บทที่ 26 ค่ายฮาล์ฟออร์ค
บทที่ 26 ค่ายฮาล์ฟออร์ค
ถึงแม้หมีดำเลเวล 10 จะตัวใหญ่มากแต่พวกมันก็ไม่ค่อยชอบขยับเขยื้อน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนที่พวกมันจะชอบอยู่ประจำจุดเดิม ๆ ไม่เดินทางออกมาบนถนนหลักของตัวเกม
ทั้งคู่หาที่พักจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ไซเลนฟอเรสต์ยามค่ำคืนดูน่ากลัวเป็นพิเศษ บนยอดไม้มีค้างคาวบินผ่านไปเป็นระยะ ส่วนบริเวณไกล ๆ ก็มีเสียงร้องของนกฮูกดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามเหล่าบรรดาหมีดำกลับยังคงอยู่ในป่าลึกวนเวียนอยู่แต่บริเวณจุดประจำของตัวเอง
“เอาล่ะพวกเราไปได้แล้ว” ลู่หยางกล่าว
“ครับ” เสี่ยวเหลียงกล่าวและเมื่อเขาได้เห็นว่าหมีดำไม่เป็นอันตรายจริง ๆ เขาจึงถามอย่างตื่นเต้น
“ลูกพี่รู้ได้ยังไงว่าพวกหมีดำมีพฤติกรรมแบบนี้?”
ลู่หยางยิ้มแล้วตอบว่า “บนเว็บไซต์ของเกมมีห้องสมุดที่เขียนข้อมูลพวกนี้เอาไว้อยู่”
แม้ในเว็บไซต์เกมจะมีห้องสมุดอยู่จริง ๆ แต่ข้อมูลเหล่านี้มันก็เป็นข้อมูลที่ผู้เล่นค้นพบเองในภายหลัง
ในชาติก่อนลู่หยางเข้าร่วมเกมในช่วงที่สตูดิโอต่าง ๆ กำลังพยายามบุกเบิกสถานที่ใหม่ ๆ กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการส่งผู้เล่นเข้าไปเก็บสมุนไพรในพื้นที่เลเวลสูง
ท้ายที่สุดในช่วงเวลานั้นสมุนไพรในพื้นที่เลเวลสูงก็ทำเงินได้ดีมาก สมาชิกของสตูดิโอต่าง ๆ จึงมักจะเสี่ยงอันตรายเพื่อเข้าไปหาสมุนไพรมาขายสร้างรายได้ให้กับตัวเอง
หลังจากมีการเสียสละชีวิตของผู้บุกเบิกมาอย่างมากมาย ในที่สุดผู้เล่นก็เริ่มเรียนรู้ถึงวิธีการเข้าไปเก็บสมุนไพรยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างปลอดภัย
ระหว่างเคลื่อนที่ไปตามถนนลู่หยางก็อดนึกถึงประสบการณ์ในอดีตขึ้นมาไม่ได้ ซึ่งในยุคนั้นมันก็ถือได้ว่าเป็นยุคที่มีผู้เชี่ยวชาญปรากฏขึ้นมาอย่างมากมายจริง ๆ
ความจริงลู่หยางก็ถือเป็นหนึ่งในนักหาเงินที่เก่งที่สุด ดังนั้นถึงแม้เขาจะหลับตาเดินแต่เขาก็ยังจำได้ว่าในแผนที่มีหมีดำประจำอยู่ตรงจุดไหนบ้าง พวกหมาป่าที่น่ากลัวประจำอยู่พื้นที่บริเวณไหน และสมุนไพรแต่ละชนิดจะขึ้นให้เก็บเป็นประจำตรงจุดไหน
ทั้งคู่วิ่งผ่านป่าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปอีก 3 ชั่วโมง พวกเขาก็ออกจากชายป่าเข้าสู่พื้นที่บริเวณเนินเขา
“เอาล่ะ พวกเรามาถึงแล้ว” ลู่หยางกล่าวขณะหันไปบอกเสี่ยวเหลียงที่อยู่ทางด้านหลัง
ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วภูมิทัศน์ทางด้านหน้าจึงค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามภาพของมอนสเตอร์ที่ปรากฏก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
“ตัวอะไรวะเนี่ย!” เสี่ยวเหลียงอุทานอย่างตกใจเมื่อสังเกตเห็นมอนสเตอร์ร่างใหญ่ที่เขาสูงเพียงแค่ครึ่งตัวของมัน
มอนสเตอร์ตัวใหญ่ตัวนี้มีศีรษะคล้ายราชสีห์ มีร่างกายอันแข็งแรงคล้ายมนุษย์ ผิวทั่วทั้งร่างของมันเป็นสีเขียว มีผ้าโพกลายเสือรอบเอวเพื่อปกปิดจุดลับ ในมือถือกระบองกระดูกสีขาว ที่กระบองนี้มีขนาดใหญ่มากยิ่งกว่าต้นขาของเสี่ยวเหลียงเสียอีก
“มันคือฮาล์ฟออร์คเป็นมอนสเตอร์เลเวล 15” ลู่หยางกล่าว
ฮาล์ฟออร์คถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสงสารในเนื้อเรื่องของเกม เพราะพวกมันเป็นส่วนที่เหลือจากสงครามระหว่างออร์คกับมนุษย์ และแน่นอนว่าพวกมันเป็นพันธมิตรกับออร์คและเป็นศัตรูกับมนุษย์
“ลูกพี่ พวกเราจะเอาชนะมันได้ยังไง?” เสี่ยวเหลียงถาม เพราะเขารู้สึกว่าเพียงแค่ฮาล์ฟออร์คกระดิกนิ้วแค่นิดเดียว สัตว์ประหลาดตัวยักษ์ตัวนี้ก็สามารถจะฆ่าเขาได้แล้ว
“ไม่ต้องไปกลัวมันหรอก เชื่อไหมว่าเราจะฆ่ามันได้โดยไม่เสียพลังชีวิตแม้แต่นิดเดียว” ลู่หยางตอบ
“หะ...หา?” เสี่ยวเหลียงอุทานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“มานี่แล้วดูให้ดี” ลู่หยางกล่าวอย่างมั่นใจ
ในชาติก่อนฮาล์ฟออร์คถูกผู้เล่นขนานนามว่าพวกมันคือเครื่องบดเนื้อในระยะประชิด เพราะฮาล์ฟออร์คสามารถสร้างความเสียหายที่สูงถึง 200 หน่วย ความเร็วในการเคลื่อนไหวและความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกมันก็สูงมาก ขณะที่พลังชีวิตและพลังป้องกันก็อยู่ในระดับที่สูงมากด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้เล่นจำเป็นจะต้องใช้ทีมที่ประสานงานกันได้เป็นอย่างดีในการรับมือกับพวกมันเท่านั้น
อย่างไรก็ตามลู่หยางก็มีวิธีการของตัวเอง เพราะในชาติก่อนมันได้มีผู้เล่นโพสต์คลิปหนึ่งที่นักเวทไฟ 5 คนใช้สกิลเบลซซิงเบิร์สผลัดกันจู่โจมเพื่อผลักให้ฮาล์ฟออร์คกระเด็นออกไป และด้วยผลของการผลักให้กระเด็นของเบลซซิงเบิร์สนี่เอง นักเวททั้งห้าจึงสามารถสังหารฮาล์ฟออร์คได้โดยไม่สูญเสียพลังชีวิตแม้แต่หน่วยเดียวด้วยซ้ำ
ถึงแม้ในตอนนี้ชายหนุ่มจะเป็นนักเวทเพียงแค่คนเดียว แต่ความเร็วในการร่ายเบลซซิงเบิร์สของเขาอยู่ที่ 0.7 วินาที ซึ่งมันเร็วกว่าการปล่อยสกิลของนักเวททั้งห้าคนในคลิปด้วยซ้ำ ลู่หยางจึงเดินเข้าไปห่างจากฮาล์ฟออร์คในระยะ 30 เมตร ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเพื่อเรียกลูกไฟขนาดใหญ่ให้ลอยขึ้นมาเหนือจากมือ
“เบลซซิงเบิร์ส!”
ปัง!
ลูกไฟชนเข้าที่หัวของฮาล์ฟออร์คอย่างแม่นยำจนทำให้มันเซถอยหลังไปก้าวหนึ่งและเกือบที่จะล้มลงกับพื้น
-135
โฮก!
ฮาล์ฟออร์คหันไปมองทางลู่หยางด้วยความโกรธแค้น ก่อนที่มันจะควงกระบองภายในมือและพุ่งเข้าหาลู่หยางด้วยความรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามทันทีที่เริ่มออกวิ่งลูกไฟลูกที่ 2 ก็พุ่งเข้ากระทบกับหัวของมันอย่างต่อเนื่อง
ปัง!
ฮาล์ฟออร์คถูกระเบิดจากเปลวไฟให้กระเด็นกลับมายังตำแหน่งเดิม
โฮก!
ความโกรธของฮาล์ฟออร์คเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ทุกครั้งที่มันพยายามก้าวเท้าไปข้างหน้า หัวของมันก็จะกระทบเข้ากับลูกไฟจนกระเด็นกลับมายังตำแหน่งเดิมในทุก ๆ ครั้ง
ฮาล์ฟออร์คเป็นเพียงแค่มอนสเตอร์ระดับต่ำที่ไม่รู้จักการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ มันจึงทำได้เพียงแต่การเคลื่อนไหวแบบเดิม ๆ และเสียชีวิตไปหลังจากลู่หยางได้ใช้เบลซซิงเบิร์สออกมาประมาณ 10 กว่าครั้ง
ระบบ: คุณได้รับค่าประสบการณ์ 286 หน่วย
“ลูกพี่โคตรเก่งเลย!” เสี่ยวเหลียงตะโกนอย่างชื่นชม
ลู่หยางหัวเราะแล้วถามว่า “นายได้ค่าประสบการณ์เท่าไหร่?”
“ผมได้ 262 แบบนี้มันเร็วกว่าการวิ่งไล่ฆ่ามอนสเตอร์ข้างนอกเยอะเลย” เสี่ยวเหลียงตอบ
การฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 1 ให้ค่าประสบการณ์แค่ 10 แต้มเท่านั้น แต่มันจำเป็นจะต้องแย่งกันฆ่ากับผู้เล่นอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังจำเป็นจะต้องรออีก 15 นาทีกว่าที่มอนสเตอร์จะขึ้นมาใหม่ แต่ที่นี่ลู่หยางฆ่ามอนสเตอร์ให้ตายได้ในเวลาไม่ถึง 1 นาที และค่าประสบการณ์ที่ได้รับ 262 แต้ม มันก็เทียบเท่าได้กับการฟาร์มหน้าเมืองเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามค่าประสบการณ์ที่ได้รับกลับทำให้ลู่หยางไม่ค่อยพอใจ เพราะหลังจากการคำนวณโดยปกติมอนสเตอร์เลเวล 15 ควรจะให้ค่าประสบการณ์ 280 แต้ม แต่เขาที่มีเลเวล 5 มาฆ่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าตัวเองอีก 10 เลเวลควรจะได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เพิ่มอีก 100% ซึ่งก็คือ 560 แต้ม แม้ว่าค่าประสบการณ์จะต้องหารเฉลี่ยกับเสี่ยวเหลียง แต่การที่เด็กหนุ่มได้รับค่าประสบการณ์ไม่ถึง 300 แต้ม มันก็ถือว่าเป็นค่าประสบการณ์ที่ไม่สูงมากนัก
“ที่นี่ยังช้าอยู่ ตามฉันมา พวกเราจะไปเก็บเลเวลที่ ๆ เร็วกว่านี้” ลู่หยางกล่าว
“หา! มันยังมีที่เร็วกว่านี้อีกเหรอ?” เสี่ยวเหลียงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะในความคิดของเขาที่นี่มันก็เป็นสถานที่ที่เก็บเลเวลที่ดีมากแล้ว
“ใช่! อย่าลืมนะว่านายมีลูกแก้วอสรพิษ ซึ่งมันก็หมายความว่านายจะเก็บเลเวลได้ดีกว่าเดิมอย่างน้อย 5 เท่า เอาล่ะตามฉันมาฉันจะพาไปที่หนึ่ง” ลู่หยางกล่าว
“ครับ” เสี่ยวเหลียงพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะตามหลังลู่หยางไปทันที
แท้ที่จริงแล้วเนินเขาฮาล์ฟออร์คคือเมืองที่พวกฮาล์ฟออร์คใช้อาศัยอยู่ หากมีใครขึ้นไปมองจากที่สูงจะมองเห็นตัวเมืองภายในหุบเขาได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ในเนินเขามีถ้ำอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และภายในถ้ำแต่ละสายก็จะมีฮาล์ฟออร์คใช้ชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยปกติผู้เล่นจะเข้าไปฟาร์มมอนสเตอร์กันภายในถ้ำ และในบรรดาถ้ำหลาย ๆ สายมันก็มีถ้ำแห่งหนึ่งที่มีจุดบัคซ่อนอยู่
ในชาติที่แล้วมีโจรชั้นยอดเข้ามาเก็บเลเวลกับพวกฮาล์ฟออร์คเพียงลำพัง แต่เขาพลาดท่าไปดึงดูดฝูงมอนสเตอร์เข้าจนถูกไล่ล่าไปจนมุมกำแพง ระหว่างที่โจรคนนั้นคิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่ ๆ แล้วเขากลับเจอช่องว่างหลังก้อนหินใหญ่ เขาจึงกระโดดเข้าไปอย่างรวดเร็วและได้พบว่าภายในซอกหินนั้นพวกฮาล์ฟออร์คไม่สามารถทำร้ายร่างกายเขาได้เลย
ต่อมาโจรคนนี้ก็ได้ใช้จุดบัคและเปลี่ยนอาวุธมาเป็นธนูเพื่อสังหารฮาล์ฟออร์คอย่างสบายใจ จนกระทั่งเขาไม่คิดจะเก็บเลเวลที่นี่แล้วเขาจึงประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่ามันมีจุดบัคอยู่ในถ้ำแห่งนี้
สาเหตุที่ลู่หยางพาเสี่ยวเหลียงมาที่ค่ายของฮาล์ฟออร์คนั้นก็เพราะว่าเขาต้องการจะใช้จุดบัคเพื่อฟาร์มมอนสเตอร์ตั้งแต่แรกนั่นเอง
ทั้งคู่ฆ่ามอนสเตอร์ไปตลอดทั้งทางพอมาถึงตรงบริเวณหน้าถ้ำ ฮาล์ฟออร์ค 3 ตัวก็สังเกตเห็นลู่หยาง พวกมันจึงควงกระบองกระดูกเข้าใส่ชายหนุ่มในทันที
“ลูกพี่เอายังไงดี?” เสี่ยวเหลียงถามอย่างกังวล เพราะในถ้ำมีฮาล์ฟออร์คอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าหากพวกเขาเคลื่อนไหวผิดพลาดไป มันก็อาจจะล่อให้ฮาล์ฟออร์คตัวอื่นไล่ตามมาได้ง่าย ๆ
“นายรออยู่ตรงนี้แหละ” ลู่หยางกล่าวอย่างไม่แยแส ก่อนที่เขาจะเริ่มร่ายคาถาในพริบตาเดียว
ลูกไฟ 3 ลูกพุ่งเข้ากระทบศีรษะของฮาล์ฟออร์คทั้งสามตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้พวกมันกระเด็นกลับหลังพร้อม ๆ กัน ขณะที่ลู่หยางยังคงร่ายคาถาออกไปอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานฮาล์ฟออร์คทั้งสามก็เสียชีวิตลง โดยที่พวกมันไม่สามารถเข้าใกล้ลู่หยางได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว
“เฮ้อ! ลูกพี่ที่นี่มีพวกฮาล์ฟออร์คอยู่เยอะมากเลยนะ” เสี่ยวเหลียงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ เพราะเมื่อมองเข้าไปภายในถ้ำสองข้างทางมันก็เต็มไปด้วยฮาล์ฟออร์คที่เบียดเสียดกันจนแน่น
“แถวนี้มีพวกมันเพียงแค่หลักสิบเท่านั้นแหละ แต่ข้างในมีพวกมันอยู่เป็นร้อย” ลู่หยางกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
ออ สบายใจขึ้นเยอะเลย 5555