บทที่ 23 สับสน
บทที่ 23 สับสน
“ปัง!”
เสียงระเบิดดังสนั่นกลางอากาศ ก่อนที่ผู้เล่นคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มควันพร้อมกับสีหน้าอันหวาดกลัว
-135 (ผลของเวทมนตร์ทำให้ติดสตั๊น 2 วินาที)
เสี่ยวเหลียงกำลังจะถามลู่หยางว่าอีกฝ่ายพยายามทำอะไรอยู่ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นผู้เล่นที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน เด็กหนุ่มก็อุทานขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
“โจร!”
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ข้างหลัง?” โจรที่ถูกลู่หยางโจมตีถามอย่างตกใจ
ลู่หยางหัวเราะเยาะแล้วตอบว่า
“มันก็เพราะแกกระจอกเกินไปน่ะสิ ฉันเลเวล 4 แล้วแต่แกแค่เลเวล 1 แบบนั้นฉันจะมองไม่เห็นแกได้ยังไง”
“อะไรนะ!?” โจรรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นคนโง่ เพราะมันดูเหมือนกับว่าลู่หยางรู้ตัวมาโดยตลอด แต่จงใจหลอกล่อให้เขาติดตามมาจนถึงที่นี่
“อย่าคิดว่าเลเวลสูงแล้วจะไม่มีใครทำอะไรแกได้ หน้าที่ของฉันไม่ใช่การฆ่าแกแต่เป็นการสะกดรอยตามแกมาเฉย ๆ” โจรตะโกนด้วยความโกรธแค้น
“ใครส่งแกมา?” ลู่หยางถาม
“หัวหน้าของฉันคือแบล็คบลัด ในเมื่อแกกล้าหาเรื่องเขา ฉันก็อยากจะรู้ว่าแกจะตายอย่างน่าอนาถขนาดไหน” โจรพูดอย่างหยิ่งผยอง
“ฉันจะตายยังไงเรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ ๆ คือฉันรู้ว่าแกจะตายยังไง” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับปาลูกไฟออกไปใส่โจร
พลังชีวิตของโจรมีแค่ 160 แต้มหลังจากโดนเฟลมอิมแพคเข้าไปเมื่อสักครู่ มันก็ทำให้เขาเหลือพลังชีวิตเพียงแค่ 25 แต้มเท่านั้น นอกจากนี้การเผชิญหน้ากับนักเวทและนักรบพร้อม ๆ กันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ด้วยเหตุนี้โจรจึงปล่อยให้ลูกไฟตกกระทบร่างโดยไม่คิดจะหลบหนีเลยแม้แต่นิดเดียว
ระบบ: คุณได้ฆ่าผู้เล่น!
“ลูกพี่ พวกเราควรจะเอายังไงต่อไปดี?” เสี่ยวเหลียงถามอย่างร้อนใจ
หลังจากเข้ามาภายในเกมเสี่ยวเหลียงก็เริ่มจะรู้จักชื่อเสียงของแบล็คบลัดบ้างแล้ว เพราะกลุ่มผู้เล่นที่ไปจองพื้นที่ฟาร์มบริเวณแถวทุ่งดอกไม้ก็เป็นลูกน้องของพวกแบล็คบลัดด้วยเหมือนกัน
“ไม่ต้องห่วง นายหลบไปก่อนแล้วรอดูฝีมือฉันได้เลย” ลู่หยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“หัวหน้าคุณจะสู้กับพวกมันคนเดียวจริง ๆ เหรอ?” เสี่ยวเหลียงถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ใช่สู้แต่ฉันจะเชือดพวกมันต่างหาก” ลู่หยางกล่าว
ในช่วงเวลานี้ศักยภาพโดยรวมของผู้เล่นแต่ละคนยังไม่สูงมากนัก เพราะหลังจากเข้าเกมมาเพียงแค่ 2 วันไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นมือใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์ของพวกแบล็คบลัดย่อมไม่มีทางดีกว่าอุปกรณ์ของเขา แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงประสบการณ์ที่ลู่หยางได้ฝึกฝนภายในเกมนี้มาแล้วถึง 10 ปี
—
ในอีกฟากหนึ่งห่างจากลู่หยางไปประมาณ 500 เมตร มันก็มีเงาของผู้เล่น 5 คนกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ผู้นำของคนกลุ่มนี้คือนักรบที่สวมชุดเกราะสีดำเต็มตัว มือขวาของเขาถือดาบ ขณะที่มือซ้ายสวมลูกปัดสีเขียว ห่างออกไปคือนักธนูที่กำลังเปิดใช้สกิลนิมเบิลออร่าเพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของสมาชิกทั้งทีมอีก 10% ส่วน 3 คนที่เหลือภายในทีมก็ประกอบไปด้วยนักเวท, นักบวชและโจรตามลำดับ
“ระวังกันด้วย สปายของเราโดนมันฆ่าไปแล้ว คนคนนั้นน่าจะมีฝีมือพอตัว” จินเตียวผู้ซึ่งเป็นนักรบชุดเกราะดำกล่าว
“อะไรนะ? หัวหน้าสั่งมาว่าพวกเราจะต้องฆ่ามันให้ได้ อย่าปล่อยให้มันหนีไปเป็นอันขาด” ฉุนเฟิงผู้ซึ่งเป็นโจรภายในทีมกล่าว
หลังจากพูดจบฉุนเฟิงก็สังเกตเห็นลู่หยางยืนอยู่บนทุ่งหญ้าในระยะไกล เขาจึงส่งเสียงตะโกนด้วยสีหน้าอันดุดัน
“เจอแล้ว!”
