บทที่ 52 ภูตน้อยของภูติแห่งบ่อน้ำ
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป แสงจันทร์เริ่มหรี่ลง นี่เป็นช่วงเวลาก่อนรุ่งสางที่เงียบสงัด เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์หลับสนิทที่สุด
ในขณะที่เวย์นคิดว่าคืนนี้เขาคงต้องกลับไปมือเปล่า
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีหรืออย่างไร จู่ ๆ เขาก็มองเห็นมือเล็ก ๆ ราวกับมือของเด็ก ยื่นออกมาจากปากบ่อน้ำ จับขอบบ่อไว้
เวย์นจ้องมองอย่างตั้งใจ เขาคิดไว้ไม่ผิด สัตว์ประหลาดออกมาจากปากบ่อน้ำจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ลงมือ แต่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เพื่อดูว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นมีเจตนาทำอะไร
ผ่านไปไม่กี่วินาที เขาเห็นกระบอกฉีดน้ำเหล็กถูกโยนขึ้นมาจากบ่อน้ำ และทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่มีผิวสีม่วงอมน้ำเงิน สวมมงกุฎดอกไม้และมีดวงตากลมโตสดใสก็ปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำ
เมื่อเพ่งดูอย่างตั้งใจ เวย์นจึงได้เห็นชัดเจนว่า สิ่งที่ออกมานี้คือภูติน้อยแห่งบ่อน้ำตัวเล็ก ๆ และยังเป็นภูติน้อยที่ยังเด็กมากอีกด้วย
การค้นพบนี้ทำให้เวย์นโล่งใจขึ้น เพราะเมื่อเทียบกับปีศาจหรือสัตว์ประหลาดอื่น ๆ แล้ว ภูติน้อยแห่งบ่อน้ำนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจดี อ่อนโยน และรักความสงบ
พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้อาย ฉลาด ขยันขันแข็ง และมักดูแลพืชพันธุ์และสัตว์เล็ก ๆ รอบที่อยู่อาศัยจนได้รับการเรียกขานว่า "ผู้พิทักษ์ผืนดิน"
รูปร่างของพวกมันคล้ายเด็ก ๆ ชอบเล่นซุกซน และเมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างดี พวกมันจะช่วยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างลับ ๆ
แต่ถ้าถูกปฏิบัติอย่างหยาบคาย พวกมันจะรู้สึกไม่พอใจและเล่นตลกหรือใช้เวทมนตร์แกล้งมนุษย์
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ชอบที่ที่มีผู้คนหนาแน่น และจะย้ายไปยังถ้ำหรือสถานที่เงียบสงบเมื่อหมู่บ้านเริ่มเจริญขึ้นและลืมขนบธรรมเนียมเดิม
เวย์นนึกถึงข้อมูลจากตำราเกี่ยวกับภูติน้อยแห่งผืนดินขณะเฝ้ามองดูการกระทำของเจ้าตัวน้อยจากหน้าต่างชั้นสองอย่างเงียบ ๆ
เจ้าภูติตัวน้อยนี้น่าจะเป็นเพศหญิง มีผิวสีม่วงอมน้ำเงิน สวมเสื้อผ้าที่ทำจากหนังสัตว์ที่เปียกชุ่ม มองดูแล้วอาจจะไม่งามในสายตามนุษย์ แต่กลับให้ความรู้สึกน่าเอ็นดู
หลังจากที่ปีนขึ้นจากบ่อน้ำ เธอก็มองซ้ายมองขวาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เธอจึงหยิบกระบอกฉีดน้ำขึ้นมาและท่องคาถาเบา ๆ อยู่ที่ปากบ่อน้ำ
ทันใดนั้น กระบอกฉีดน้ำก็ลอยขึ้นในอากาศด้วยพลังเวทมนตร์ ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับลงไปตักน้ำจากบ่อน้ำแล้วลอยกลับขึ้นมาเต็มไปด้วยน้ำ
ภาพนี้ทำให้เวย์นประหลาดใจไม่น้อย ภูติน้อยแห่งผืนดินถึงแม้จะมีความสามารถพิเศษบางอย่าง แต่สำหรับตัวที่ยังเด็กอยู่เช่นนี้ การใช้เวทมนตร์ได้อย่างคล่องแคล่วเช่นนี้นับว่าเป็นสิ่งที่หายากมาก
หลังจากตักน้ำด้วยเวทมนตร์เสร็จ เจ้าภูติตัวน้อยก็ดูจะพอใจ เธอพยายามยกกระบอกฉีดน้ำขึ้นและเดินไปยังสวนหน้าบ้านอย่างทุลักทุเล
เธอเดินไปร้องเพลงเบา ๆ ไป รดน้ำต้นไม้ในสวนหน้าบ้าน ใช้พลั่วเล็ก ๆ ในสวนขุดดินและใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ ทำตัวราวกับเป็นชาวสวนตัวน้อยที่ขยันขันแข็ง
เมื่อเห็นภาพนี้ เวย์นก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้นไม้ในสวนยังคงงอกงามแม้เจ้าของบ้านจะจากไปนานแล้ว เพราะมีเจ้าตัวน้อยนี่แหละที่คอยแอบมาดูแลตอนกลางคืน
ถึงตัวเธอจะสูงเพียงครึ่งเมตรและมีร่างกายผอมบาง ดูจะเหนื่อยมาก แต่เวย์นก็เห็นว่าเธอดูมีความสุขขณะทำงาน
ผ่านไปกว่าชั่วโมง เจ้าภูติน้อยเดินกลับไปกลับมาระหว่างบ่อน้ำกับสวนหน้าบ้านถึงสี่ถึงห้าครั้ง จนกระทั่งใกล้รุ่งสาง เธอจึงทำงานเสร็จทั้งหมด
จากนั้น เธอเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก เก็บเครื่องมือกลับเข้าที่เตรียมตัวกลับ
เมื่อเห็นเจ้าภูติน้อยหิ้วกระบอกฉีดน้ำไว้ในมือแล้วมองบ่อน้ำด้วยท่าทีเสียดายก่อนจะค่อย ๆ เดินกลับไป เวย์นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เขาลงจากชั้นสองอย่างเงียบ ๆ และซ่อนตัวอยู่ที่มุมบ้าน จนกระทั่งเธอเดินผ่านมา เขาจึงกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“เฮ้! เจ้าชื่ออะไร เจ้าตัวน้อย?”
เสียงของเวย์นทำให้เจ้าภูติตกใจ เธอกระโดดถอยหลังสองสามก้าวจนกระบอกฉีดน้ำหล่นลงพื้น ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร่างกายสั่นเทา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เวย์นจึงถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว และยกมือขึ้นแสดงว่าเขาไม่มีเจตนาทำร้ายเธอ
แต่เจ้าภูติตัวน้อยยังคงกลัวมนุษย์มาก แม้เวย์นจะแสดงท่าทีเป็นมิตรแต่เธอก็ยังสั่นด้วยความกลัว
เธอหยิบหอยเล็ก ๆ สีรุ้งที่ห้อยอยู่ที่คอและเป่าลมใส่เบา ๆ ทันใดนั้น ร่างของเธอก็เริ่มจางหายไปต่อหน้าเวย์นอย่างช้า ๆ จนหายลับไปหมด
ถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะตกใจคิดว่าเจ้าภูติหายตัวไป
แต่เครื่องรางของเวย์นและสัมผัสของนักล่าปีศาจทำให้เขารู้ได้ว่า เธอเพียงใช้ภาพลวงตาบังตา ร่างจริงของเธอยังคงอยู่ตรงหน้าเขา
หลักฐานที่ชัดเจนคือรอยเท้าเล็ก ๆ ที่ทิ้งไว้บนพื้นหญ้าในสวนหลังบ้านขณะเธอเดิน
เวย์นยิ้มเล็กน้อย มองไปยังรอยเท้าที่ทิ้งไว้และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า
“ไม่ต้องกลัว เจ้าตัวน้อย ข้าเป็นนักล่าปีศาจ แต่ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่อยากคุยกับเจ้าเท่านั้น”
คำว่า "นักล่าปีศาจ" ดูเหมือนจะดึงดูดความสนใจของเธอ เธอหยุดเคลื่อนไหวและอากาศเงียบลงอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นก็มีเสียงเล็ก ๆ ดังมาจากที่ว่างเปล่า
“นักล่าปีศาจ? พวกที่ล่าและฆ่าสัตว์ประหลาดใช่ไหม? ข้าเคยอ่านเรื่องราวพวกนี้ในหนังสือ”
เวย์นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง
“ก็ใช่ แต่การที่ใครคนหนึ่งเลือกอาชีพก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดีเสมอไป แม้แต่นักล่าปีศาจก็อาจจะมีคนไม่ดี และบางคนก็ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้แค่ฆ่าสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้ายเท่านั้น”
เสียงของเธอเงียบลงไปอีกสักครู่ก่อนจะถามขึ้นว่า
“เจ้าบอกว่าอยากคุยกับข้า นักล่าปีศาจ เจ้าต้องการคุยเรื่องอะไร?”
