ตอนที่แล้วบทที่ 53 ปราบเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 55 ยักษาที่แข็งแกร่งเกินไป

บทที่ 54 จัดทีม วันท้าทายหอคอย


###

เมื่อได้ยินคำชมจากมู่หลิน ใบหน้าของฉู่หลิงหลัวก็ขึ้นสีแดงด้วยความเขินอาย “คุณชายมู่ ท่านชมเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้มีพรสวรรค์ถึงขนาดนั้น ที่ข้าพัฒนาเร็วเพราะได้รับทรัพยากรจากมารดาน่ะค่ะ”

ฉู่หลิงหลัวกล่าวพลางหยิบแผนภาพจิตวิญญาณที่แท้จริงออกมาให้ดู

ในแผนภาพนั้น มีผู้ใช้คาถาฟื้นฟูที่มีพลังถึงระดับปรมาจารย์ เมื่อเธอได้ศึกษาแผนภาพนี้ ย่อมทำให้ความก้าวหน้าในการฝึกฝนไม่ช้าลง

นอกจากนี้ ฉู่หลิงหลัวยังได้แสดงจี้หยกที่ช่วยทำให้จิตใจสงบและชาถ้วยหนึ่งที่มีกลิ่นหอมอบอวล ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มพูนปัญญาและการตระหนักรู้ในการฝึกฝน

มู่หลินเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นตบหัวตัวเองเบาๆ

‘ข้านี่ลืมไปเสียสนิท ว่าคนจนต้องอาศัยความมุมานะ ส่วนคนรวยสามารถพึ่งพาทรัพยากรได้เต็มที่’

เมื่อถอนหายใจแล้ว มู่หลินสังเกตว่าฉู่หลิงหลัวมีท่าทางกระดากใจเล็กน้อย เขาจึงกล่าวปลอบเธอด้วยความชื่นชมในความใสซื่อว่า “ไม่ต้องอายหรอก ทรัพยากรเหล่านี้ไม่ใช่ของที่เจ้าขโมยมา ใช้ให้เต็มที่เถอะ”

‘ถึงขโมยมา ข้าก็ไม่ถือหรอก’ มู่หลินคิดในใจ

ขณะเดียวกัน ฉู่หลิงหลัวก็เอ่ยชมพรสวรรค์ของมู่หลินกลับเช่นกัน

“ข้าใช้ทรัพยากรไปมากมาย แต่ความเร็วในการฝึกก็ยังไม่ทันพี่มู่จริงๆ ดังที่พี่สาวข้าเคยพูดไว้ ท่านช่างเป็นอัจฉริยะ…”

ทั้งสองสรรเสริญกันไปมาโดยที่ไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่งของห้อง เหยียนอวิ๋นหยูยืนมองพวกเขาด้วยสายตาลึกล้ำ โดยเฉพาะมู่หลินและผลงานศิลปะแห่งเทพนิยายของเขาที่ดึงดูดความสนใจจากนางอยู่พักใหญ่

ระหว่างที่เหยียนอวิ๋นหยูมองไปที่มู่หลิน ร่างของสาวใช้เสี่ยวเสวี่ยก็ปรากฏขึ้นเงียบๆ ข้างหลังนาง

เสี่ยวเสวี่ยมองไปที่มู่หลินและผลงานศิลปะของเขาอย่างประหลาดใจเช่นกัน

“การสะท้อนจากจิตวิญญาณเดียวกัน นี่เป็นรากฐานของการสร้างแผนภาพจิตวิญญาณที่แท้จริง ช่างฝึกฝนจนเข้าถึงวิถีทางได้น่าประทับใจนัก คุณหนู ควรให้ความสำคัญกับมู่หลินเพิ่มขึ้นดีไหมคะ?”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเสวี่ยก็เอ่ยขึ้นว่า

“คุณหนูฉู่บริสุทธิ์เกินไป ความก้าวหน้ากับมู่หลินช้าเกินไป หากลงมือในตอนนี้ เรายังมีโอกาสดึงมู่หลินมาเป็นพวกได้นะคะ”

คำพูดนี้ทำให้เหยียนอวิ๋นหยูครุ่นคิด แต่ไม่นานนัก นางก็ส่ายหน้าและปฏิเสธ

การที่นางเคยตัดสินใจปล่อยมือจากมู่หลิน หากกลับไปหาวันนี้เท่ากับว่ายอมรับว่าตนตัดสินใจผิด และด้วยความเย่อหยิ่งของนาง ไม่ยอมรับความผิดพลาดเช่นนี้ได้ง่ายๆ