ตอนแรกจินเตียวยังเป็นห่วงว่าเป้าหมายจะหนีไปซะก่อน ซึ่งในกรณีนั้นพวกเขาจะต้องโดนหัวหน้าต่อว่าแน่ ๆ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าพวกเขาสามารถหาเป้าหมายเจอได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมันก็ทำให้สมาชิกทุกคนภายในทีมรู้สึกโล่งใจมาก
“ล้อมมันไว้! อย่าปล่อยให้มันหนีไปเด็ดขาด!!” จินเตียวพูดอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้องห่วง มันหนีไม่รอดแน่” ฉุนเฟิงใช้สกิลสปริ้นท์เพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นอีก 30% แล้ววิ่งเข้าไปหาลู่หยางอย่างฉับพลัน
“ระวังด้วย! นายก็ชื่อแดงเหมือนกัน ถ้าหากนายไปไกลเกินไปฉันช่วยรักษาให้นายไม่ได้นะ” นักบวชในทีมตะโกนพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แค่ฆ่ามัน! ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนายหรอก” ฉุนเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ เพราะในกิลด์เอเวอร์ลาสติงของแบล็คบลัด ตัวเขาก็ถือว่าเป็นโจรชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว
ที่จริงแล้วผู้เล่นทั้งห้าคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นชั้นยอดของแบล็คบลัดด้วยกันทั้งสิ้น หากวัดความสามารถกันภายในกิลด์ พวกเขาแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เก่งกาจในสายอาชีพของตัวเอง
“หยุดมันเอาไว้ก่อน พวกเรากำลังรีบตามไป” นักเวทภายในทีมตะโกน
“รีบ ๆ หน่อยก็แล้วกัน” ฉุนเฟิงกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลู่หยางในระยะ 30 เมตร ทันใดนั้นเขาก็กระโจนขึ้นไปบนฟ้าและหยิบลูกธนูออกมาเพื่อทำการจู่โจม
“แกจะหนีไปไหนได้” ฉุนเฟิงกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“หาที่ตายชัด ๆ” ภายในมือของลู่หยางปรากฏลูกไฟขนาดใหญ่ ซึ่งมันก็มีปริมาณของเปลวไฟมากกว่าสกิลไฟร์บอลถึงสองเท่า ก่อนที่ชายหนุ่มจะปาลูกไฟขนาดใหญ่นั้นเข้าไปหาฉุนเฟิง
เบลซซิงเบิร์ส
ประเภท เวทมนตร์ธาตุไฟ
มานาที่ต้องใช้ 30
เวลาร่าย 5 วินาที
ระยะ 35 เมตร
รายละเอียด ยิงลูกไฟร้อนแรงไปยังเป้าหมาย สร้างความเสียหาย 36-42 หน่วยและมีผลทำให้เป้าหมายกระเด็น
ตอนนี้ฉุนเฟิงกำลังลอยอยู่ในอากาศ เมื่อลู่หยางยิงเบลซซิงเบิร์สออกมา มันจึงทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีการโจมตีในช่วงเวลานี้ได้
ปัง!
-144
การจู่โจมครั้งนี้ทำให้ฉุนเฟิงถูกสังหารภายใต้การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะท้ายที่สุดโจรคนนี้ก็ได้เทค่าสถานะทั้งหมดไปที่ค่าความคล่องแคล่วทำให้เขามีพลังชีวิตสูงสุดอยู่ที่ 100 ซึ่งก่อนตายฉุนเฟิงก็ยังไม่เข้าใจว่าลู่หยางร่ายเวทเบลซซิงเบิร์สที่จะต้องใช้เวลาร่ายถึง 5 วินาทีออกมาได้ยังไง
แน่นอนว่าฉุนเฟิงย่อมไม่รู้ว่าลู่หยางได้ปลดล็อกโหมดอิสระแล้ว และมันก็ทำให้ชายหนุ่มสามารถร่นระยะเวลาการร่ายเวทของสกิลเบลซซิงเบิร์สได้
ในอนาคตสกิลเบลซซิงเบิร์สจะเป็นเวทมนตร์โจมตีหลักของนักเวทไฟ ซึ่งเหล่าบรรดานักเวทชั้นแนวหน้าในช่วงเวลานั้นได้ช่วยกันค้นคว้าจนร่นระยะเวลาการร่ายลงมาเหลือเพียงแค่ 0.7 วินาที ดังนั้นลู่หยางจึงสามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมาได้ราวกับเขาไม่ได้ใช้เวลาในการร่ายเวทเลย
พวกจินเตียวที่วิ่งตามมาต่างก็มองตัวเลขความเสียหายอย่างตกตะลึง
“มันฆ่าฉุนเฟิงได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว พลังเวทของมันมีเยอะขนาดไหนกันเนี่ย?!” นักเวทถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อกี้ตอนมันใช้เบลซซิงเบิร์สออกมา มันเหมือนไม่ได้ใช้เวลาในการร่ายเลย” นักธนูกล่าว
“หรือว่าเขาจะมีสกิลรีลีช” นักบวชถาม ซึ่งสกิลรีลีชคือสกิลที่สามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมาได้ในทันทีโดยมีระยะเวลาคูลดาวน์อยู่ 2 นาที
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ พวกเราควรฆ่ามันก่อน ทุกคนตามฉันมาแล้วเริ่มตั้งขบวนทัพสังหาร”
“อือ” สมาชิกภายในทีมส่วนที่เหลือพยักหน้ารับอย่างจริงจังและไม่กล้าประมาทลู่หยางอีกต่อไป
เจอแน่พวกเอ็งงงงง