เจ้าภูติตัวน้อยนี้ดูจะฉลาดกว่าเด็กหญิงทั่วไปในวัยเดียวกัน เวย์นจึงรู้สึกสนใจมากขึ้นและพูดว่า
“ข้าได้ยินมาว่าบ้านหลังนี้มีเจ้าของหลายคนที่ต้องย้ายออกเพราะเจอเรื่องแปลก ๆ ทั้งฝันร้ายและบาดเจ็บ เจ้าทำแบบนี้ไปทำไม ต้องการไล่พวกเขาออกจากบ้านนี้หรือ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเวย์น เจ้าภูติปฏิเสธทันที
“ไม่ ไม่ใช่ข้าหรอก เป็นพี่ชายของข้าชื่อฟิซ เขาคิดว่ามนุษย์พวกนั้นรบกวนแท่นบูชาของเทพธิดา เขาบอกว่าต้องไล่พวกเขาออกไป ไม่อย่างนั้นจะถือว่าไม่เคารพเทพธิดา”
“พ่อของข้าพยายามห้ามพี่ฟิซแล้ว แต่พี่เขาดื้อ ไม่ยอมฟังพ่อเลย”
“มนุษย์พวกนั้นถูกพี่ของข้าขับไล่ไปเอง”
คำพูดนี้ทำให้เวย์นรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดผิดไป เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะภูติตัวน้อยเพียงตัวเดียว แต่เป็นเพราะครอบครัวของภูติ และยังเกี่ยวข้องกับเทพธิดาด้วย
“เทพธิดาองค์ไหนหรือ เจ้าตัวน้อย?”
“แท่นบูชาของเทพธิดาอยู่ใกล้ ๆ นี้หรือ?”
เจ้าภูติน้อยดูจะซื่อใส เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างไม่ปิดบังว่า
“เป็นเทพธิดาแห่งทะเลสาบ ท่านหญิงที่ครอบครัวของเราบูชากันมาหลายชั่วอายุคน แท่นบูชาของท่านอยู่ในถ้ำใต้บ้านหลังนี้”
“พวกมนุษย์สร้างบ้านใหญ่ ๆ ไว้ด้านบน สร้างเสียงดังจนสัตว์รอบ ๆ หนีหายไปหมด รบกวนความสงบของเทพธิดา”
“พี่ฟิซโกรธมากจึงอยากไล่พวกเขาออกไปจากบ้านหลังนี้”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าภูติน้อย เวย์นเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาที่แท้จริง นั่นคือการที่แท่นบูชาของเทพธิดาถูกรบกวนจนทำให้พี่ชายของภูติรู้สึกไม่พอใจ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
“ข้าเข้าใจแล้ว การที่พวกมนุษย์สร้างบ้านและอยู่ใกล้แท่นบูชาของเทพธิดา อาจทำให้พี่ชายของเจ้ารู้สึกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ ข้าจะพยายามหาทางแก้ไขเรื่องนี้”
เจ้าภูติน้อยมองเวย์นด้วยสายตาสงสัย “นักล่าปีศาจอย่างเจ้าจะช่วยเราได้จริงหรือ?”
เวย์นพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ ข้าเองก็ไม่ต้องการทำลายสถานที่ที่มีความสำคัญต่อเจ้าหรือต่อครอบครัวของเจ้า ข้าจะพยายามหาทางเจรจากับเจ้าของบ้าน หรือหาทางให้พวกเจ้าสามารถอาศัยอยู่ใกล้แท่นบูชาได้โดยไม่ถูกรบกวน”
เจ้าภูติน้อยดูโล่งใจขึ้นเล็กน้อย แม้จะยังคงระแวดระวังต่อมนุษย์อยู่บ้าง เธอพยักหน้าเบา ๆ
“ข้าขอบคุณเจ้ามาก ข้าเองก็ไม่อยากเห็นพี่ฟิซใช้วิธีแบบนี้อีก ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยให้พวกเราอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสงบ”
เวย์นยิ้มบาง ๆ และพูดขึ้นว่า “เจ้าตัวน้อย ข้าขอทราบชื่อของเจ้าได้หรือไม่?”
เจ้าภูติน้อยนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบเบา ๆ ว่า “ข้าชื่อไลลา”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ไลลา ข้าชื่อเวย์น” เขาตอบพร้อมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
เขารู้สึกได้ว่ามิตรภาพระหว่างเขากับภูติตัวน้อยเริ่มก่อตัวขึ้น ความเข้าใจและการร่วมมือกันในครั้งนี้อาจเป็นหนทางในการคลี่คลายปัญหาของบ้านอาถรรพ์หลังนี้ให้สงบสุขได้ในที่สุด
(จบบท)