีละต้น
หลังจากดูราคาสมุนไพร ชายหนุ่มก็ได้พบว่าสมุนไพรทั้งสามชนิดมีราคาเท่ากันคือสูงสุดกองละ 10 เหรียญทองแดง และต่ำสุดกองละ 3 เหรียญทองแดงทำให้ลู่หยางอดที่จะประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้
เขาจำได้ว่าในชาติก่อนหลังจากที่ผู้เล่นทยอยได้รับสูตรยาต้านพิษจากหลายช่องทาง ราคาของสมุนไพรที่ใช้ในการทำยาต้านพิษก็เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงราคาสูงสุดสมุนไพรพวกนี้ 1 กองมีราคามากถึง 1 เหรียญเงินเลยทีเดียว เขาจึงมองว่าในตอนนี้ราคาของพวกมันอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
ลู่หยางใช้เงิน 30 เหรียญเงินในการซื้อสมุนไพรมา 300 กอง จากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสมาคมนักปรุงยา
สมาคมนักปรุงยาประจำเมืองเซนต์กอลล์คือสมาคมนักปรุงยาที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ สมาคมนี้ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของเมืองเซนต์กอลล์ด้วยเช่นกัน และมันก็เป็นอาคารที่มีพื้นที่กว้างขวางมากกว่า 5,000 ตารางเมตร
หากผู้เล่นคนไหนต้องการปรุงยา พวกเขาก็ต้องมายังสมาคมนักปรุงยาแห่งนี้ หลังจากทำการจ่ายค่าธรรมเนียม 5 เหรียญเงิน ผู้เล่นก็จะได้รับสกิลพื้นฐานก่อนที่จะไปทำการปรุงยาตามสูตรต่าง ๆ ที่พวกเขาได้รับมา
ตอนนี้ชั้นล่างของห้องโถงสมาคมมีผู้เล่นให้เห็นอยู่อย่างบางตา อย่างไรก็ตามทุกคนกลับมองหน้าลู่หยางด้วยแววตาอันหยิ่งผยอง
วันนี้เป็นวันที่ 3 หลังจากเกมเปิดให้บริการและคนที่มีเงินมากพอที่จะมายังสมาคมนักปรุงยาได้ ผู้เล่นเหล่านี้ย่อมจะต้องเป็นนักปรุงยาชั้นนำภายในกิลด์ของตัวเอง
ลู่หยางรู้ดีว่าเขากับคนเหล่านี้ไม่มีทางได้ร่วมงานกันในอนาคตแน่ ๆ ชายหนุ่มจึงไม่ได้สนใจผู้เล่นคนอื่นมากเท่าไหร่นักและเดินขึ้นไปยังอาคารชั้น 2 โดยตรง จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องหมายเลข 9 ที่คุ้นเคยซึ่งเป็นห้องของโบเคนส์ ปรมาจารย์นักปรุงยา
“สวัสดีครับ ผมอยากเรียนรู้เวทมนตร์ปรุงยา” ลู่หยางกล่าวอย่างสุภาพ
โบเคนส์เป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปีกำลังยืนอยู่ข้างชั้นหนังสือ สวมชุดคลุมสีม่วงทอง ซึ่งเป็นเครื่องหมายของนักปรุงยาชั้นสูง
“หนุ่มน้อย ยินดีต้อนรับสู่การเรียนรู้ศาสตร์อันลึกซึ้ง แต่ถ้าหากนายต้องการจะเรียน มันก็มีค่าธรรมเนียมอยู่ 5 เหรียญเงิน ฉันจึงจะสามารถสอนเวทมนตร์ขั้นต้นให้กับนายได้” โบเคนส์กล่าว
“ได้ครับ” ลู่หยางกล่าวก่อนที่จะหยิบเงินให้กับโบเคนส์
โบเคนส์หยิบหนังสือสกิลขั้นพื้นฐานจากชั้นหนังสือด้านหลังมายื่นให้กับลู่หยางพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“อ่านหนังสือเล่มนี้ให้ละเอียดและนายจะค้นพบแก่นแท้ของเวทมนตร์จากเนื้อหาภายในนั้น”
ลู่หยางรับหนังสือมา ก่อนที่เขาจะเลือกใช้งานมันในทันที
ระบบ: คุณได้เรียนรู้เวทมนตร์ปรุงยาขั้นต้นแล้ว
ความชำนาญเวทมนตร์ปรุงยา 0/50
เวทมนตร์ปรุงยาขั้นต้นสามารถเพิ่มได้สูงสุดเพียงแค่ 50 เลเวลเท่านั้น หากเขาต้องการที่จะเพิ่มเลเวลเวทมนตร์ปรุงยาไปมากกว่านี้ เขาก็จะต้องมาจ่ายเงินเพิ่มเพื่อทำการเรียนรู้เวทมนตร์ปรุงยาขั้นกลาง
