ตอนที่ 20 : การปรากฏตัวอันน่าตื่นตาตื่นใจของไป๋เยว่กวง
เจียงฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งหลังจากได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็เม้มริมฝีปากเบาๆ
เธอฝึกเปียโนและเต้นบัลเล่ต์อยู่ตลอดทั้งวัน ชีวิตที่มีความสุขที่สุดก็คือการได้อ่านนิยายแฟนตาซีผจญภัย แต่ช่วงนี้ฉันพาเธอไปเที่ยวเล่น พาไปบ่อน้ำพุร้อน และแม้กระทั่งยอมเสียหน้าไปนั่งรถหยอดเหรียญเป็นเพื่อนเธอ คงจะแปลกถ้าเธอไม่รู้สึกเหงา
“ไปกันเถอะ รีบเก็บของเร็ว”
“เราจะไปไหน?”
“พาเธอไปดูโอลิมปิกที่บาร์”
ดวงตาของเฟิงหนานซูเป็นประกายทันที เธอรีบคว้ากระเป๋าใบเล็กของตัวเองแล้วจัดหนังสือให้เรียบร้อยก่อนจะเก็บกลับเข้าชั้นหนังสือ จากนั้นก็วิ่งลงบันไดตามไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ยังเที่ยงวันอยู่และบาร์ยังไม่ถึงเวลาเปิด แต่ในฐานะผู้ดูแลบาร์แห่งนี้ที่เจียงฉินต้องทำก็แค่เปิดประตูแล้วเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้นการที่ในบาร์ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน เพราะเฟิงหนานซูจะได้ไม่รู้สึกกังวลจนเกินไป
เจียงฉินพาเฟิงหนานซูเข้าไปในบาร์ ชี้ไปที่โต๊ะแล้วบอกให้เธอนั่งเฉยๆ จากนั้นเขาก็เดินออกไปพร้อมกับถือแผ่นป้าย OPEN ไว้ในมือ ผลักเปิดประตูแล้วแขวนไว้ที่หน้าประตู
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ร่างสี่ร่างก็เดินข้ามถนนมา
คนแรกเป็นชายเตี้ยร่างท้วมผิวสีเข้ม ตามมาด้วยชายเจ้าสำอางเกินเหตุ และสุดท้ายคือสองสาวที่สะพายกระเป๋าสะพายข้าง
“พ่อบุญธรรม!”
“?????”
เจียงฉินเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าพวกเขาคือกัวจื่อหัง ฉินจื่ออัง หยูชาชา และหวังฮุ่ยหรู: “พวกนายมาที่นี่ทำไม”
กัวจื่อหังวิ่งจนเหงื่อท่วมตัว แต่ในดวงตากลับมีความรู้สึกภาคภูมิใจอย่างอธิบายไม่ได้: “ฉันบอกไปว่าตอนนี้นายเป็นคนดูแลบาร์แห่งนี้อยู่ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงพวกเขาก็ไม่ยอมเชื่อ ฉันเลยพาพวกเขามาดูด้วยตัวเองเลย!”
หวังฮุ่ยหรูเอ่ยทันที: “ฉันไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ ฉันแค่มาร่วมสนุกเฉยๆ หยูชาชาต่างหากที่ไม่เชื่อ”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ ฉันแค่มาที่นี่เพื่อพิสูจน์แทนซือฉีของเรา”
หยูชาชาเม้มริมฝีปากและอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ เจียงฉิน: “นายใช้เงินสามแสนหยวนเช่าบาร์แห่งนี้จริงๆ เหรอ?”
“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของกัวจื่อหัง”
“ฉันว่าแล้ว อย่างนายจะหาเงินสามแสนหยวนมาจากไหน”
กัวจื่อหังหน้าแดงทันที: “พี่เจียง นายเป็นคนบอกฉันเองว่าสามแสน!”
เจียงฉินถ่มน้ำลายใส่เขา: “ฉันบอกว่าสามแสนสองหมื่น นายหลอนไปแล้วหรือไง สองหมื่นไม่ใช่เงินเหรอ กล้าดียังไงมาปัดเศษให้ฉัน?”
“โอ้ใช่ สามแสนสอง!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฉินจื่ออังที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
ช่างน่าขายหน้าจริงๆ โชคดีที่เมื่อกี้หยูชาชาเป็นคนพูด ไม่ใช่ฉัน ไม่อย่างนั้นคงโดนตบหน้าไปแล้ว
และหยูชาชาก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกตบหน้าจริงๆ เธอยึกยักอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถพูดประโยคต่อไปให้จบได้
แต่เจียงฉินไม่ได้ตามไปซ้ำเติม
เป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องถือสาเด็กๆ กลุ่มหนึ่งด้วย?
