บทที่ 18 ให้
บทที่ 18 ให้
“เอ่อ…” สีหน้าของหลานอวี่เต็มไปด้วยความผิดหวังและถึงแม้เธอต้องการจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง แต่หญิงสาวก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี
เมื่อลู่หยางเห็นสีหน้าของหลานอวี่ มันก็อดที่จะทำให้ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ก่อนที่เขาจะพูดคำพูดที่ทำให้ทุกคนตกใจออกมา
“ฉันให้”
“ว่าไงนะ?!” ผู้เล่นโดยรอบอุทานอย่างตกตะลึงรวมถึงฉงป้าและฉือมู่ที่กำลังมองไปทางลู่หยางด้วยความประหลาดใจ
“คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ?” หลานอวี่ถามหลังจากที่เธอชะงักค้างไปครู่หนึ่ง
ลู่หยางลุกขึ้นอย่างสบาย ๆ พร้อมกับหยิบไม้เท้าเอาไปวางไว้ด้านหน้าหญิงสาว
“ฉันบอกว่าฉันยกสตาฟออฟเมดดิเทชั่นชิ้นนี้ให้กับเธอ”
“ให้จริง ๆ เหรอ?”
ผู้เล่นรอบข้างต่างก็ฮือฮาขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะไม้เท้าชิ้นนี้ไม่ใช่อุปกรณ์ธรรมดาแต่เป็นอุปกรณ์ระดับเงินที่น่าจะสามารถใช้ไปจนถึงเลเวล 10 ได้สบาย ๆ
“เอ๊ะ” หลานอวี่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเล็กน้อย ขณะยื่นมือออกไปรับไม้เท้าอย่างงุนงง
“เธอจำไม่ได้เหรอที่ฉันเคยบอกเอาไว้ครั้งก่อนว่าถ้าหากเราเจอกันอีกฉันจะมีของขวัญมาให้ อันนี้แหละคือของขวัญที่ว่า รับไว้สิ” ลู่หยางหมุนไม้เท้าในมือรอบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะยื่นมันให้กับหลานอวี่
หลานอวี่มองไม้เท้าภายในมืออย่างงวยงง เพราะท้ายที่สุดอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็มีความหมายสำหรับผู้เล่นทุกคนเป็นอย่างมาก
ไม้เท้าระดับเงินชิ้นนี้คือไม้เท้าสำหรับนักบวชที่ดีที่สุดในหมู่บ้านมือใหม่ การได้รับอุปกรณ์ชิ้นนี้ไปสามารถพลิกสถานการณ์ให้กับทีมเวลาลงดันเจียนได้เลย
“อาจารย์ ของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป ฉันรับเอาไว้ไม่ได้หรอก” หลานอวี่กล่าว
เซี่ยหยู่เว่ยเดินมาข้าง ๆ หลานอวี่ ขณะมองไปทางลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
“พวกเราสตูดิโอหนานปิงขอขอบคุณในน้ำใจของคุณ แต่ของชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป พวกเราไม่สามารถรับมันฟรี ๆ ได้ บอกไอดีของคุณมาเถอะเดี๋ยวฉันจะโอนเงินให้ 5,000 เครดิต”
ลู่หยางมองไปทางเซี่ยหยู่เว่ยอย่างประหลาดใจ เพราะท่าทางแบบนี้มักจะถูกแสดงออกมาในเวลาที่เธอรังเกียจใครบางคนเท่านั้น
“หยู่เว่ย ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ล่ะ” หลานอวี่ส่งข้อความหาเซี่ยหยู่เว่ย
“ในโลกนี้มันไม่มีของฟรีหรอกนะ เขาคนนี้จะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่ ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยส่งข้อความกลับ
หลานอวี่อยากจะโต้แย้งเพราะเธอรู้สึกว่าลู่หยางไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มพูดว่ายังไงดี