ลู่หยางหยิบสูตรน้ำยาต้านพิษออกมาจากกระเป๋าและเลือกใช้งานทำให้มีแสงสว่างส่องประกายพร้อมกับสูตรน้ำยาต้านพิษที่หายไป ในเวลาเดียวกันมันก็มีไอคอนของน้ำยาต้านพิษปรากฏขึ้นมาในหน้าต่างสกิลปรุงยาของเขา
ระบบ: คุณได้เรียนรู้การผลิตยาต้านพิษแล้ว
“ผมต้องการเช่าห้องปรุงยาครับ” ลู่หยางกล่าว
“ได้สิ ค่าบริการอยู่ที่ชั่วโมงละ 1 เหรียญเงิน” โบเคนส์ตอบ
ลู่หยางจ่ายเงินค่าธรรมเนียม ก่อนที่โบเคนส์จะใช้เวทมนตร์ส่งตัวเขาเข้าไปในห้องปรุงยา
ห้องปรุงยาจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการปรุงยาขึ้นอีก 1% ซึ่งมันเป็นอัตราส่วนที่สำคัญมากสำหรับผู้เล่นโดยทั่วไป แต่สำหรับลู่หยางแล้วตัวช่วยนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาเลย
สาเหตุที่เขาเช่าห้องปรุงยา มันก็ไม่ใช่เพราะอัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1% แต่มันเป็นเพราะภายในห้องมีหม้อปรุงยาขนาดใหญ่ที่สามารถปรุงน้ำยาได้พร้อมกันถึงครั้งละ 30 ขวด
ภายในเกมเซคคัลเวิลด์ผู้เล่นที่ต้องการปรุงยาจะต้องจัดการขั้นตอนต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ตั้งแต่การต้มสมุนไพร, การใส่ส่วนผสมและการคนวัตถุดิบให้เข้ากัน มันจึงใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 5 นาทีต่อการปรุงน้ำยาขึ้นมาหนึ่งขวด
แน่นอนว่าลู่หยางไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาผลิตน้ำยาทีละขวด การเช่าห้องปรุงยาเพื่อปรุงน้ำยาทีละมาก ๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้
หลังจากจุดไฟและรอจนน้ำเดือด เขาก็หยิบหญ้าสโตน์รูท, หญ้าดรายลีฟและหญ้าซิลเวอร์ลีฟโยนลงไปในหม้ออย่างละ 1 กอง
การปรุงยาครั้งเดียว 30 ขวดไม่ใช่เรื่องง่ายและผู้เล่นโดยทั่วไปไม่ได้มีความสามารถในการทำแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะถ้าหากในระหว่างขั้นตอนการปรุงยามีอะไรผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียว ในเวลานั้นวัตถุดิบทั้งหมดก็จะได้รับความเสียหายไปพร้อม ๆ กัน
แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับลู่หยางเลย เพราะในชาติก่อนเขาคือนักเวทชั้นยอดและหนึ่งในข้อบังคับของการเป็นนักเวทชั้นยอดนั่นก็คือน้ำยามานา มันจึงทำให้เขามีความสามารถในการปรุงยาแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ในช่วงแรก ๆ นักเวทยังพอเข้าดันเจียนตัวเปล่าได้ แต่หลังจากเลเวล 50 ขึ้นไปนักเวทก็จำเป็นจะต้องพกน้ำยาเข้าไปภายในดันเจียนด้วย ไม่อย่างนั้นมานาของพวกเขาก็จะไม่เพียงพอในการสังหารบอสที่อยู่ภายในดันเจียน
อย่างไรก็ตามน้ำยาแต่ละขวดก็มีราคาแพงมาก ซึ่งย้อนกลับไปในเวลานั้นลู่หยางยังไม่ค่อยมีเงินและเพื่อทำการประหยัดเงินเขาจึงค่อย ๆ เรียนรู้วิธีการปรุงยาด้วยตัวเอง เพื่อนำน้ำยามาใช้และนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องภายในกิลด์
พอคิดไปจนถึงตอนนั้น มันก็มีทั้งความขมขื่นและความสุข เพราะมันเป็นช่วงที่เขาได้เจอกับมิตรภาพที่แท้จริง
อยากเจอสมาชิกกิลด์ของลู่หยางไว ๆ แล้วสิ