ตอนที่แล้ว บทที่ 23 การฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป บทที่ 25 การท้าทาย

 บทที่ 24 การขโมยกลางดึก


บทที่ 24 การขโมยกลางดึก

ชุยเจี้ยนกระตุ้นยี่หมิงว่า “นี่เป็นโอกาสดีเลยนะ นายพักค้างคืนที่ห้องพยาบาล ส่วนฉันก็อยู่เฝ้า ข้างบนเป็นห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ แค่หากล้องวงจรปิดมาได้ เราก็จะรู้ตัวสายลับ และเอาข้อมูลไปใช้เพิ่มคะแนนในการโหวตสุดสัปดาห์นี้ได้เลย”

ยี่หมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เอาก็ได้ งั้นขอสเต็กสักคำสิ”

ชุยเจี้ยนตอบ “ไม่ได้หรอก หมอบอกว่านายยังทานอาหารมัน ๆ ไม่ได้”

ยี่หมิงหงุดหงิด “แต่นายก็กินเนื้อเต็มถาดโชว์ฉันอยู่เนี่ยนะ?”

ชุยเจี้ยนเหลือบมองตู้ข้างเตียง “ยังมีโจ๊กเหลืออยู่อีกสองถ้วยนะ ดื่มซะ”

เมื่อได้ทานโจ๊กแล้ว ยี่หมิงก็ดูมีกำลังขึ้นมาบ้าง ทั้งสองนั่งเล่นมือถือคุยสัพเพเหระฆ่าเวลาในห้องพยาบาล หมอจะมาตรวจอาการของยี่หมิงทุก ๆ ชั่วโมง ส่วนชุยเจี้ยนที่อยู่เฝ้าก็มีหน้าที่เปลี่ยนน้ำเกลือ ซึ่งประกอบด้วยกลูโคสและเกลือแร่ต่าง ๆ

จนถึงสี่ทุ่ม บริเวณหอพักที่คึกคักก็เงียบสงบลง หมอมาตรวจยี่หมิงเป็นครั้งสุดท้ายและตั้งใจจะให้ทั้งคู่กลับไปพักที่หอพัก แต่ยี่หมิงกลับแกล้งอ้วกเป็นน้ำเปล่า หมอจึงให้เขาพักค้างที่ห้องพยาบาลและบอกชุยเจี้ยนให้เฝ้า หากมีอะไรก็ให้โทรเรียกได้

เมื่อหลอกหมอได้สำเร็จ ยี่หมิงและชุยเจี้ยนก็ชนมือกันอย่างยินดี แต่คืนนี้ไม่ง่ายเหมือนเมื่อคืนที่ปลอดคน เพราะยังคงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลาดตระเวน รวมถึงรถตำรวจที่จอดอยู่ไม่ห่าง

ชุยเจี้ยนปิดประตูห้องพยาบาลและปิดไฟ ยี่หมิงตั้งปลุกในมือถือเป็นแบบสั่น ทั้งคู่ทิ้งตัวนอนบนเตียงและโซฟา

ตอนตีสอง ทั้งสองแอบออกทางหน้าต่างของห้องพยาบาล หนึ่งชั้นถัดไปเป็นโซนสำนักงานของเจ้าหน้าที่ ห้องทำงานของครูฝึกแต่ละคนแยกเป็นห้องเดี่ยว ส่วนห้องทำการเจ้าหน้าที่เป็นห้องรวม

ชุยเจี้ยนจับท่อแล้วเริ่มปีนขึ้นไป แต่ยี่หมิงที่ทนดูไม่ไหวกระตุกแขนเขาแล้วส่งหน้ากากอนามัยขนาดใหญ่และถุงมือยางให้ ชุยเจี้ยนเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “จะยุ่งยากทำไมเนี่ย แค่ไปดูของ ไม่ใช่ฆ่าคนสักหน่อย” แต่เมื่อเห็น     ยี่หมิงพยักหน้า เขาจึงใส่ถุงมือและหน้ากากก่อนจะปีนขึ้นไปถึงหน้าต่างชั้นสอง นี่เป็นอาคารเก่า มีระเบียงกว้างเมตรหนึ่งด้านนอกหน้าต่างซึ่งสร้างไว้ป้องกันไม่ให้สิ่งของตกลงไปโดนคนด้านล่าง

ยี่หมิงเริ่มปีนตามขึ้นมา แม้จะเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่โชคดีที่ไม่สูงมาก ชุยเจี้ยนหมอบลงบนระเบียงแล้วยื่นมือดึง ยี่หมิงขึ้นมา ทันใดนั้นเอง เสียงของสลักหน้าต่างชั้นสามด้านบนดังขึ้น ทั้งสองรีบยืนแนบติดกำแพง แสงไฟฉายส่องลงมาจากหน้าต่างด้านบนทำให้ชุยเจี้ยนตกใจมาก เขาคิดว่าตัวเองเงียบที่สุดแล้ว อีกทั้งหน้าต่างยังปิดม่านแน่น ทำไมคนด้านบนถึงรู้ได้ว่ามีคนอยู่ข้างล่าง?

เขาเริ่มสงสัยว่า “หลี่หราน” เป็นใครกันแน่ เพราะห้องด้านบนนั้นเป็นห้องพักของหลี่หราน

แสงไฟดับลงพร้อมกับเสียงหน้าต่างปิด ยี่หมิงหยิบลวดเส้นเล็ก ๆ แทงเข้าไปในช่องหน้าต่าง สะกิดสลักแล้วเปิดออก ทั้งสองช่วยกันเปิดหน้าต่างเบา ๆ และย่องเข้าไปในห้องทำการของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะปิดหน้าต่างอย่างระมัดระวัง

ภายในเป็นห้องทำงานแบบเปิด มีโต๊ะทำงานสิบตัว ทั้งสองแยกกันสำรวจโดยใช้แสงจากมือถือส่องหาอุปกรณ์กล้องที่ถูกยึดไป

ไม่นานยี่หมิงก็ถูมือกันเบา ๆ เป็นสัญญาณให้ชุยเจี้ยนเดินย่อตัวไปหา ยี่หมิงถือชุดกระดาษคำตอบที่มีการกรอกคำตอบด้วยปากกาแดง ชุยเจี้ยนมองโจทย์ “มีกี่วิธีในการเชื่อมต่อกล้องวงจรปิด และจะป้องกันการเจาะระบบได้อย่างไร? จะรักษาความปลอดภัยของมือถืออย่างไร?”

ชุยเจี้ยนพิมพ์ข้อความในมือถือว่า “ข้อสอบปลายภาคเหรอ?”

ยี่หมิงพิมพ์ตอบ “ไม่รู้” แล้วก็เอามือถือเข้าไปใต้โต๊ะ ใช้เสื้อปิดแสงแฟลชและถ่ายรูปกระดาษคำตอบทีละแผ่น เมื่อถ่ายเสร็จทั้งสองก็เก็บของไว้ที่เดิมแล้วเดินหาเบาะแสต่อ

เนื่องจากอาคารเก่า โต๊ะทำงานจึงดูโบราณตามไปด้วย เป็นโต๊ะไม้ธรรมดาที่มีลิ้นชักสามชั้น ข้างซ้ายเป็นตู้เล็ก ส่วนขวาเป็นลิ้นชักสามช่อง ด้านบนปูแผ่นกระจกให้ดูสะอาดเรียบร้อย ลิ้นชักขนาดกลางสามช่องสามารถล็อกได้ แต่เป็นล็อกแบบเก่า

แม้เปิดไม่ยาก แต่ปัญหาคือมันส่งเสียงดังมาก และบางอันจะดีดกลับทันทีที่เปิดออก

ทั้งสองใช้คลิปหนีบกระดาษไขกุญแจ ชุยเจี้ยนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อพบว่ายี่หมิงเปิดได้คล่องกว่าตนเอง หลังจากค้นทั้งหกโต๊ะแล้วก็ยังไม่เจออะไร ได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางบันได ทั้งคู่รีบแอบใต้โต๊ะ โต๊ะนี้เชื่อมต่อกันเป็นแถวและมีเครื่องคอมพิวเตอร์วางอยู่ใต้โต๊ะ ซึ่งเสี่ยงที่จะเกิดเสียงดังหากขยับตัว

เสียงแอลลี่ดังขึ้น “นี่คือรายชื่อ คนในรายชื่อเป็นพวกอ่อนแอทั้งหมด พรุ่งนี้บ่ายหลังเลิกเรียนจะเก็บพวกเขาไว้เพื่อฝึกกล้ามเนื้อและระบบการหายใจ สถานที่คือห้องโยคะชั้นสองของโรงอาหาร ที่นั่นมีน้ำดื่ม และนี่คือยากล่อมประสาท”