เมื่อลู่หยางเห็นสถานการณ์ในปัจจุบันเขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าตัวเองทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้แคร์เรื่องเหล่านั้นเท่าไหร่ ชายหนุ่มจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดกับหลานอวี่ว่า
“ถ้าเธอรู้สึกว่ามันมีค่ามากจริง ๆ ก็ช่วยเก็บความลับของฉันต่อไป ห้ามเอาความลับนี้ไปบอกกับใครเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“อือ” หลานอวี่พยักหน้ารับทั้ง ๆ ที่เธอยังคงงงอยู่
ลู่หยางอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวของหลานอวี่เหมือนในชาติที่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้เขายังทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหญิงสาวอาจจะเข้าใจเจตนาของเขาผิดไปแน่ ๆ
นอกจากนี้เกมเซคคัลเวิลด์ยังมีกฎว่าการกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัวจำเป็นจะต้องได้รับอนุญาตจากอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน หากเขาทำอะไรลงไปโดยพลการ มันก็มีโอกาสที่เขาจะถูกระบบลงโทษอย่างหนัก
“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันได้แล้ว ฉันไม่มีอะไรจะขายแล้ว” ลู่หยางบอกกับผู้เล่นรอบข้าง และเนื่องมาจากการเล่นเกมตลอดทั้งวันเขาจึงต้องการจะออกจากเกมไปพักผ่อนซะหน่อย
“น่าเสียดายจัง ฉันไม่ได้ซื้ออะไรมาสักชิ้นเลย”
“เฮ้อ! พวกเราไปกันเถอะ”
ผู้เล่นรอบ ๆ ค่อย ๆ กระจายตัวกันออกไปแต่ยังมีผู้เล่นบางคนที่ยังคงยืนอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นว่าฉือมู่กับฉงป้าไม่ยอมจากไปไหน พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
“น้องชายอย่าพึ่งรีบไปสิ” ฉงป้ากล่าว
“คุณมีอะไรอีกงั้นเหรอ?” ลู่หยางถาม
“น้องชายสนใจจะมาเข้าร่วมกิลด์ของเราไหม? นายก็น่าจะรู้ว่าฉัน ฉงป้าเป็นคนยังไง ฉันไม่เคยเอาเปรียบพี่น้องคนไหน ถ้านายยินดีเข้าร่วมฉันก็สัญญาว่าจะให้นายได้เข้าร่วมทีมหลักเลย” ฉงป้ากล่าว
ฉือมู่รีบเดินมาด้านหน้าลู่หยางด้วยเช่นกัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า
“ฉันยินดีจะเซ็นสัญญายกตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์ให้กับนาย 3 ปีไปเลย ข้อเสนอของฉันพอจะน่าสนใจบ้างไหม?”
ลู่หยางรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนจะต้องพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดจะเข้าร่วมกับกิลด์ของคนอื่น เพราะไหน ๆ เขาก็มีโอกาสได้เกิดใหม่ทั้งที อีกอย่างการพึ่งพาคนอื่นมันก็ไม่ใช่สไตล์ของเขาตั้งแต่แรก
“ขอโทษด้วยแต่ฉันไม่สนใจ” ลู่หยางกล่าว ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในโรงแรมที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นเขาก็จ่ายเงิน 10 เหรียญทองแดงเพื่อเช่าห้องพักสำหรับออกจากเกม
“เขาไปแบบนี้เลยงั้นเหรอ?”
“หัวหน้ากิลด์ใหญ่ 2 กิลด์อุตส่าห์มาเชิญเขาด้วยตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นคงจะดีใจจนไม่รู้จะเลือกเข้ากิลด์ไหนดี แต่เขากลับหันหลังเดินหนีไปดื้อ ๆ แบบนี้เนี่ยนะ”
ผู้เล่นที่อยู่ด้านหลังฉือมู่กับฉงป้าต่างก็มีสีหน้าไม่พอใจ อย่างไรก็ตามหัวหน้ากิลด์ทั้งสองกลับไม่พูดอะไรออกมาเลย ทั้งคู่แค่ส่งสายตามองกันนิดหน่อย ก่อนที่พวกเขาจะนำคนของตัวเองเดินจากไป
พวกเซี่ยหยู่เว่ยยังคงยืนอยู่ตรงนี้เช่นเดียวกัน เพราะตอนแรกเธอพยายามจะบังคับให้ลู่หยางรับเงินค่าคทาไป อย่างไรก็ตามเมื่อเธอได้เห็นชายหนุ่มปฏิเสธคำเชิญของฉงป้าและฉือมู่ มันก็ทำให้เซี่ยหยู่เว่ยตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ตอนแรกทั้งหลานอวี่และเซี่ยหยู่เว่ยต่างก็คาดเดาว่าลู่หยางคงจะตัดสินใจเข้าร่วมกิลด์ใหญ่กิลด์ไหนสักแห่ง แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่สนใจจะตอบรับคำเชิญของกิลด์ไหนเลย
“ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคือผู้เชี่ยวชาญหรือแค่หัวรั้นกันแน่ ฉือมู่กับฉงป้าอุตส่าห์ให้เกียรติเชิญเขาเข้าร่วมกิลด์ด้วยตัวเอง แต่เขากลับปฏิเสธคำเชิญอย่างไม่ใยดี” จางจื่อโป๋กล่าว
“มันก็เป็นแค่คนปัญญาอ่อน คอยดูเถอะไอ้ขี้เก๊กนั่นจะต้องโดนสองกิลด์ใหญ่ไล่ฆ่าแน่ ๆ” เจิ้งหยวนกล่าวอย่างหงุดหงิด
“พอแล้ว! นายพูดน้อย ๆ ลงหน่อยเถอะ ถ้าไม่ใช่คำพูดของนายไม้เท้านี่ก็คงจะเป็นของเราไปตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องให้หลานอวี่ไปติดหนี้บุญคุณกับเขาแบบนั้นด้วย” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
พอพูดถึงเรื่องนี้มันก็ทำให้เจิ้งหยวนอารมณ์เสียขึ้นมาอีกรอบ เขาจึงพูดออกไปด้วยความอิจฉาริษยาว่า “ไอ้ขี้เก๊กนั่นมันเป็นใครถึงกล้ามาทำให้หลานอวี่ติดหนี้บุญคุณมันได้ หลานอวี่บอกชื่อมันมาเดี๋ยวนี้ ทันทีที่ฟังก์ชันแลกเปลี่ยนเงินตราเปิดให้บริการฉันจะโอนเงินคืนให้มันทันที”
“ไม่ต้องหรอก” หลานอวี่กล่าว
“ทำไมล่ะ? เธอจะปล่อยให้คนแบบนี้มายุ่งกับเธอไม่ได้ ฉันมั่นใจว่ามันไม่ได้มีเจตนาดีแน่ ๆ” เจิ้งหยวนกล่าว
จางจื่อโป๋มองไปที่เจิ้งหยวนพร้อมเก็บคิดในใจว่าคนที่ไม่ได้มีเจตนาดีก็คือชายคนนี้นั่นแหละ แต่เมื่อคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนแปลกหน้า มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจด้วยเช่นกัน
“ฉันเห็นด้วยกับเจิ้งหยวนนะ คนคนนี้ลึกลับมากจนเกินไป เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร ไอเท็มพวกนี้เขาไปเอามาจากที่ไหน บางทีการระวังตัวเอาไว้ก่อนมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร”
“เห็นไหมทุกคนต่างก็เห็นด้วยกันหมด บอกชื่อไอ้หมอนั่นมาเถอะ ฉันจะจ่ายเงินคืนมันไปเอง แค่นี้ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก” เจิ้งหยวนกล่าว
หลานอวี่ยังคงส่ายหัวและยืนกรานพูดขึ้นมาว่า
“พวกเราออกจากเกมกันเถอะ เขาไม่มีทางตามมายุ่งกับฉันหรอก”
“เธอรู้ได้ยังไง?” เซี่ยหยู่เว่ยถามก่อนที่เธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เขาบอกให้เธอเก็บความลับเอาไว้! เขามีความลับอะไรงั้นเหรอ?!”
“เออ... ไม่มีความลับอะไรหรอก พวกเราออกจากเกมกันเถอะ ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว” หลานอวี่กล่าวโดยที่ในแววตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
เซี่ยหยู่เว่ยจ้องมองไปยังเพื่อนสาวอย่างสงสัย ขณะที่หันไปพูดกับจางจื่อโป๋ที่อยู่ข้าง ๆ
“มันจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ”
จางจื่อโป๋พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
พี่ก็รุกเกิ้นนนนน อันนี้ล็อกมงแล้วเหรอ?