ตอนที่แล้วบทที่ 28 พลังอันน่าสะพรึงกลัวของลูกปัดอสรพิษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 ฆ่าได้ง่ายดาย

บทที่ 29 ฮาล์ฟออร์ควอร์ริเออร์


บทที่ 29 ฮาล์ฟออร์ควอร์ริเออร์

ความจริงแล้วพวกแบล็คบลัดกำลังพยายามพลิกทุ่งดอกไม้เพื่อหาลู่หยางอยู่พอดี เพราะท้ายที่สุดพวกจินเตียวทั้งห้าคนก็เป็นลูกน้องในโลกแห่งความเป็นจริงของเขา เมื่อแบล็คบลัดได้รู้ว่าอุปกรณ์ของทั้งห้าหายไปหลายชิ้น เขาก็ถึงขั้นโกรธออกจากเกมไปทุบต่อยคนทั้งห้าในโลกแห่งความเป็นจริง ก่อนที่จะกลับเข้าเกมมาในช่วงบ่าย

อุปกรณ์ของคนทั้งห้าเกิดมาจากการสังหารผู้เล่นไปหลายพันคน การสูญเสียอุปกรณ์ที่ได้รับมาอย่างยากลำบากจึงทำให้แบล็คบลัดโกรธแค้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเขาล็อกอินเข้ามาในเกมเขาจึงประกาศตั้งค่าหัวลู่หยางในทันที

ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่มีวิดีโอหลักฐานว่าฆ่าลู่หยางได้สำเร็จ เขาคนนั้นก็สามารถเอาวิดีโอไปขึ้นเงินกับผู้จัดการของกิลด์เอเวอร์ลาสติงได้เลย

“พี่ชาย ถ้าคุณต้องการให้ฉันซื้อยาหรือส่งของอะไรให้บอกมาได้เลยนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใครแล้วจะเอาของไปส่งให้กับคุณด้วยตัวเอง” หลานอวี่กล่าว

เมื่อได้ยินคำพูดจากหญิงสาว มันก็ทำให้ลู่หยางซาบซึ้งภายในใจ แต่เนื่องมาจากตอนนี้เขามีหัวใจแห่งเทพอสูร, คทาอาซันนิสท์สตาฟและสิ่งที่จำเป็นเพียงพอแล้ว ชายหนุ่มจึงยังไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอในตอนนี้

“ขอบใจนะ เอาไว้ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือฉันจะบอกเธออย่างแน่นอน” ลู่หยางตอบ ก่อนที่เขาจะเปิดหน้าต่างเพื่อนเพื่อมองดูเลเวลของหลานอวี่

“ตอนนี้พวกเธอน่าจะเลเวล 2 ใกล้เลเวล 3 แล้วสินะ”

หลานอวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ พวกเราใกล้เลเวล 3 แล้วและก็ได้อุปกรณ์ระดับหินมาเยอะมากพอสมควร”

“ถ้างั้นพวกเธอน่าจะเตรียมตัวลงดันเจียนเลเวล 3 กันแล้วใช่ไหม?” ลู่หยางถาม

ดันเจียนคือไฮไลท์สำคัญสำหรับเกมเซคคัลเวิลด์ และมันก็ยังเป็นช่องทางหลักในการได้รับอุปกรณ์ของผู้เล่นอีกด้วย

“ใช่ นักรบทั้งสามคนของพวกเรารวบรวมอุปกรณ์ป้องกันได้ครบเซ็ตแล้ว หยู่เว่ยจึงอยากจะพาทีมลงดันเจียนสักครั้ง” หลานอวี่ตอบ

“พลังป้องกันของนักรบมีเท่าไหร่?” ลู่หยางถาม

“นักรบทั้งสามคนมีพลังป้องกันประมาณ 62 หน่วย” หลานอวี่ตอบเพราะนี่คือค่ามาตรฐานของอุปกรณ์ระดับหิน

“ฉันแนะนำว่าอย่าพึ่งไป ตอนนี้พลังป้องกันตัวแทงค์ของพวกเธอยังไม่พอ ถ้าจะไปมันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าตัวตายเปล่า ๆ” ลู่หยางบอก

ดันเจียนในเกมเซคคัลเวิลด์ไม่มีดันเจียนไหนเป็นดันเจียนง่าย ๆ เลยแม้แต่ที่เดียว แม้แต่ดันเจียนที่ง่ายที่สุดก็จำเป็นจะต้องใช้ผู้เล่น 20 คนร่วมมือกัน ความต้องการอุปกรณ์ของดันเจียนแต่ละแห่งจึงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

หากผู้เล่นที่มีประสบการณ์อย่างลู่หยางเป็นคนคุมทีม ถึงแม้อุปกรณ์ของสมาชิกภายในทีมจะต่ำกว่าค่ากำหนดไปสักหน่อย แต่ก็ยังมีโอกาสผ่านไปได้ อย่างไรก็ตามในกรณีของเซี่ยหยู่เว่ยที่ยังคงเป็นมือใหม่ ไม่ว่าเขาจะมองยังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางผ่านดันเจียนในตอนนี้ได้เลย

“ถ้างั้นฉันจะรีบไปบอกหยู่เว่ยเดี๋ยวนี้เลย พวกเขากำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่พอดี” หลานอวี่กล่าว

“จำเอาไว้ถ้าตัวแทงค์ยังมีพลังป้องกันไม่ถึง 71 หน่วย ห้ามไปเด็ดขาด!” ลู่หยางเน้นย้ำอีกครั้ง

หากเป็นคนอื่นลู่หยางก็คงจะไม่เปิดเผยความลับออกไปง่าย ๆ แต่เนื่องมาจากอีกฝ่ายคือผู้มีพระคุณอย่างหลานอวี่ เขาจึงทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เลเวลของเธอลดหลั่นลงมา

“ได้ค่ะ” หลานอวี่ตอบ

ในถ้ำหิน

ปัจจุบันเซี่ยหยูเว่ย, จางจื่อโป๋, เจิ้งหยวนและคนอื่น ๆ กำลังปรึกษากันเรื่องลงดันเจียน

“ตอนนี้ฉือมู่กับฉงป้าไปลงดันเจียนกันแล้ว ถ้าหากพวกเขาเคลียร์ดันเจียนได้สำเร็จ มันก็จะเป็นการเคลียร์ดันเจียนเป็นครั้งแรก ต่อไปการรับสมัครผู้เล่นฝีมือดีเข้ามาภายในกิลด์มันก็จะง่ายขึ้น ในเวลานั้นการพยายามไล่ตามพวกเขามันก็จะยากมากยิ่งขึ้นไปใหญ่” เจิ้งหยวนกล่าวอย่างร้อนใจ

จางจื่อโป๋พยักหน้าและพูดว่า “เจิ้งหยวนพูดมีเหตุผล พวกเราใกล้เลเวล 3 แล้วเราน่าจะลองไปลงดันเจียนดู ด้วยอุปกรณ์ของพวกเราในตอนนี้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

การปรึกษากันในครั้งนี้ทำให้เซี่ยหยู่เว่ยโอนเอนใจไปด้วย เพราะในตอนตั้งสตูดิโอใหม่ ๆ พวกเธอทั้งแปดคนยังไม่ค่อยมั่นใจกับสตูดิโอนี้มากนัก พวกเธอจึงไม่ได้ลงทุนแย่งชิงผู้เล่นฝีมือดีกับกิลด์ขนาดใหญ่ ความลังเลในอดีตจึงทำให้พวกเธอช้ากว่าคนอื่นไปหนึ่งก้าว และเพื่ออนาคตข้างหน้าเซี่ยหยู่เว่ยจึงตั้งใจจะแย่งรางวัลเฟิร์สเคลียร์ดันเจียนมาไว้ในมือสตูดิโอหานปิง

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็…” เซี่ยหยู่เว่ยกำลังจะบอกให้ทุกคนลองดูกันเถอะ แต่จู่ ๆ หลานอวี่ก็พูดขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

“เดี๋ยวก่อน!”

“มีอะไร?” เซี่ยหยูเว่ย, จางจื่อโป๋และคนอื่น ๆ หันมามองหลานอวี่พร้อมกัน

“เอ่อ… ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเรายังจะผ่านดันเจียนไม่ได้นะ” หลานอวี่กล่าวอย่างตะกุกตะกัก

“เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกเราผ่านไม่ได้?” เซี่ยหยู่เว่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เอ๋?” หลานอวี่ไม่อยากบอกพวกเซี่ยหยู่เว่ยว่าลู่หยางเป็นคนบอกข้อมูลนี้มา แต่เมื่อเธอได้เห็นทุกคนกำลังจ้องเขม็ง หญิงสาวก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ

“พี่ชายที่เป็นคนให้อุปกรณ์กับฉันบอกมาว่าถ้าหากตัวแทงค์มีพลังป้องกันไม่ถึง 71 หน่วย อย่าพึ่งไปลงดันเจียนอย่างเด็ดขาด”

“แล้วมันรู้ได้ยังไง?! อวี่เอ๋อนี่เธอยังคุยกับมันอยู่อีกงั้นเหรอ แถมยังจะไปเรียกมันว่าพี่ชายอีกต่างหาก อย่าลืมนะว่าตอนนี้มันเป็นศัตรูกับเอเวอร์ลาสติง การไปยุ่งกับมันก็มีแต่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง” เจิ้งหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความริษยา

หลานอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า

“เจิ้งหยวนช่วยเรียกฉันว่าหลานอวี่ด้วย อีกอย่างสาเหตุที่พวกเราทุกคนในสตูดิโอสามารถรักษาอันดับท็อป 500 ได้ นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นคนบอกสถานที่เก็บเลเวลให้พวกเรามา แม้แต่สูตรทำอาหารเขาก็เป็นคนบอก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่เราก็ไม่ควรลืมบุญคุณที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือพวกเราไว้”

เจิ้งหยวนพยายามจะเถียงแต่เขาก็ถูกจางจื่อโป๋ห้ามเอาไว้ก่อน

“หลานอวี่พูดถูก พวกเราคงมาถึงจุดนี้ไม่ได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากเขา หากเขาต้องการความช่วยเหลือในเวลานั้นพวกเราย่อมหยิบยื่นความช่วยเหลือให้โดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับการลงดันเจียน ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากจะลองดู โอกาสดี ๆ แบบนี้มันมีเพียงแค่ครั้งเดียวแถมพวกเรายังขาดพลังป้องกันในส่วนที่เขาบอกไปอีกเพียงแค่ 7 หน่วย ฉันรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่โตอะไร”

จางจื่อโป๋ไม่ต้องการเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่น เขาจึงพูดวกกลับมาที่ประเด็นเดิมและจ้องมองไปยังเซี่ยหยู่เว่ยให้เธอตัดสินใจอีกครั้ง

ใจของเซี่ยหยู่เว่ยอยากจะลงดันเจียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเธอได้ฟังคำพูดของจางจื่อโป๋จึงพูดขึ้นมาว่า

“เอาเป็นว่าหลังจากพวกเราฟาร์มมอนสเตอร์จนถึงเลเวล 3 แล้ว พวกเราจะไปลองลงดันเจียนกัน”

“โอเค” จางจื่อโป๋, เจิ้งหยวนและสมาชิกคนอื่น ๆ ตอบรับอย่างกระตือรือร้น

เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลานอวี่ก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรอีกต่อไปและกลับไปฟาร์มมอนสเตอร์ต่ออย่างเงียบ ๆ

อีกฟากหนึ่ง

หลังจากพูดคุยกับหลานอวี่จบ ลู่หยางก็พาเสี่ยวเหลียงเก็บเลเวลต่อ ซึ่งในตอนนี้ฮาล์ฟออร์คทั่วทั้งห้องโถงถูกพวกเขาจัดการจนหมดแล้ว เสี่ยวเหลียงจึงมีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเป็นเลเวล 5 ขณะที่ลู่หยางมีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเป็นเลเวล 7 ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างฉงป้าไปถึง 2 เลเวล

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน จู่ ๆ มันก็มีแสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นบริเวณทางเข้าของห้องโถง

โฮก!

เสียงร้องคำรามดังสนั่นและเมื่อลู่หยางกับเสี่ยวเหลียงหันไปมองตามเสียง พวกเขาก็ได้พบกับฮาล์ฟออร์คตัวหนึ่งที่มีร่างใหญ่กว่าฮาล์ฟออร์คปกติเกือบ 2 เท่า

มอนสเตอร์ตัวนี้ถือขวานสีดำเงาวับ 2 เล่มและสวมชุดเกราะเหล็กกล้าสีดำตลอดทั้งตัว

“ฮาล์ฟออร์ควอร์ริเออร์?” ลู่หยางอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ลูกพี่ พวกเราสู้มันได้หรือเปล่า?” เสี่ยวเหลียงถาม

“ได้สิ” ลู่หยางตอบ

ฮาล์ฟออร์ควอร์ริเออร์คือมอนสเตอร์ระดับอีลิทในหมู่ฮาล์ฟออร์ค ซึ่งมอนสเตอร์ประเภทนี้เป็นมอนสเตอร์ที่หาได้ยากมาก แต่เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้เลยว่ามันมีพลังป้องกันที่สูงมากอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นขวานสีดำภายในมือของมันยังส่งกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความอันตราย แต่มอนสเตอร์ในระดับนี้ก็มีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน นั่นก็คือพวกมันไม่ได้มีภูมิต้านทานทางด้านเวทมนตร์

อย่างไรก็ตามฮาล์ฟออร์ควอร์ริเออร์ก็สามารถสังหารผู้เล่นสายเวทได้ง่าย และถ้าหากว่านักเวทแบบลู่หยางโดนสกิลชาร์จของมันเข้าไปแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่ชายหนุ่มที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานก็มีโอกาสที่จะพลาดท่าได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ไม่เชื่อ แบบนี้ต้องพิสูจน์!! อิอิ (ทัวร์อย่าเพิ่งรุม เค้าแค่พูดเล่นนนน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด