บทที่ 27 ฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 15
บทที่ 27 ฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 15
ลู่หยางพาเสี่ยวเหลียงเข้าไปภายในถ้ำพร้อมกับทำการสังหารมอนสเตอร์ตลอดทั้งทาง ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับห้องโถงขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร
ผนังรอบด้านของห้องโถงถูกประดับเอาไว้ด้วยโคมไฟ ตรงบริเวณกลางห้องมีกองไฟขนาดใหญ่และฮาล์ฟออร์คกระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโถง
“ลูกพี่ ที่นี่มีมอนสเตอร์เต็มไปหมดเลยแล้วพวกเราจะสู้ยังไง?” เสี่ยวเหลียงพูดด้วยความกังวล
ในสภาพแวดล้อมที่มีมอนสเตอร์รวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นขนาดนี้ หากพวกเขาทำการโจมตีโดนมอนสเตอร์ตัวใดตัวหนึ่ง มันก็จะดึงดูดมอนสเตอร์อีกหลายสิบตัวให้วิ่งเข้ามาพร้อม ๆ กัน
“ไม่ต้องห่วง นายเห็นหินก้อนใหญ่ตรงมุมผนังด้านซ้ายตรงนั้นไหม?” ลู่หยางถาม
เสี่ยวเหลียงพยักหน้ารับ เพราะก้อนหินก้อนใหญ่ที่ลู่หยางบอกเป็นก้อนหินที่มองเห็นเด่นชัดมาตั้งแต่ไกล
“นั่นคือจุดบัคที่พวกเราจะต้องไป พอฉันบอกให้วิ่งนายรีบวิ่งไปที่นั่นแล้วกระโดดไปหลังก้อนหินเลยนะ” ลู่หยางกล่าว
“เอ๋! ลูกพี่รู้ได้ยังไง?” เสี่ยวเหลียงถามอย่างสงสัย
ลู่หยางเตรียมคำตอบเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เขาจึงพูดออกไปว่า “มันก็เป็นเพราะว่าฉันคือผู้เล่นในช่วงเบต้าเทสน่ะสิ”
“เบต้าเทส? ลูกพี่คือคนที่ได้เข้าร่วมทดสอบก่อนเกมเปิดจริงงั้นเหรอเนี่ย! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมลูกพี่ถึงติดอันดับ 1 ในกระดานจัดอันดับ” เสี่ยวเหลียงพูดอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เขาต่อเรื่องราวต่าง ๆ ภายในหัว
ลู่หยางพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “รอฟังสัญญาณจากฉันให้ดี โอกาสมีเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้านายพลาดไปมันคงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่”
จากพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่ไปยังก้อนหินใหญ่มีระยะห่างเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตร แต่ถ้าหากเสี่ยวเหลียงวิ่งไปสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ดูจังหวะ มันก็มีโอกาสที่เด็กหนุ่มจะถูกฮาล์ฟออร์คโจมตีจนตาย
บทลงโทษการเสียชีวิตในเกมเซคคัลเวิลด์รุนแรงมาก แถมที่ค่ายของฮาล์ฟออร์คก็ไม่มีจุดเกิดให้กับผู้เล่นอีกด้วย ดังนั้นหากเสี่ยวเหลียงเสียชีวิต การจะเดินทางมายังที่นี่อีกครั้งมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากพอสมควร
“ผมจะพยายามครับ” เสี่ยวเหลียงมองไปยังหินก้อนใหญ่ด้วยความตึงเครียด
“ลูกพี่ ถ้าผมต้องวิ่งไปแล้วคุณล่ะจะทำยังไง?” เสี่ยวเหลียงถามหลังจากตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้
“ฉันมีวิธีของฉัน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับทำการเปิดโหมดอิสระ ซึ่งในระหว่างนั้นชายหนุ่มก็สังเกตการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์แต่ละตัว ก่อนที่จะตบไหล่เสี่ยวเหลียงเป็นสัญญาณว่าให้เตรียมพร้อม
เสี่ยวเหลียงพยักหน้ารับขณะที่ลู่หยางเริ่มร่ายคาถาปล่อยเบลซซิงเบิร์สลูกหนึ่งออกไปยังฮาล์ฟออร์คที่พึ่งเคลื่อนที่ไปทางซ้ายมือ ซึ่งตำแหน่งของฮาล์ฟออร์คตัวนี้อยู่ห่างจากหินก้อนใหญ่ประมาณ 10 เมตรพอดี
โฮก!
ฮาล์ฟออร์คที่ถูกโจมตีร้องคำรามด้วยความโกรธ ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าหาลู่หยาง ในเวลานั้นฮาล์ฟออร์คที่อยู่ในรัศมี 10 เมตรรอบ ๆ พรรคพวกที่ถูกจู่โจมก็กำลังพุ่งเข้าหาลู่หยางด้วยเช่นกัน ทำให้ช่วงเวลาเพียงแค่พริบตาพื้นที่บริเวณหินก้อนใหญ่ก็ปราศจากอันตรายอย่างฉับพลัน
หลังจากลู่หยางปล่อยเวทมนตร์จนเสร็จ เขาก็วิ่งเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว พอฮาล์ฟออร์คเห็นศัตรูวิ่งหนีไปพวกมันก็วิ่งไล่ตามชายหนุ่มเข้าไปอย่างใกล้ชิด
“ไป!” เมื่อลู่หยางเห็นว่าเส้นทางปลอดภัยแล้วเขาจึงร้องตะโกนให้สัญญาณเสี่ยวเหลียง
เด็กหนุ่มวิ่งตรงไปยังหินก้อนใหญ่อย่างรวดเร็ว ซึ่งในช่วงเวลานี้หากลู่หยางล่อมอนสเตอร์ไม่ติดแม้แต่เพียงตัวเดียว เสี่ยวเหลียงก็คงจะต้องตายอย่างแน่นอน
โชคดีที่ลู่หยางมีความชำนาญในการหลอกล่อมอนสเตอร์เป็นอย่างมาก มันจึงไม่มีฮาล์ฟออร์คตกหล่นอยู่ในเส้นทางเลยแม้แต่ตัวเดียว เสี่ยวเหลียงจึงสามารถวิ่งไปยังก้อนหินเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย
“ลูกพี่ ผมมาถึงแล้ว!” เสี่ยวเหลียงตะโกนหลังจากปีนขึ้นไปบนก้อนหิน
ตอนนี้ลู่หยางยังคงวิ่งหนีมอนสเตอร์ไปทั่วทั้งห้องโถง และการเคลื่อนไหวของเขามันก็ได้ดึงดูดฮาล์ฟออร์คจากบริเวณอื่น ๆ ของห้องโถงไปอีกด้วย
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของฮาล์ฟออร์คเร็วกว่าลู่หยางอยู่เล็กน้อย ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขากำลังวิ่งอยู่ภายในป่า ชายหนุ่มก็มีความมั่นใจว่าเขาจะสามารถหลบหนีมอนสเตอร์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในห้องโถงอันกว้างใหญ่มีมอนสเตอร์ขวางหน้าอยู่เรื่อย ๆ และทุก ๆ ครั้งที่เขาต้องหลบหลีกการโจมตี มันก็จะทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับมอนสเตอร์ที่ถูกลากมาหดสั้นลงไปด้วยเช่นกัน
ลู่หยางมองฮาล์ฟออร์คที่มารวมตัวกันรอบ ๆ ตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะได้พบว่ามอนสเตอร์ทั่วทั้งห้องโถงได้ถูกดึงดูดมาหาเขาเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ถูกบีบให้ไปติดมุมผนังทางด้านขวาของห้องโถงอย่างไม่มีทางหนี และมันก็ได้มีกระบองกระดูกหลายสิบอันที่พยายามฟาดกระหน่ำเข้าใส่เขา
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่จำเป็นจะต้องหลบหนีแล้ว ลู่หยางจึงใช้สกิลแฟลชกลายร่างเป็นเพียงแสงสีขาวปล่อยให้กระบองกระดูกตกลงกระทบกับพื้นที่อันว่างเปล่า
ฮาล์ฟออร์คมองหาเหยื่อที่หายไปอย่างมึนงง และพวกมันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ลู่หยางถึงหายตัวไปแบบนี้
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฮาล์ฟออร์คตัวหนึ่งจึงหันกลับไปมองแล้วมันก็ได้พบว่าลู่หยางกำลังวิ่งไปทางก้อนหินก้อนใหญ่บริเวณมุมซ้ายล่างของห้องโถง
โฮก!
ฮาล์ฟออร์คส่งเสียงร้องคำรามเป็นสัญญาณบอกพวกพ้อง ก่อนที่พวกมันจะวิ่งไล่ตามลู่หยางที่กำลังหลบหนีอีกครั้ง
ตอนนี้ลู่หยางไม่มีสกิลช่วยชีวิตเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว หากเขาถูกฮาล์ฟออร์คหลายร้อยตัวไล่ตามทัน ในเวลานั้นเขาคงจะถูกสังหารตายลงไปอย่างแน่นอน
โชคดีที่การใช้สกิลแฟลชทำให้ชายหนุ่มเว้นระยะห่างออกมาได้มากกว่า 30 เมตร และเป้าหมายก็อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ไม่ถึง 20 เมตรเท่านั้น ชายหนุ่มจึงพยายามวิ่งไปด้านหน้าอย่างสุดชีวิต
เมื่อมาถึงก้อนหินใหญ่ ลู่หยางก็กระโดดขึ้นไปในทันที เสี่ยวเหลียงจึงยื่นมือออกมาจับแขนของลูกพี่เอาไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองคนจะขึ้นไปอยู่บนก้อนหินใหญ่ด้วยกัน
ฮาล์ฟออร์คยกกระบองขึ้นมาพยายามฟาดเข้าใส่ลู่หยางเต็มแรง ซึ่งในระหว่างนั้นชายหนุ่มก็ร้องตะโกนให้สัญญาณกับเสี่ยวเหลียง
“โดด!”
ลู่หยางดึงเสี่ยวเหลียงกระโดดเข้าไปในรอยแตกของก้อนหิน ซึ่งรอยแตกนี้กว้างมากพอที่จะบรรจุชายทั้งสองคนเข้าไปได้
กระบองกระดูกฟาดเข้าใส่เพียงแค่ความว่างเปล่าอีกครั้ง และพวกมันก็พยายามใช้กระบองแทงเข้าไปในรอยแตกของก้อนหิน
ฮาล์ฟออร์คตัวอื่น ๆ ที่ไล่ตามมาพยายามแทงกระบองเข้าไปในรอยแตกของก้อนหินเหมือนกัน โดยพวกมันตั้งใจจะกระแทกลู่หยางกับเสี่ยวเหลียงให้ตายคาซอกหินตรงนั้นเลย
ตอนแรกที่ทั้งคู่กระโดดเข้าไปในรอยแตก เสี่ยวเหลียงก็คิดว่าตัวเองได้มาถึงจุดปลอดภัยแล้ว แต่เมื่อลู่หยางได้เห็นกระบองที่ถูกแทงเข้ามา เขาจึงรีบดึงตัวเสี่ยวเหลียงให้มาอยู่ชิดมุมของกำแพง
“อันตรายชะมัด!” เสี่ยวเหลียงอุทานด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับลู่หยางด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณครับลูกพี่”
“ระวังตัวหน่อย จำเอาไว้ว่าไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่หากทุกอย่างยังไม่เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ก็อย่าชะล่าใจแม้แต่นิดเดียว” ลู่หยางกล่าว
“ผมจะจำไว้ครับ” เสี่ยวเหลียงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ความจริงลู่หยางก็พูดออกไปตามนิสัยแต่เขาไม่ได้คิดเลยว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปเสี่ยวเหลียงจะจดจำคำสั่งสอนของเขาเอาไว้ตลอดเวลา และในสงครามโลกที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เด็กหนุ่มก็ได้ประกาศคำสอนของลู่หยางต่อหน้าลูกทัพทุกคน ซึ่งในเวลานั้นเสี่ยวเหลียงก็พูดคำพูดนี้ขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องในอนาคต ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
“ลูกพี่แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อ?” เสี่ยวเหลียงถาม
“เอาลูกปัดอสรพิษออกมาสิ เดี๋ยวฉันสอนเองว่ามันใช้งานยังไง” ลู่หยางตอบ
“อ๋อ ได้ครับ” เสี่ยวเหลียงตอบพร้อมกับรีบหยิบลูกปัดอสรพิษออกมา
ในชาติก่อนลู่หยางเคยเห็นคลิปคนใช้งานลูกปัดอสรพิษมาแล้ว แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกอิจฉากับผู้ที่ได้ครอบครองลูกปัดชิ้นนี้มาก อย่างไรก็ตามในตอนนี้ลูกปัดอสรพิษก็ได้มาตกอยู่ในมือของเขาแล้ว และชายหนุ่มก็อยากจะลองดูอยู่เหมือนกันว่าการฟาร์มมอนสเตอร์ 200 ตัวในครั้งเดียวมันจะให้ความรู้สึกเป็นยังไง
เอ็นดูเสี่ยวหลียง ลูกพี่บอกคำไหนจำหมดจนวันตาย 5555