บทที่ 31 หนังสือสกิลชั้นยอด
บทที่ 31 หนังสือสกิลชั้นยอด
หนังสือสกิลเป็นไอเท็มที่มีค่ามากยิ่งกว่าอุปกรณ์เสียอีก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้เล่นไม่ได้ใช้อุปกรณ์แล้ว พวกเขาก็สามารถนำอุปกรณ์ไปขายต่อได้ แต่ในกรณีของหนังสือสกิลตราบใดก็ตามที่ผู้เล่นทำการเรียนรู้หนังสือสกิลก็จะหายไปในทันที
เสี่ยวเหลียงวิ่งไปเก็บไอเท็มที่ดรอปมาจากบอสอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะนำพวกมันกลับมาหาลู่หยางด้วยสีหน้าอันเศร้าหมอง
“ลูกพี่ มันดรอปหนังสือสกิลลงมาแค่สองเล่มเอง สกิลหนึ่งชื่อชิลด์วอลล์กับอีกสกิลหนึ่งชื่อการ์เดี้ยนโพเทคชั่น ส่วนของชิ้นอื่น ๆ ก็มีแค่พวกน้ำยาฟื้นฟู”
“อะไรนะ!?” ลู่หยางอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะทำการตรวจสอบหนังสือสกิลและได้พบว่ามันคือหนังสือของสกิลชิลด์วอลล์กับการ์เดี้ยนโพเทคชั่นจริง ๆ
“น้องชาย นายโชคดีมากเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มกล่าวอย่างตื่นเต้น
“โชคดีอะไรพี่? มันไม่มีอุปกรณ์ดรอปลงมาซะหน่อย” เสี่ยวเหลียงพูดอย่างงุนงง
“นายนี่มันซื่อบื้อจริง ๆ นายไม่รู้เลยไงว่าแค่หนังสือสกิลชิลด์วอลล์เล่มเดียวมันก็มีค่ามากกว่าอุปกรณ์ระดับทอง 10 ชิ้นซะอีก”
“หา! มันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เสี่ยวเหลียงอุทานด้วยความตกใจ
“ก็ใช่น่ะสิ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชิลด์วอลล์
รายละเอียด ลดความเสียหายทุกประเภทที่ได้รับลง 40% เป็นเวลา 8 วินาที คูลดาวน์ 4 นาที
สกิลนี้เป็นสกิลสำคัญของตัวแทงค์ทุกคน และถึงแม้ในอนาคตผู้เล่นจะมีเลเวลถึง 200 แต่สกิลชิลด์วอลล์ก็ยังคงเป็นสกิลที่จำเป็นมาก ๆ อยู่ดี เพราะสกิลนี้สามารถลดความเสียหายได้มากถึง 40% แล้วถึงแม้ว่าบอสจะโกรธจนพลังโจมตีเพิ่มสูงขึ้น แต่ด้วยการสนับสนุนของสกิลนี้มันก็ยังทำให้ตัวแทงค์สามารถยืนชนบอสได้ไหว
มันเคยมีคนพูดเอาไว้ว่าตัวแทงค์จะเป็นตัวแทงค์ที่ใช้งานได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้สกิลชิลด์วอลล์แล้วเท่านั้น ซึ่งในภายหลังหากตัวแทงค์คนไหนไม่มีสกิลชิลด์วอลล์ พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้เล่นที่ไม่มีใครชวนเข้าไปในปาร์ตี้เพื่อลงดันเจียนเลย ด้วยเหตุนี้ในช่วงระยะเวลาหลัง ๆ สกิลชิลด์วอลล์เพียงแค่เล่มเดียวจึงถูกเก็งกำไรจนราคาพุ่งขึ้นไปถึงเล่มละ 50 เหรียญทอง
ยิ่งไปกว่านั้นอัตราการดรอปหนังสือสกิลชิลด์วอลล์ยังต่ำมาก และแหล่งดรอปหนังสือสกิลก็มีอยู่อย่างจำกัด ผลที่ตามมาก็กลายเป็นว่าถึงแม้ตัวแทงค์หลาย ๆ คนจะมีเลเวล 50 และเรียนสกิลที่จำเป็นสกิลอันอื่นครบแล้ว แต่ตัวแทงค์บางส่วนก็ยังไม่สามารถหาสกิลชิลด์วอลล์มาเรียนรู้ได้เลย
“รีบเรียนสกิลนี้เร็วเข้า! เมื่อนายมีสกิลนี้นายก็จะช่วยฉันลงดันเจียนยาก ๆ ได้แล้ว” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ” เสี่ยวเหลียงกล่าว ก่อนที่เขาจะกดเรียนรู้สกิลและทำให้ร่างกายของตัวเองส่องแสงสีทอง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาได้เรียนรู้สกิลชิลด์วอลล์เรียบร้อยแล้ว
“ลูกพี่ แล้วสกิลการ์เดี้ยนโพเทคชั่นล่ะมันทำอะไรได้?” เสี่ยวเหลียงถามอย่างสงสัย
“นั่นมันเป็นสกิลของนักบวชที่จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันธาตุให้กับทุกคนในปาร์ตี้ มันถือว่าเป็นหนึ่งในสกิลสำคัญช่วงต้นเกม แต่ในเมื่อมันเป็นหนังสือที่นายใช้ไม่ได้ฉันก็ขอเก็บมันเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับเก็บหนังสือสกิลเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง
หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็มองซ้ายมองขวาและได้พบว่าภายในห้องโถงยังมีฮาล์ฟออร์คอยู่อีกหลายร้อยตัว เขาจึงหันไปพูดกับเสี่ยวเหลียงว่า
“นายอยู่ฟาร์มที่นี่คนเดียวไปก่อน พยายามใช้ธนูล่อมอนสเตอร์เข้ามาแล้วฆ่าพวกมันด้วยพิษก็พอ เดี๋ยวฉันขอตัวออกไปทำภารกิจก่อนนะ”
พวกเขามีธนูที่ดรอปลงมาจากลูกน้องของแบล็คบลัด และถึงแม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยเหมาะสมกับพวกเขามากนัก แต่มันก็ยังเป็นถึงธนูระดับทองแดง
“ลูกพี่ให้ผมไปช่วยเถอะ” เสี่ยวเหลียงที่ใกล้จะเลเวล 6 แล้วพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจ
“ถ้านายอยากช่วยฉันก็รีบเพิ่มเลเวลโดยเร็วที่สุด ถ้านายอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ต้องแบ่งค่าประสบการณ์กับใคร นายก็จะเก็บเลเวลได้ไวขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่นายถึงเลเวล 10 แล้วในเวลานั้นนายก็จะช่วยฉันได้จริง ๆ” ลู่หยางกล่าว
“เข้าใจแล้วครับ” เสี่ยวเหลียงกล่าวอย่างมุ่งมั่นหลังจากที่เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน
ลู่หยางเฝ้าดูเสี่ยวเหลียงหลอกล่อมอนสเตอร์เข้ามาอีกสองรอบเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา ก่อนที่เขาจะออกจากถ้ำไปตามทางเดิม
หลังกลับมาที่เนินเขาท้องฟ้าด้านนอกก็มืดลงแล้ว ลู่หยางจึงอาศัยแสงสลัว ๆ เพื่อวิ่งตรงไปยังทิศตะวันตกของแผนที่
ทางด้านทิศตะวันตกของเนินเขาฮาล์ฟออร์ค มีป่าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่อยู่อาศัยของพวกโทรลล์ และเป้าหมายของลู่หยางก็คือการสังหารวอลกิน ผู้ซึ่งเป็นโทรลล์ชาแมนและยังเป็นผู้นำของพวกโทรลล์
อย่างไรก็ตามการพยายามสังหารโทรลล์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะไม่เพียงแต่พวกมันจะมีร่างกายแข็งแรงคล้ายฮาล์ฟออร์คแล้ว พวกมันยังมีความว่องไวและมีอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตที่เร็วที่สุดในบรรดามอนสเตอร์เลเวล 15 ทั้งหมดอีกด้วย
ถึงแม้สำหรับผู้เล่นธรรมดาการพยายามฆ่าโทรลล์จะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับลู่หยางเขาก็มีวิธีการเป็นของตัวเอง