ที่สำคัญ นางมองว่าพรสวรรค์ของมู่หลินยังไม่คู่ควรพอที่จะทำให้นางยอมรับผิด

“พฤติกรรมของมู่หลินทำให้ผู้คนโกรธเคือง ในกลุ่มของข้ามีหลายคนไม่ชอบเขา หากเชิญเขามาร่วมกลุ่มคงทำให้บรรยากาศไม่ดีนัก”

“อีกอย่าง แม้เขาจะวาดแผนภาพจิตวิญญาณได้ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย พลังต่างหากที่สำคัญ เขายังไม่คู่ควรที่จะเข้าร่วมกลุ่มของข้า”

มู่หลินไม่รู้ถึงคำพูดของเหยียนอวิ๋นหยู

แต่ฉู่หลิงหลัวผู้มีจิตใจบริสุทธิ์กลับรู้สึกถึงอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า

ความรู้สึกบางอย่างในใจบอกนางว่า หากนางไม่ชวนมู่หลินตอนนี้ อาจจะเสียเขาไปตลอดกาล

และนี่เป็นสิ่งที่ฉู่หลิงหลัวไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

เมื่ออยู่กับมู่หลิน นางได้รับงานศิลปะอันงดงามมากมาย อีกทั้งยังได้รับฟังเรื่องราวแห่งจินตนาการที่เขาเล่าให้ฟังอย่างน่าหลงใหล

เรื่องราวเหล่านั้นช่างพิสดารงดงาม น่าหลงใหลจนฉู่หลิงหลัวแทบหลงใหลไปกับมัน

นอกจากนี้ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับมู่หลินบ่อยครั้ง ฉู่หลิงหลัวก็มองเห็นพรสวรรค์ของเขาอย่างชัดเจน

นางเป็นพยานในความก้าวหน้าของเขา ที่ทักษะสาปแช่งพัฒนาไปในอัตราที่ไม่ธรรมดา เปลี่ยนแปลงไปแทบทุกวัน

ด้วยศิลปะที่งดงาม เรื่องราวที่น่าหลงใหล และความก้าวหน้าที่พุ่งทะยาน สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉู่หลิงหลัวไม่อยากเสียมู่หลินไป

ด้วยความร้อนใจ นางจึงรีบเอ่ยชวนมู่หลินทันที และเพื่อให้เขายอมรับ นางยังเสนอจะเป็นคนทำอาหารให้เขาทุกวัน

“พี่มู่ ท่านยินดีจะร่วมทีมกับข้าไหม ข้า…ข้าจะทำอาหารให้ท่านทุกวันเอง”

“…”

คำพูดแบบนี้ทำให้มู่หลินถึงกับไปไม่เป็น

เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ตอบ ฉู่หลิงหลัวเริ่มกระวนกระวาย กลัวจะเสียเขาไป นางถึงกับยื่นหินวิญญาณออกมาเป็นข้อเสนอเพิ่มเติม

“ข้ายังยอมจ่ายหินวิญญาณให้ท่านได้…”

เมื่อเห็นกองหินวิญญาณตรงหน้า อีกทั้งยังมีข้อเสนอเรื่องทำอาหารทุกวัน มู่หลินก็เริ่มรู้สึกว่าอยากรับข้อเสนอนี้ขึ้นมา

โชคดีที่เขายังมีสติและมีความยึดมั่นในหลักการของตน มู่หลินจึงไม่ได้รับสิ่งเหล่านี้ แต่ผลักมันกลับไปแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าเป็นคนที่มีรากวิญญาณระดับหนึ่ง จงมั่นใจในตนเอง…การได้ร่วมทีมกับเจ้าเป็นเกียรติของข้าเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องมอบสิ่งใดให้ข้าหรอก”

“การได้ร่วมทีมกับพี่มู่เป็นเกียรติของข้ามากกว่านะ…”

ด้วยการร่วมทีม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก

และเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ระหว่างการฝึกฝนของทั้งคู่

ไม่นานนัก หลายวันก็ผ่านไปอีกครั้ง

วันนี้เป็นวันที่สิบของมู่หลินในชั้นเรียนทางการ และเป็นวันท้าทายหอคอยที่เขารอคอย

สิ่งที่ทำให้มู่หลินรู้สึกน่าอึดอัดเล็กน้อยก็คือ วันนี้จีเสวี่ยก็เตรียมตัวมาท้าทายหอคอยเช่นกัน

เมื่อจีเสวี่ยขยับ เหยียนอวิ๋นหยูก็เคลื่อนไหวตามไปด้วย

นักเรียนในชั้นเรียนทางการอย่างจิงเย่หมิงและคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบมู่หลิน เมื่อรู้ว่าเขาจะท้าทายหอคอย หลายคนตามมาดูเพื่อความสนุก และเตรียมล้อเลียนเขา

เมื่อเหตุการณ์บังเอิญนี้มารวมกัน ทุกคนในชั้นเรียนทางการจึงมารวมตัวกันที่หน้าหอคอยมายาสวรรค์ในวันนี้

เรื่องนี้ยังไปถึงหูอาจารย์บางคน ทำให้พวกเขาตามมาดูเหตุการณ์อย่างสนุกสนาน

แม้จะมารวมตัวกันท้าทายหอคอยในวันเดียวกัน แต่การจัดตำแหน่งของแต่ละกลุ่มกลับแบ่งแยกกันชัดเจน

จีเสวี่ยอยู่ลำพัง เหยียนอวิ๋นหยูพาทีมของตนตามมาด้วยอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ที่ได้รับความสนใจที่สุดนอกเหนือจากทั้งสองคนนี้ คือจิงเย่หมิงผู้มีพรสวรรค์ระดับหนึ่ง

ตามมาด้วยสมาชิกชั้นเรียนทางการทั่วไป

ในขณะเดียวกัน สามกลุ่มแรก จีเสวี่ยไม่สนใจใครเลย เหยียนอวิ๋นหยูเองก็สนใจแต่จีเสวี่ย ส่วนจิงเย่หมิงกลับมองไปทางมู่หลินด้วยแววตาเย็นชา

เมื่อเขาเห็นมู่หลินและฉู่หลิงหลัวเดินออกมาด้วยกัน ใบหน้าของจิงเย่หมิงก็ยิ่งมืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด

เพื่อนในทีมที่อยู่รอบตัวเขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศและกล่าวปลอบใจว่า “คุณชายจิง อย่าได้โกรธไปเลย คุณหนูฉู่เพียงแค่ถูกเจ้าขยะนั่นหลอกลวงไปชั่วคราว นางจะได้รู้เองว่าใครแข็งแกร่งกว่า ใครที่เป็นตัวเลือกทีมที่ดีกว่า”

“ใช่ ถูกต้องแล้ว เจ้าขยะหลอกลวงต่อให้เชี่ยวชาญแค่ไหน แต่ในสนามประลองเขาจะเผยธาตุแท้ให้เห็น…พวกอสูรน่ะไม่ถูกหลอกด้วยกลลวงของเขาหรอก”

คำปลอบใจของหลายคนทำให้จิงเย่หมิงสงบลงบ้าง แต่เมื่อเห็นว่าฉู่หลิงหลัวห่วงใยมู่หลินมากเพียงใด ใบหน้าของเขาก็กลับมามืดมนอีกครั้ง

เช่นเดียวกับนักเรียนทั่วไปบางคนที่แสดงสีหน้าไม่พอใจ

พวกเขาอิจฉามู่หลินที่สามารถร่วมทีมกับบุคคลระดับพรสวรรค์สูง

โดยเฉพาะเพื่อนร่วมทีมของจงซิวที่รู้สึกว่า “ขยะที่ถูกทิ้ง” ของพวกเขากลับได้เข้าร่วมทีมกับยอดคน ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเคืองใจ

หนุ่มหน้าตาเฉียบที่กำลังเล่นมีดอยู่พลางพึมพำอย่างเปรี้ยวใจว่า “เจ้าโชคดีจริงๆ”

คำพูดนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากหลายคนทันที

“ข้าเห็นเจ้าบ้านั่นไม่ว่าจะทำอะไรก็พึ่งพาวิธีการชั่วร้าย ทำให้สำนักเต๋าเสื่อมเสียชื่อเสียง”

“นักพรตแห่งอวิ๋นปา(แปดประตูวิญญาณ)เป็นแบบนี้เองสินะ”

“เฮ้ พวกเจ้าดูสิ หน้าของหมอนั่นมืดมนจริงๆ คงรู้แล้วว่าแผนการของตัวเองกำลังจะถูกเปิดโปง เลยใจไม่สงบน่ะสิ”

“ถูกต้องแล้ว”

.....

ไม่มีการสต็อกจำนวนตอน แปลสดลงสดทันที ขออภัยหากล่าช้า ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและสนับสนุน คนละเล็กละน้อยก็เป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้มาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด