บทที่ 25 เก็บสมบัติ
บทที่ 25 เก็บสมบัติ
เสี่ยวเหลียงเบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ และพูดว่า
“ลูกพี่โคตรเก่งเลย! พี่ทำได้ยังไงที่จัดการกับพวกมันทั้งห้าโดยไม่เสียพลังชีวิตแม้แต่หน่วยเดียว”
“พวกมันกระจอกเกินไปต่างหาก” ลู่หยางกล่าว
“ว่าแต่ลูกพี่ใช้เวทมนตร์ไม่เหมือนคนอื่นเลยนะ ผมเห็นนักเวทคนอื่นร่ายไฟร์บอลตั้งสามวิ แต่ลูกไฟของพวกเขาไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับลูกไฟของลูกพี่ที่ใช้เวลาร่ายเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น” เสี่ยวเหลียงกล่าว
“เรื่องนี้ฉันเล่าให้นายฟังได้แต่จำไว้ว่าจะต้องเก็บเป็นความลับ”
“ลูกไฟที่ใหญ่กว่าไฟร์บอลชื่อว่าเบลซซิงเบิร์ส ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายได้สูงกว่าไฟร์บอล 50% แต่ระยะเวลาร่ายปกติของสกิลนี้อยู่ที่ 5 วินาที โดยทั่วไปนักเวทจะไม่ใช้สกิลนี้ตอนสู้กับมอนสเตอร์หรอก แต่ในกรณีของฉันเป็นกรณีพิเศษเพราะโชคชะตานำพา หลังจากที่ฉันได้เข้าร่วมเกมเพียงแค่ไม่นานฉันก็ได้รู้จักวิธีย่อคาถา ดังนั้นถึงแม้คนอื่นจะใช้เวลาร่าย 5 วินาทีแต่ฉันใช้เวลาร่ายเพียงแค่ 0.7 วินาทีเท่านั้น”
“โห! โคตรสั้นเลย” เสี่ยวเหลียงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ถึงแม้เสี่ยวเหลียงจะยังไม่คุ้นชินกับเกมนี้แต่เขาก็พอจะเข้าใจความหมายของสิ่งที่ลู่หยางพูดเป็นอย่างดี เพราะการที่ลูกพี่ของเขาสามารถร่ายเวทได้เร็วกว่าคนอื่น 7 เท่าก็หมายความว่าลู่หยางคนเดียวมีพลังเทียบเท่ากับนักเวทคนอื่น ๆ ถึง 7 คน
“ว่าไง สนใจจะเปลี่ยนมาเล่นนักเวทไหม? เดี๋ยวฉันจะสอนวิธีย่อคาถาให้นายเอง” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้ม
แววตาของเสี่ยวเหลียงเหมือนกับหลุดลอยไปในความฝัน แต่มันก็กลับมาเป็นแววตาอันเด็ดเดี่ยวภายในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
“ไม่ล่ะ ผมขอเล่นเป็นนักรบเหมือนเดิมเนี่ยแหละ”
สาเหตุที่เสี่ยวเหลียงเลือกเล่นนักรบนั่นก็เพราะว่าเขาอยากจะคอยปกป้องลู่หยาง ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องการจะทำร้ายลูกพี่ของเขาก็จำเป็นจะต้องข้ามศพเขาไปซะก่อน เพียงแต่ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะพูดออกไปลอย ๆ ได้ แต่มันเป็นสิ่งที่จะต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ
ลู่หยางไม่คิดจะฝืนใจเสี่ยวเหลียงเพราะการเลือกอาชีพเล่นในเกมมันเป็นเรื่องของรสนิยม บางคนจึงชื่นชอบการปล่อยเวทมนตร์เหมือนกับเขา ขณะที่บางคนก็ชื่นชอบการเผชิญหน้าแบบเสี่ยวเหลียง
“ตามใจนายก็แล้วกัน ถ้าวันไหนนายอยากจะเล่นนักเวทขึ้นมาฉันจะสอนความรู้พวกนี้ให้นายหมดเลย” ลู่หยางกล่าว
“ครับ” เสี่ยวเหลียงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ไปดูไอเท็มกันเถอะว่าพวกนั้นมันดรอปอะไรลงมาบ้าง” ลู่หยางกล่าว
พวกจินเตียวทั้งห้าคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีชื่อสีแดง แล้วตามกฎของเกมเมื่อผู้เล่นชื่อแดงเสียชีวิตไอเท็มในกระเป๋าทั้งหมดจะดรอปลงมา และมันก็มีโอกาสสูงมากที่อุปกรณ์บนร่างกายจะหล่นลงมาด้วย
เสี่ยวเหลียงรีบวิ่งไปมองยังศพทั้งห้า ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ลูกพี่! พวกมันดรอปของดี ๆ ลงมาเต็มเลย”
บนพื้นเต็มไปด้วยขวดน้ำยาและอุปกรณ์ที่ส่องแสงเปล่งประกายเป็นสีทองแดง
ลู่หยางเดินไปดูแล้วพูดว่า “กิลด์เอเวอร์ลาสติงของแบล็คบลัดนี่มันเป็นกิลด์สารเลวจริง ๆ พวกมันต้องฆ่าคนไปเยอะขนาดไหนถึงได้รวบรวมอุปกรณ์มามากขนาดนี้”
วิธีการของแบล็คบลัดคือการใช้ความรุนแรงเพื่อหล่อเลี้ยงคนหัวรุนแรง ตั้งแต่พวกเขาเลเวล 0 แบล็คบลัดก็พาลูกน้องออกปล้นผู้เล่นที่อยู่ตามทาง แล้วถึงแม้วิธีนี้จะเลวทรามแต่มันก็สามารถดึงดูดผู้เล่นสาย PK จำนวนมากให้ไปเข้าร่วม ด้วยเหตุนี้กำลังของกิลด์เอเวอร์ลาสติงจึงค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น แม้ภายหลังผู้เล่นบางส่วนจะทยอยลาออกจากกิลด์เนื่องจากไม่ชอบนิสัยของแบล็คบลัดบ้างก็ตาม
เสี่ยวเหลียงเก็บอุปกรณ์ขึ้นมาทีละชิ้นและพอเขาเดินมาถึงศพของจินเตียว เขาก็สังเกตเห็นลูกปัดสีเขียวที่เปล่งประกาย
“ลูกพี่ ลูกปัดอันนี้มันแปลกมากเลย มันทำอะไรได้งั้นเหรอ?”
“นี่มันลูกปัดอสรพิษ! เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมพวกมันถึงได้ของชิ้นนี้มาตั้งแต่เลเวลยังน้อย” ลู่หยางอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ลูกปัดอสรพิษ? มันคืออะไรงั้นเหรอครับ?” เสี่ยวเหลียงถามด้วยความไม่เข้าใจ เพราะคำอธิบายไอเท็มจากเกมไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเอาไว้ ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้เล่นจำเป็นจะต้องไปหาความลับของอุปกรณ์ชิ้นนี้เอง
“น้องชาย นี่มันคือสมบัติเลยนะ!” ลู่หยางกล่าวอย่างตื่นเต้น
ในช่วงแรกของเกมไม่ค่อยมีอุปกรณ์ชิ้นไหนที่ทำให้ลู่หยางตื่นเต้นมากนัก ซึ่งนอกเหนือจากคทาอาซันนิสท์สตาฟกับหัวใจแห่งเทพอสูรที่เขาครอบครองอยู่แล้ว ลูกปัดอสรพิษที่เสี่ยวเหลียงถืออยู่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ดีในสายตาของชายหนุ่มด้วย
“ถึงว่าทำไมชาติก่อนพวกแบล็คบลัดถึงผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ที่แท้พวกมันก็ครอบครองสมบัติชิ้นนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นี่เอง” ลู่หยางพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ
“ชาติก่อน? ชาติก่อนอะไรงั้นเหรอครับ” เสี่ยวเหลียงถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไรหรอก น้องชาย นายโชคดีแล้วนะที่ได้ลูกปัดอสรพิษมา นี่คืออุปกรณ์พิเศษที่สามารถอัปเกรดได้ ส่วนเรื่องที่ว่ามันอัปเกรดแล้วเป็นยังไงพวกเราค่อยมาว่ากันทีหลัง ตอนนี้ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่ามันคือสิ่งที่ทรงพลังมากแค่ไหน”
“นี่คืออุปกรณ์ที่สามารถปล่อยหมอกพิษออกมาได้ในระยะ 10×10 เมตร ซึ่งเป้าหมายจะได้รับความเสียหายจากหมอกพิษ 10 หน่วยต่อวินาทีเป็นเวลา 5 นาทีและมีคูลดาวน์การใช้งานอยู่ที่ 2 นาที”
“โหแรงขนาดนั้นเลยเหรอ!” เสี่ยวเหลียงอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ มันแรงมาก ถ้าหากนายไปใช้หมอกพิษกับผู้เล่นด้วยกัน พวกเขาก็คงจะหลบจากหมอกได้อย่างง่ายดาย แต่มอนสเตอร์มันหลบจากหมอกพิษไม่ได้ การที่นายมีอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็เท่ากับนายมีเครื่องมือขั้นเทพสำหรับการเก็บเลเวล!” ลู่หยางกล่าว
“เยี่ยมไปเลย! แบบนี้พวกเราก็จะเก็บเลเวลได้เร็วกว่าเดิมสินะครับ” เสี่ยวเหลียงกล่าวด้วยความดีใจ
“ใช่ นายสวมลูกปัดนี่ไว้แล้วก็สวมอุปกรณ์ระดับทองแดงพวกนั้นเข้าไปด้วย ฉันจะได้พานายไปเก็บเลเวลสักที” ลู่หยางกล่าว
ตอนแรกลู่หยางตั้งใจจะพาเสี่ยวเหลียงไปทำภารกิจพิเศษที่ค่ายโทรลล์ แต่เมื่อตอนนี้พวกเขามีลูกปัดอสรพิษแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจพาเสี่ยวเหลียงไปที่ค่ายฮาล์ฟออร์คก่อน
ทั้งคู่เดินตามทุ่งดอกไม้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง และใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในการตัดผ่านพื้นที่มอนสเตอร์ตั้งแต่เลเวล 3 ไปจนถึงเลเวล 9 และในที่สุดพวกเขาก็เข้าไปภายในป่าไซเลนฟอเรสต์
“ลูกพี่ ที่นี่มันโซนมอนสเตอร์เลเวล 10 ไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวเหลียงถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา เพราะในฐานะผู้เล่นเลเวล 0 การมาฟาร์มในพื้นที่มอนสเตอร์เลเวลสูงขนาดนี้จึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหวาดกลัว
“ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ได้มาฟาร์มที่นี่หรอก” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว พวกเรายังจะต้องไปต่ออีกงั้นเหรอครับ?” เสี่ยวเหลียงถามอย่างสับสน
“หัวไวดีนี่” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
เสี่ยวเหลียงมองไปยังหมีดำเลเวล 10 ตัวใหญ่ที่อยู่ไกล ๆ ก่อนที่เขาจะอดกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ไม่ได้
ลู่หยางยิ้มขำตบไหล่เสี่ยวเหลียงเบา ๆ แล้วพูดว่า
“อย่าไปกลัวพวกมันเลย ตราบใดก็ตามที่เรามีวิธีที่เหมาะสม พวกมันก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก”