บทที่ 28 แปดทิศ
บทที่ 28 แปดทิศ
“เจ้าหมอนี่ น่าจะโดนสั่งสอนสักที”
เสี่ยวโก่วจ้องชายกลางคนนั้นด้วยแววตาเหยียดหยาม อยากจะกัดเขาสักคำ
แค่โดนกัดสักครั้ง คอยดูเถอะ!
ฟางจือสิงมองตามชายกลางคนที่เดินจากไปอย่างโอหัง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตามไปอย่างไม่รีบร้อน
เสี่ยวโก่วเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงถามด้วยความสงสัย “ตามเจ้าหมอนั่นไปทำไม?”
ฟางจือสิงตอบ “เจ้าหมอนั่นมันขี้เกียจ เป็นพวกเกียจคร้านชอบเที่ยวเตร่ พอมีเงินก็ต้องหาที่คนเยอะๆ คุยโม้ไปวันๆ เอาแต่สนุกไม่ทำอะไรจริงจัง”
เสี่ยวโก่วไม่ค่อยเชื่อ ถามอย่างไม่มั่นใจ “แน่ใจเหรอ?”
ฟางจือสิงมองเสี่ยวโก่วพลางตอบตรงๆ ว่า “เจ้าก็เป็นคนแบบนี้ไม่ใช่รึ?”
“….”
ทั้งคน และ หมาค่อยๆ ตามไปเงียบๆ
ไม่นานนัก ชายกลางคนก็เดินเข้าซอยลึกไป เมื่อเดินต่อไปอีกเล็กน้อย ด้านหน้าก็ปรากฏเป็นโรงน้ำชาธรรมดาหลังหนึ่ง
โรงน้ำชานี้ตั้งอยู่ในที่ลับตา หากไม่ใช่คนท้องถิ่น คงหาไม่เจอ
ชายกลางคนเดินฮัมเพลงไปอย่างสบายใจ แล้วก็เลือกนั่งลงที่โต๊ะว่างในโรงน้ำชา
โรงน้ำชานั้นไม่ใหญ่ มีโต๊ะอยู่เพียงเจ็ดถึงแปดตัว มีลูกค้านั่งอยู่สิบกว่าคน
ชายกลางคนไม่สนใจใครเลย ยกมือสะบัดแขนเสื้ออย่างเท่ แล้วดีดเหรียญเงินใหญ่ที่ฟางจือสิงให้ไว้ก่อนหน้านั้น
เหรียญหมุนกลางอากาศ ก่อนตกลงบนโต๊ะส่งเสียงดังก้อง
เสียงนั้นดึงดูดความสนใจของคนในโรงน้ำชาให้หันมามองกันหมด
มีคนหนึ่งหัวเราะพลางตะโกนว่า “ข่งเอ่อเหลิ่ง ไปหาเงินจากไหนมาอีกล่ะ? หรือไปขโมยของใครมาอีกแล้ว?”
ข่งเอ่อเหลิ่งเบิกตาโตพลางดุว่า “พูดมั่วซั่วไปได้ เจ้ากล้ากล่าวหาข้าแบบนี้เหรอ? เงินนี่ข้าได้มาด้วยความสามารถล้วนๆ!”
สิ้นคำพูดนั้น คนในโรงน้ำชาก็หัวเราะกันครืน บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
เสี่ยวโก่วถึงกับพูดไม่ออก รู้สึกยอมรับในความเฉียบไวของฟางจือสิงอย่างไม่เต็มใจ เจ้าหมอนี่แค่เห็นการกระทำก็รู้หมดว่าจะเกิดอะไรต่อไป
คิดได้ดังนั้น เสี่ยวโก่วก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมองฟางจือสิงยิ่งน่ารำคาญขึ้นทุกที
ข่งเอ่อเหลิ่งเชิดหน้า ตะโกนสั่งเสียงดัง “เถ้าแก่ ขอชามาชุดหนึ่ง!”
เถ้าแก่จึงนำกาน้ำชา และ ถ้วยชามาวางบนโต๊ะ ก่อนจะเก็บเหรียญเงินใหญ่นั้นไป
ข่งเอ่อเหลิ่งดื่มชาอย่างสบายใจ ไม่สนใจผู้คนรอบข้างเลย และ ไม่ทันสังเกตว่าฟางจือสิงก็มานั่งที่โต๊ะมุมห้องภายในโรงน้ำชาเช่นกัน
เวลานี้ ผู้คนในโรงน้ำชาก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ
“ได้ยินหรือยัง ท่านเฉินเหล่าแย่กำลังจะรับภรรยาเพิ่มอีกคนแล้วนะ”
“หา จะมีภรรยาเพิ่มอีกคน?”