เขาแขวนกระดานดำให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูให้ทั้งสี่คนเข้าไป จากนั้นก็บอกให้พวกเขาหาที่นั่งกันตามสบาย ส่วนเขาก็ไปเปิดทีวีสี่เครื่องที่วางเรียงกันอยู่ตรงกลางบาร์
พูดตามตรงเลยว่าบรรยากาศของบาร์เหมาะกับงานปาร์ตี้เล็กๆ แบบนี้มาก อย่างแรกเลยคือให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศ และอย่างที่สองคือมีเครื่องดื่มไม่อั้น
ดูแข่งกระโดดน้ำหรือไม่ก็แข่งปิงปองที่นี่ ฟังเสียงเชียร์รอบข้างแบบนี้มันส์กว่านั่งดูอยู่บ้านเยอะเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่หยูชาชาและหวังฮุ่ยหรูมาที่บาร์ พวกเธอมองดูรอบๆ ด้วยความระวัง กลัวว่าจะมีอะไรแปลกๆ หรือสิ่งมีชีวิตประหลาดโผล่ออกมา แต่พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็รู้สึกผ่อนคลายทันที
ฉินจื่ออังมองไปที่แผ่นหลังของเจียงฉินแล้วหัวเราะเยาะเบาๆ คิดกับตัวเองในใจว่าฉันจะปล่อยให้นายเล่นไปก่อนสองวัน พอฉันกลับถึงบ้านฉันจะไปขอร้องให้พ่อซื้อบาร์และขโมยโมเดลของนายไปหาเงิน ดูสิว่านายจะรู้สึกยังไง
แต่ในขณะนี้เอง ทันใดนั้นฉินจื่ออังก็ได้ยินหยูชาชาตะโกนว่า “เชี่ย!”
เขาอดไม่ได้ที่จะมองตามไป อยากรู้ว่าอะไรกันแน่ที่คู่ควรกับความประหลาดใจนี้ แล้วเขาก็ต้องตกตะลึง
เห็นเพียงว่าที่มุมตะวันตกเฉียงใต้ของบาร์ เฟิงหนานซูกำลังนั่งอยู่เงียบๆ มือทั้งสองข้างวางอยู่บนตัก ดวงตาส่องประกายความเย็นชาออกมา
ไป๋เยว่กวงแห่งโรงเรียนมัธยมเฉิงหนาน เทพธิดาผู้เงียบงันที่คนแปลกหน้ายากจะเข้าใกล้
ทำไมเธอถึงมาอยู่ในบาร์?
สำหรับลูกคุณหนูแบบนี้ งานเลี้ยงค็อกเทลและงานเลี้ยงอาหารค่ำน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่า ความรู้สึกที่ไม่สอดคล้องกันนี้มันรุนแรงเกินไป ฉินจื่ออังคิดว่าตนต้องตาฝาดไปแน่ๆ เขาจึงขยี้ตาอย่างแรงจนขนตาถึงกับหลุดออกมาสามเส้น แต่พอลืมตาอีกทีเฟิงหนานซูก็ยังนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงหน้าพวกเขาเหมือนเดิม
“พวกนายจะดื่มอะไร เบียร์ไหม? บาร์เทนเดอร์ยังไม่มา แล้วฉันก็ทำอย่างอื่นไม่เป็นด้วย”
เสียงของเจียงฉินดังขึ้น ทำให้หยูชาชาและฉินจื่ออังที่กำลังฟุ้งซ่านถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงทันที
พวกเขาทั้งสองสับสนและไม่ค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังถามอะไร ดังนั้นเลยส่งเสียงงึมงำไปสองครั้งอย่างไม่รู้ตัว
“ของฉันเอาเป็นเบียร์ก็ได้”
ทันใดนั้นเฟิงหนานซูก็ยกมือขึ้น เผยให้เห็นถึงความใจกว้างและการยอมตามแบบฉบับของคุณหนูจากตระกูลมั่งคั่ง นี่แหละคือคุณลักษณะของสังคมชนชั้นสูงที่จะรับทุกสิ่งอย่างถ่อมตัวและไม่เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม อีกทั้งยังพยายามแสดงออกถึงความเมตตาต่อผู้อื่นให้ได้มากที่สุด
เจียงฉินมองย้อนกลับไปที่เธอ: “ไม่ เธอไม่สามารถดื่มได้ เธอดื่มได้แค่วาฮาฮาเท่านั้น”
“...”
ในเวลานี้เอง กัวจื่อหังกลับเข้ามาจากด้านนอกบาร์ เมื่อเหลือบไปเห็นเฟิงหนานซูทันใดนั้นเสียงของเขาก็กลายเป็นสั่นเครือ: “พี่เจียง นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเฟิงหนานซูถึงได้มาอยู่ที่นี่ด้วย?”
เจียงฉินตอบหน้านิ่ง: “พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
“แต่เฟิงหนานซูไม่เคยมีเพื่อนเลยนี่ เธอไม่แม้แต่จะพูดกับคนอื่นด้วยซ้ำ!”
“ก็ได้ นายเดาถูกแล้ว เธอก็แค่อยากได้ตัวฉันนั่นแหละ!”
“?????”
เจียงฉินไม่สนใจกัวจื่อหัง เขาหันไปมองที่หวังฮุ่ยหรูซึ่งตามเข้ามาอย่างเงียบๆ: “เธอดื่มเบียร์ได้ใช่ไหม”
หวังฮุ่ยหรูพยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเฟิงหนานซู: “ครั้งก่อนฉันเห็นนายไปเที่ยวกับเธอ แถมนายยังบีบแก้มเธอด้วย พวกนายสองคนไม่ได้กำลังมีความรักอยู่ใช่ไหม?”
“ความรัก? ของแบบนั้นน่ะขนาดหมายังไม่พูดถึงเลย”
“?????”
เจียงฉินยื่นเบียร์ให้กัวจื่อหังพร้อมกับขยิบตา: “ไปสิ เอาเบียร์ไปให้ฉินจื่ออัง”
กัวจื่อหังรับมาแล้วมองดูอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก: “นี่มันมีตัวอักษรต่างประเทศด้วยนี่นา ไม่ใช่เบียร์นำเข้าหรอกรึ? ของดีแบบนี้เขาสมควรได้รับมันหรือไง?”
“ในบาร์แบบนี้จะไปมีของดีจริงๆ ได้ยังไง ผสมน้ำให้เขาดื่มเจ้าสุนัขโง่ตัวนี้ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของจริงเป็นยังไง”
“สมกับเป็นพ่อบุญธรรม!”
กัวจื่อหังเดินไปพร้อมกับเบียร์ในมืออย่างตื่นเต้น วางมันไว้ตรงหน้าฉินจื่ออังแถมยังเปิดขวดให้เขาด้วยตัวเอง เมื่อจู่ๆ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำตัวเป็นมิตรขนาดนี้ ฉินจื่ออังก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร เขาจึงจิบเบียร์ไปอึกหนึ่งโดยไม่กล้าพูดอะไร
ในเวลาเดียวกันหวังฮุ่ยหรูก็มองไปที่เจียงฉินซึ่งกำลังยุ่งอยู่ในเคาน์เตอร์บาร์ และไม่แน่ใจว่าเธอควรจะไปคุยกับเขาเรื่องฉู่ซือฉีดีไหม เพราะก่อนหน้านี้เจียงฉินเคยกล่าวว่าอย่าเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนี้ให้เขาได้ยินอีก แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะอยากพูดอะไรสักสองสามคำ
“เจียงฉิน”
“หืม?”
“ซือฉีไม่ได้มาเพราะว่าเธอเป็นหวัด”
“แล้วไง”
เจียงฉินเปิดเบียร์แล้วยื่นให้เธอ จากนั้นก็เดินออกจากเคาน์เตอร์บาร์แล้วส่งน้ำอัดลมวาฮาฮาให้เฟิงหนานซู
ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งสี่คนจึงเฝ้าดูการแข่งขันแบดมินตันชายเดี่ยวและคู่ผสมอย่างเงียบๆ เป็นเวลาชั่วโมงกว่า
แต่นอกจากเจียงฉิน เฟิงหนานซู และกัวจื่อหัง คนอื่นๆ ต่างพากันมีท่าทางคิดมาก เพราะไป๋เยว่กวงก็คือไปเยว่กวง และการปรากฏตัวของเฟิงหนานซูก็ดูน่าตื่นตาตื่นใจเกินไป
ฉินจื่ออังรู้สึกไม่พอใจและคิดกับตัวเองว่าคนธรรมดาอย่างเจียงฉินสามารถใกล้ชิดกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์อย่างเฟิงหนานซูขนาดนี้ได้อย่างไร
หยูชาชามองไปรอบๆ บาร์พร้อมกับนึกถึงตัวเลขสามแสน เธอรู้สึกว่าฉู่ซือฉีอาจจะเสียใจในไม่ช้า
ชายหนุ่มแบบนี้แม้แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเขาเปล่งประกาย ถ้าพลาดไปใครล่ะจะไม่เสียใจ?
แต่ถึงเธอจะเสียใจไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ยืนอยู่ต่อหน้าเฟิงหนานซูแล้วจะไม่รู้สึกว่าตนเองด้อยกว่า?
(จบตอน)
娃哈哈 วาฮาฮา เป็นแบรนด์เครื่องดื่มรายใหญ่ของจีน คำว่า วาฮาฮา แปลว่า “เด็กหัวเราะ” ออกเสียงคล้ายกับคำว่า วะฮ่าฮ่า