เมื่อเดินทางมาจนถึงชายป่า ลู่หยางก็เริ่มชะลอฝีเท้าลงและเนื่องมาจากปริมาณแสงในตอนกลางคืน มันก็ยิ่งทำให้เขามองหาโทรลล์ได้ยากมากยิ่งขึ้น
โทรลล์เป็นมอนสเตอร์ที่มีผิวสีเขียว มีเขี้ยวแหลมยื่นออกมาจากปากขึ้นไปทางจมูก ร่างกายของพวกมันกำยำมีกล้ามเนื้อให้เห็นอย่างชัดเจน ผมและหนวดของพวกมันมีสีแดงขณะที่ภายในมือถือหอกหรือท่อนไม้
สาเหตุที่ลู่หยางกล้ามาป่าโทรลล์คนเดียวตั้งแต่เลเวล 7 นั้นก็เพราะว่าพวกโทรลล์โจมตีด้วยการปาหอกเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าเขากะจังหวะหลบหอกพวกนั้นได้ดี เขาก็สามารถฆ่าโทรลล์ได้สำเร็จโดยไม่จำเป็นจะต้องเสียพลังชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียว
อย่างไรก็ตามการพยายามหลบหอกก็จำเป็นจะต้องรอช่วงเวลากลางวัน เพราะในตอนกลางคืนเขาย่อมไม่สามารถมองเห็นวิถีการโจมตีทั้งหมดได้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงหาสถานที่นั่งพักเพื่อรอจนถึงช่วงเวลาเช้า
ระหว่างที่กำลังนั่งรอเบื่อ ๆ อยู่นั้น ลู่หยางก็ได้ทำการโทรไปหาหลานอวี่ที่กำลังอยู่ในดันเจียน
“เป็นไง ทีมของพวกเธอลงดันเจี้ยนไปถึงไหนแล้ว?” ลู่หยางถาม
“พวกเราตายกันไป 3 รอบแล้ว” หลานอวี่พูดด้วยน้ำเสียงอันหดหู่
ลู่หยางกั้นขำเอาไว้ไม่อยู่จนในที่สุดเขาก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“นี่คุณยังจะหัวเราะได้อีกเหรอ?!” หลานอวี่พูดอย่างเคือง ๆ
“ขอโทษ ๆ แต่ฉันกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวน่ะ พวกเธอคงจะโดนบอสฆ่าตอนที่มันเหลือพลังชีวิต 30% ใช่ไหม?” ลู่หยางถาม
“คุณรู้ได้ยังไง?” หลานอวี่ถามกลับอย่างแปลกใจ
บอสในดันเจี้ยนช่วงแรก ๆ ทำให้ผู้เล่นมือใหม่หวาดกลัวมาก เพราะแม้แต่ผู้เล่นชั้นยอดจากกิลด์ขนาดใหญ่ก็ยังไม่สามารถฆ่าบอสได้ เนื่องมาจากพวกเขายังหาเทคนิควิธีการดี ๆ ไม่เจอ เมื่อได้เห็นว่าบอสเหลือเลือด 30% ทุกคนก็คิดว่าหากปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สักเล็กน้อยก็คงจะสามารถสังหารบอสได้ จนในท้ายที่สุดความคิดแบบนี้ก็จะทำให้พวกเขาเสียเวลาไปทั้งคืน
“พวกเธอไม่จำเป็นจะต้องหาวิธีอื่นหรอก วิธีการเดียวที่จะผ่านบอสไปได้คือตัวแทงค์ต้องมีพลังป้องกันมากเพียงพอ หากตัวแทงค์มีพลังป้องกันไม่ถึง 71 หน่วยมันก็ไม่มีทางที่พวกเธอจะผ่านบอสตรงนี้ไปได้อย่างเด็ดขาด” ลู่หยางกล่าว
การคำนวณความเสียหายในเกมเซคคัลเวิลด์เป็นอะไรที่ซับซ้อนและไม่ใช่สิ่งที่จะอธิบายกันได้ง่าย ๆ ดังนั้นสำหรับผู้เล่นมือใหม่อย่างหลานอวี่ สิ่งเดียวที่ลู่หยางพอจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายมากที่สุดนั่นก็คือตัวแทงค์จำเป็นจะต้องมีพลังป้องกันให้ถึง 71 หน่วย
“ฉันจะไปบอกคนอื่นอีกที หวังว่าพวกเขาจะฟังฉันนะ” หลานอวี่กล่าว
ก่อนวางสายหญิงสาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ ซึ่งมันก็ทำให้ลู่หยางสามารถจินตนาการภาพของสาวน้อยคนนี้ได้เลย
“ไปเถอะ” ลู่หยางกล่าวก่อนที่จะวางสายไป