“โห นี่เป็นคนที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย?”
“ก็คนที่เก้าแล้วน่ะสิ!”
“ท่านเฉินอายุเจ็ดสิบสองแล้วนะ ยังฟิตปั๋งอยู่เลยจริงๆ!”
คนในโรงน้ำชาต่างพูดคุยกันสนุกสนาน เล่าข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลคนรวยที่สุดในหมู่บ้านชิงเหออย่างออกรส
ข่งเอ่อเหลิ่งหัวเราะเยาะแล้วกล่าวขึ้น “พวกเจ้าไม่รู้อะไร เฉินเหล่าแย่รับภรรยามาเก้าคนแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเขาแข็งแรงอะไรขนาดนั้นหรอก”
คนในโรงน้ำชาต่างหันไปมองเขา ถามอย่างสนใจ “อ้าว งั้นเจ้าเล่ามาสิว่าทำไม?”
ข่งเอ่อเหลิ่งจงใจเงียบ พลางจิบชาอย่างช้าๆ
เห็นดังนั้น มีคนยื่นถาดที่มีถั่วลิสงเหลืออยู่ห้าหกเม็ดมาให้เขา
ข่งเอ่อเหลิ่งยิ้มกว้าง หยิบถั่วลิสงขึ้นมาเคี้ยวพลางพูดไปว่า “เฮ้อ พวกเจ้ารู้แค่เปลือก ไม่รู้เนื้อใน จริงๆ แล้วเฉินเหล่าแย่ลำบากใจยิ่งนัก”
คนที่ยื่นถั่วลิสงให้ถามว่า “ตระกูลเฉินร่ำรวยเงินทองนัก ท่านเฉินจะลำบากใจอะไร?”
ข่งเอ่อเหลิ่งส่ายหน้าแล้วว่า “พวกเจ้าลืมไปหรือเปล่า ท่านเฉินมีบุตรชายคนเดียวคือเฉินต้าแย่ ถึงเฉินต้าแย่จะมีภรรยาถึงสามคนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูกสักคน”
ใบหน้าของคนในโรงน้ำชาเปลี่ยนไปทันที
“ไม่ให้มีบุตรถือเป็นการขาดความกตัญญูในสามสิ่ง!” เรื่องเฉินต้าแย่ไม่มีบุตรนั้นเป็นที่รู้กันในหมู่บ้านจนมีข่าวลือมากมายไปทั่ว
มีคนพึมพำเสียงเบา “หรือว่าเฉินต้าแย่จะมีปัญหาสุขภาพ?”
อีกคนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “ไม่น่าใช่ เฉินต้าแย่เป็นคนฝึกวรยุทธ์ ตัวใหญ่กำยำ เคยชกวัวให้ตายด้วยหมัดเดียวมาแล้ว จะไม่มีลูกได้อย่างไร?”
ไม่นานก็มีคนเดาว่า “อาจจะเป็นเพราะเขาฝึกวิชาอะไรบางอย่างที่ทำให้เป็นแบบนั้น ข้าเคยได้ยินว่าพวกที่ฝึกวิชาพรหมจรรย์จะเข้าใกล้สตรีไม่ได้”
“โง่สิ้นดี!”
อีกคนแย้งทันที “ถ้าเฉินต้าแย่เข้าใกล้สตรีไม่ได้ แล้วเขาจะรับภรรยามาถึงสามคนทำไม?”
“ใช่เลย”
มีคนสนับสนุน “เฉินต้าแย่เป็นศิษย์ของประตูเสือดำ วิชาประจำสำนักก็คือ ‘พลังเสือดำ’ ไม่เคยได้ยินว่าวิชานี้จะมีข้อห้ามอะไร”
ขณะนั้นเอง ชายแก่หนวดแพะที่กำลังแทะเมล็ดแตงโมอยู่พูดขึ้นว่า “หลานข้าก็ฝึกวรยุทธ์เหมือนกัน ไปเป็นศิษย์ของเจิ้งเถียนเอินฝ่ามือเหล็ก เจ้าหมอนั่นบอกว่าฝึกวิชาแล้วก็ยังแต่งงานมีลูกได้ตามปกติ”
ทุกคนต่างพูดคุยกันไปมาจนหาข้อสรุปไม่ได้ แล้วก็พากันหันมามองข่งเอ่อเหลิ่ง
ข่งเอ่อเหลิ่งเคี้ยวถั่วลิสงเม็ดสุดท้ายเสร็จ ก่อนจะหยิบกล้องยาสูบออกมาลูบไปกับขาโต๊ะเพื่อเคาะเขม่าควันออก
เขายังเคาะต่อไปเรื่อยๆ เสียงดังกราว
ไม่นานนัก ผู้คนก็สังเกตเห็นว่าข่งเอ่อเหลิ่งไม่มีใบยาสูบแล้ว
ชายแก่หนวดแพะถอนหายใจ ก่อนจะควักใบยาสูบออกมาจากกระเป๋าให้ข่งเอ่อเหลิ่งหนึ่งหยิบมือ
ข่งเอ่อเหลิ่งยิ้มกว้าง รีบยื่นมือไปรับแล้วจุดสูบทันที พ่นควันออกอย่างมีความสุข
จากนั้นจึงเริ่มพูด “พี่สะใภ้ข้าทำงานเป็นคนรับใช้ในตระกูลเฉิน เธอบอกว่าท่านเฉินต้าแย่ไม่เคยไปนอนกับภรรยาทั้งสามคนเลย”
ผู้คนในโรงน้ำชาต่างตกใจ บางคนเริ่มสงสัย และ กล่าวเบาๆ “หรือว่าข่าวลือนั่นจะเป็นความจริง?”
ข่งเอ่อเหลิ่งหัวเราะแล้วพูดต่อ “เฉินต้าแย่ชอบฝึกวรยุทธ์ เขาเลี้ยงทาสฝึกซ้อมไว้สี่คน พี่สะใภ้ข้าบอกว่า เฉินต้าแย่จะอยู่กับทาสฝึกเหล่านั้นทุกวันใกล้ชิดติดกันตลอด”
ทันใดนั้น เสียงอุทานก็ดังขึ้นทั่วโรงน้ำชา
มีข่าวลือแพร่สะพัดกันมานานแล้วว่าเฉินต้าแย่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน คล้ายจะถูกยืนยันจริงตามคำพูดของข่งเอ่อเหลิ่ง
ข่าวลือนี้ช่างร้อนแรงนัก โรงน้ำชาเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาทันที
“อะไรนะ? ท่านเฉินต้าแย่ชอบผู้ชาย แล้วเขานอนกับผู้ชายอย่างนั้นหรือ?”
มีคนถามอย่างสงสัย “ผู้ชายกับผู้ชายจะนอนด้วยกันได้อย่างไร?”
ทันใดนั้น มีคนหยิบตะเกียบสองคู่ขึ้นมาเคาะเข้าด้วยกันแล้วหัวเราะเบาๆ “เข้าใจหรือยัง?”
คนที่ไม่เข้าใจยังคงมองอย่างมึนงง ส่วนคนที่เข้าใจก็ยิ้มด้วยความหมายแฝง
ฟางจือสิงตั้งใจฟัง แล้วจู่ๆ ก็ยกมือขึ้นเรียก “เถ้าแก่ ขอถั่วลิสงสักจานหน่อย”
“ได้เลย!”
เถ้าแก่เดินเข้ามาเสิร์ฟถั่วลิสงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยิ้มพูดว่า “ทั้งหมดห้าเงินใหญ่ครับ”
ฟางจือสิงค่อยๆ ล้วงเงินออกมา แล้วทำสัญญาณให้เถ้าแก่โน้มตัวลงมาใกล้ๆ
เถ้าแก่เห็นดังนั้นก็เข้าใจทันที จึงโน้มตัวลง
ฟางจือสิงถามเบาๆ “เมื่อครู่พวกเขาพูดถึง ‘ประตูเสือดำ’ สถานที่นั้นอยู่ที่ไหนกันแน่?”
เถ้าแก่ยิ้มตอบ “ประตูเสือดำไม่ได้อยู่ในเมืองนี้หรอก อยู่ในเขตชิงเหอ”
ฟางจือสิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะถามต่อ “แล้วท่าน ‘เจิ้งเถียนเอิน ฝ่ามือเหล็ก’ ที่พวกเขาพูดถึงอยู่ที่ไหน?”
เถ้าแก่หันมามองฟางจือสิงอย่างพินิจ ก่อนตอบว่า “ท่านเจิ้งอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมือง บ้านหลังใหญ่สีขาว มีสิงโตหินตั้งอยู่หน้าประตู และ มีต้นกล้วยปลูกอยู่ที่ทางเข้า”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดถามไม่ได้ว่า “นี่ท่านอยากฝากตัวเป็นศิษย์ฝึกวิชาด้วยหรือ?”
..........