ชายคนหนึ่งตอบ “ฉันไม่ชอบแผนของคุณหรอก ฉันชอบทำตามจังหวะของตัวเอง คัดคนออกตามใจฉันเอง”

เสียงนี้ชุยเจี้ยนไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาจำได้ว่าในการประเมินของผู้ดูแลบอกว่าเขาเป็นคนมีทักษะรอบด้าน ปรับตัวเก่ง และมีความคิด แต่ข้อเสียคือเขามักจะละเลยคนหรือสิ่งที่เขาไม่สนใจ นอกจากนี้ชุยเจี้ยนคิดว่าเสียงของชายคนนี้น่าจะถูกเปลี่ยนเสียง

การเปลี่ยนเสียงด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มีหลายวิธี ทั้งการทำให้เสียงคลุมเครือ การใช้เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่ไร้อารมณ์ หรือการปรับระดับเสียงให้สูงหรือต่ำ และวิธีสุดท้ายที่แยกแยะยากที่สุดคือการเปลี่ยนโทนเสียงจนฟังดูเป็นเสียงผู้หญิง ชุยเจี้ยนค่อนข้างมั่นใจว่าคนนี้คือครูฝึกแบล็กการ์ด ซึ่งใช้วิธีเปลี่ยนเสียงแบบสุดท้าย

แอลลี่พูด “เราต้องการให้คุณกำจัดพวกอ่อนแอ ไม่ใช่พวกที่เป็นตัวเก็ง”

ครูฝึกแบล็กการ์ดตอบ “พวกที่ถูกคัดออกแล้วจะเรียกว่าเก่งได้ยังไง อีกอย่าง ไม่ใช่หน้าที่เธอที่จะมาสั่งฉัน”

แอลลี่หัวเราะเบา ๆ “โกรธที่ฉันจับตามองยี่หมิงเหรอ?”

ครูฝึกแบล็กการ์ดตอบ “เขาคือเหยื่อของฉันตั้งแต่เช้าแล้ว”

แอลลี่ตอบ “เขารู้ตัวแล้วว่านายเล็งเขาอยู่ เลยต้องเปิดไพ่ของตัวเอง เราไม่ปฏิเสธที่จะให้เขาเป็นบอดี้การ์ดหรอกนะ”

ครูฝึกแบล็กการ์ดตอบ “เขาจะไม่ได้เป็นบอดี้การ์ด”

แอลลี่เสริม “บางทีเขาอาจจะเป็นก็ได้ ฉันกับหลินเฉินต่างกัน ฉันชอบคนที่มีความสามารถแปลก ๆ งั้นเอาเป็นว่า นอกจากเขาแล้วนายจะทำอะไรก็ได้ สำหรับคาบฝึกกำลัง ฉันจะคัด 10 คนที่มีคะแนนต่ำสุดไว้ให้”

ครูฝึกแบล็กการ์ดตอบ “10 คนที่มีคะแนนต่ำสุด ไม่ใช่ 10 คนในรายชื่อของเธอ”

แอลลี่หัวเราะ “พี่สาวชอบคนมีเอกลักษณ์แบบนี้จัง…หนีทำไมล่ะ พี่สาวแค่อยากหยิกแก้มนาย”

“ถอยไป!” ครูฝึกแบล็กการ์ดถาม “กุญแจล่ะ?”

แอลลี่ส่งกุญแจให้ “นายจะทำอะไร?”

ครูฝึกแบล็กการ์ดตอบ “ไม่บอกเธอ” แล้วก็เปิดประตูห้องทำการของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะคืนกุญแจให้แอลลี่และปิดประตู

แอลลี่ถอนหายใจด้วยความเสียดายที่ไม่ได้หยิกแก้มของเขา เธอหันหลังจะกลับ แต่ทันใดนั้นก็เห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงบันได

หลี่หรานปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ เขายืนสง่าราวกับภูเขาลูกใหญ่

แอลลี่ประหลาดใจเล็กน้อย เธออธิบาย “ไม่มีอะไร เพื่อนฉันมาทำธุระที่ห้องทำการของเจ้าหน้าที่”

หลี่หรานถาม “เสียงเมื่อกี้มาจากเพื่อนเธอเหรอ?”

แอลลี่ทึ่ง “คุณเก่งจริง ๆ”

หลี่หรานตอบ “ไม่หรอก ราตรีสวัสดิ์” แล้วเดินขึ้นบันไดไป

แอลลี่ “ราตรีสวัสดิ์”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด