บทที่ 24 ฆ่า 5 คนรวด
บทที่ 24 ฆ่า 5 คนรวด
เมื่อทั้งสี่เข้ามาประชิดลู่หยางในระยะ 50 เมตร นักธนูกับนักเวทก็กระจายออกไปทางด้านข้าง โดยที่นักบวชยังคงอยู่ด้านหลังนักรบอยู่เหมือนเดิม
“ฉันไปก่อน” จินเตียวก้าวเท้าเข้ามาในระยะ 30 เมตร ก่อนที่เขาจะเริ่มเปิดใช้งานสกิลชาร์จใส่ลู่หยางในทันที
ชาร์จเป็นสกิลควบคุมสกิลแรกที่นักรบมักจะใช้ในการ PK ซึ่งไม่เพียงแต่การโจมตีนี้จะช่วยให้ผู้เล่นพุ่งไปในระยะ 30 เมตรภายใน 1 วินาทีเท่านั้น แต่มันยังจะทำให้เป้าหมายติดสถานะสตั๊น 1 วินาทีอีกด้วย
เมื่อไหร่ก็ตามที่ลู่หยางติดสตั๊นเพียงแค่ 1 วินาที พวกเขาย่อมทำการสังหารเป้าหมายคนนี้ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามลู่หยางก็ไม่ยอมถูกจู่โจมง่าย ๆ ซึ่งในระหว่างที่จินเตียวกำลังจะปะทะกับเขาอยู่นั้น ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มก็ปะทุออกไปด้วยไฟสีทอง
รีซิสท์ไฟร์ริง
ประเภท เวทมนตร์ธาตุไฟ
มานาที่ต้องใช้ 10
เวลาร่าย ทันที
ระยะ 5 เมตร
รายละเอียด ปลดปล่อยแรงผลักอันทรงพลังไปรอบตัวเพื่อผลักศัตรูให้ออกห่างไปจากผู้ใช้งาน ยิ่งเลเวลของผู้ใช้กับเป้าหมายแตกต่างกันมากเท่าไหร่ระยะการผลักก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับร่างของจินเตียวที่ถูกผลักกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบก้าว
นักเวทกับนักธนูที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่คิดว่าจินเตียวจะใช้งานสกิลชาร์จไม่สำเร็จ โดยในตอนนี้นักเวทกำลังร่ายเวทเรียกลูกศรน้ำแข็ง ซึ่งถ้าหากลูกศรนี้จู่โจมเข้าใส่ลู่หยางได้สำเร็จ มันก็จะทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของชายหนุ่มลดลงถึง 30%
แน่นอนว่าลู่หยางย่อมไม่ปล่อยให้นักเวทใช้สกิลออกมาได้ง่าย ๆ เขาจึงใช้สกิลเคาน์เตอร์สเปลออกมาในทันที
เคาน์เตอร์สเปล
ประเภท เวทมนตร์ทั่วไป
มานาที่ต้องใช้ 10
เวลาร่าย ทันที
ระยะ 35 เมตร
รายละเอียด สกัดกั้นเวทมนตร์ที่เป้าหมายกำลังใช้อยู่ ทำให้เป้าหมายไม่สามารถร่ายเวทมนตร์นั้นได้อีกเป็นเวลา 12 วินาที
แสงสว่างถูกปลดปล่อยออกไปจากร่างของลู่หยางเป็นสัญญาณว่าเขาสามารถสกัดกั้นเวทมนตร์ของนักเวทฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ ในเวลาเดียวกันลูกธนูของนักธนูก็มาถึง โดยการโจมตีนี้คือสกิลที่มีชื่อว่าเพียสซิงไวเปอร์ที่มีความสามารถทำให้เป้าหมายติดพิษ
ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ลูกธนูจะกระทบเข้ากับร่าง ตัวของลู่หยางก็หายตัวไปปรากฏอยู่ห่างจากนักธนูประมาณ 3 เมตร
เมื่อคู่ต่อสู้เข้ามาในระยะประชิด ธนูภายในมือของนักธนูก็ถูกระบบบังคับให้เปลี่ยนเป็นอาวุธด้ามยาวอย่างกระบองไม้
“นี่มันอะไร? ทำไมฉันถึงใช้ธนูไม่ได้!” นักธนูอุทานขึ้นมาอย่างมึนงง
“รีบถอยออกไป ตอนนี้มันอยู่ในจุดบอดของนาย แค่ถอยไปอีก 1 เมตรนายก็กลับมาใช้ธนูได้แล้ว” จินเตียวร้องตะโกน
ตัวของนักธนูก็รู้เรื่องจุดบอดของธนูเป็นอย่างดี เพียงแต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของลู่หยางทำให้เขาตกใจจนสติหลุดออกมา
แต่ในระหว่างที่เขากำลังพยายามรีบถอยหลัง ลู่หยางก็เคลื่อนที่ตามเขามาอย่างกระชั้นชิด เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาก้าวถอยหลัง 1 ก้าว อีกฝ่ายก็จะตามมา 1 ก้าว เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาก้าวถอยหลัง 2 ก้าว อีกฝ่ายก็จะตามมา 2 ก้าวด้วยเช่นกัน นักธนูจึงก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิดและหวังจะใช้อาวุธฟาดเข้าใส่ลู่หยางโดยตรง
อย่างไรก็ตามลู่หยางก็ยังคงก้าวถอยหลังตามจังหวะก้าวเดินของนักธนู ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงเท่าเดิมอยู่เสมอไม่มีเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์นี้ทำให้เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าของนักธนู เพราะถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์เล่นเกมมานานหลายปี แต่ในครั้งนี้เขาเพิ่งเคยถูกกดดันจนอับจนหนทางเป็นครั้งแรก
“ใจเย็น ๆ ฉันกำลังเข้าไปช่วย” จินเตียวตะโกนก่อนที่เขาจะใช้สกิลอินเตอร์เซปเข้าใส่ลู่หยาง
อินเตอร์เซปเป็นสกิลควบคุมสกิลที่ 2 ของนักรบที่มีผลเหมือนกับสกิลชาร์จ แต่ก่อนที่จินเตียวจะพุ่งเข้าหาลู่หยางได้สำเร็จ ลูกไฟขนาดใหญ่อีกลูกก็ถูกปาเข้ามาหานักรบหนุ่มอย่างแม่นยำ
ปัง!
จินเตียวเซถอยหลังไปขณะที่สกิลอินเตอร์เซปถูกขัดจังหวะและมีตัวเลข -147 ปรากฏขึ้นมาบนศีรษะของเขา
“รีบฮีลฉันเร็วเข้า!” จินเตียวร้องตะโกน
นักบวชรีบร่ายเวทฮิลลิ่งซึ่งจำเป็นจะต้องใช้เวลาร่าย 3 วินาที แต่ก่อนที่นักบวชจะร่ายเวทได้สำเร็จ เบลซซิงเบิร์สลูกที่ 2 ของลู่หยางก็พุ่งออกไปปะทะเข้ากับเป้าหมายเสียก่อน
ปัง!
จินเตียวถูกสังหารภายใต้การโจมตีครั้งนี้ทำให้ลูกปัดสีเขียวร่วงหล่นบนพื้นในทันที ขณะที่นักบวชเพิ่งจะร่ายเวทรักษาไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง
“ทำไมมันถึงใช้เบลซซิงเบิร์สออกมาได้ทันทีแบบนี้!” นักบวชถามด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่ใช่ทันที แต่ฉันเห็นว่ามันร่ายเวทเร็วมาก นายรีบระงับการใช้เวทมนตร์ของมันเร็วเข้า!” นักธนูที่อยู่ใกล้กับลู่หยางมากที่สุดกล่าว เพราะเขามองเห็นการร่ายเวทของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
แม้นักธนูจะพูดออกมาแบบนั้นแต่การมองเห็นกับการสกัดกั้นเวทมนตร์ให้ทันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากด้วยระยะเวลาการร่ายเวทเพียงแค่ 0.7 วินาที มันจึงทำให้แม้แต่นักเวทชั้นยอดก็ยังยากจะจับจังหวะในการสกัดกั้นเวทมนตร์ได้ทัน ท้ายที่สุดนักเวทก็จำเป็นจะต้องส่งสกิลเคาน์เตอร์สเปลออกไปใส่ลู่หยางในระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังร่ายเวทมนตร์อยู่พอดี
แน่นอนว่าผลลัพธ์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องคาดเดา นั้นก็เพราะว่านักเวทไม่สามารถใช้สกิลเคาน์เตอร์สเปลระงับเวทมนตร์ของลู่หยางได้สำเร็จ
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักบวชก็หันหลังวิ่งหนีไปอย่างตกใจ แน่นอนว่าลู่หยางย่อมไม่ปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้ ชายหนุ่มจึงใช้สกิลเฟลมอิมแพคออกไปโดยมีเป้าหมายคือแผ่นหลังของนักบวชคนนั้น
ปัง!
-135
นักบวชล้มลงกับพื้นเสียชีวิตในทันที
ตอนนี้ทั้งสนามรบเหลือเพียงนักเวท, นักธนูและลู่หยางเท่านั้น ซึ่งนับตั้งแต่ที่ชายหนุ่มได้ย้อนอดีตกลับมา นี่ก็คือการ PK ครั้งแรกของเขา
เพื่อทำการโชว์ฝีมือลู่หยางยังคงรักษาระยะห่างจากนักธนูเอาไว้ที่ 3 เมตรเสมอ และไม่ได้ใช้สกิลเคาน์เตอร์สเปลเพื่อจำกัดการโจมตีของนักเวทฝ่ายตรงข้าม แต่เขาเลือกใช้เบลซซิงเบิร์สเพื่อปะทะกับนักเวทอีกฝ่ายโดยตรง
การร่ายเบลซซิงเบิร์สของลู่หยางใช้เวลาเพียงแค่ 0.7 วินาที ขณะที่ไอซ์แอโรของนักเวทฝ่ายตรงข้ามจำเป็นจะต้องใช้เวลานานถึง 2.5 วินาที ดังนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะร่ายเวทจนเสร็จ ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ก็ปะทะเข้ากับร่างของนักเวทเข้าเสียก่อน
-142
นักเวทคนนี้ลงค่าสถานะทั้งหมดไปที่ค่าสติปัญญาทำให้พลังชีวิตสูงสุดของเขามีเพียงแค่ 96 หน่วยเท่านั้น การโจมตีในครั้งนี้จึงสามารถสังหารนักเวทลงไปได้ในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว
“เหลือแกคนเดียวแล้วนะ” ลู่หยางกล่าวขณะจ้องไปยังนักธนู
เมื่อได้เผชิญหน้ากับความโหดเหี้ยมของลู่หยาง มันก็ทำให้นักธนูหวาดกลัวไปจนถึงขั้วหัวใจ ตอนนี้เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับลู่หยางอีกต่อไปแล้ว เขาจึงหันหลังและพยายามวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต แต่น่าเสียดายที่หลังจากที่เขาวิ่งไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ลูกไฟขนาดใหญ่ 2 ลูกก็ลอยเข้ามาปะทะด้านหลังของเขาติด ๆ กัน
ปัง ๆ
นักธนูเสียชีวิตลงไปในทันทีและผลลัพธ์ของการปะทะ 1 ต่อ 5 ก็เป็นลู่หยางที่ชนะไปยังขาดลอย!
หลังจากนี้จะต้องมีการแก้แค้นรัว ๆ แน่ รอเจอเลยยยยยย