บทที่ 24 คำสั่ง
บทที่ 24 คำสั่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงทุ้มดุดันดังมาจากในป่า ตอบกลับว่า “ข้ากัวซานเฟิง อยู่ที่นี่ มีอะไรก็ว่ามา อย่ามัวพล่ามให้เสียเวลา”
หัวหน้าหมู่บ้านสุ่ยหนิวได้ยินเสียงแต่ยังไม่เห็นตัว จึงรีบยกมือคารวะ และ ตะโกนตอบว่า
“ท่านกัวซานเฟิง พวกเรามีกลุ่มคนที่ต้องการผ่านทาง ขอให้ท่านโปรดเมตตาด้วย”
เสียงดุดันนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า
“ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าผ่านได้ แต่ต้องทิ้งเงินทองทั้งหมดไว้”
หัวหน้าหมู่บ้านสุ่ยหนิวพูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ท่านกัวซานเฟิง อย่าเรียกเก็บเกินไปนักเลย ท่านเอามากไปเราก็ให้ไม่ไหวเสียเปล่าๆ เอาเป็นว่า พวกเรารวบรวมมาได้ห้าร้อยตำลึงเงิน นำมามอบให้ท่านเพื่อเป็นของขวัญแรกพบ หวังว่าจะได้เป็นมิตรต่อกัน ท่านว่าอย่างไร?”
“หึ! ห้าร้อยตำลึงเงินแล้วจะคิดว่าข้าจะยอมรับได้หรือไง ดูถูกกันหรือ?” กัวซานเฟิงคำรามอย่างไม่พอใจ
หัวหน้าหมู่บ้านสุ่ยหนิวหัวเราะแห้ง ๆ พลางแบมืออย่างจนปัญญา
“ห้าร้อยตำลึงเงินก็มากแล้ว! ทุกวันนี้มีทั้งภัยพิบัติและสงคราม ความเป็นอยู่ลำบากไปหมด”
กัวซานเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงดัง
“ถ้าอย่างนั้น ทิ้งสินค้าของพวกเจ้าครึ่งหนึ่งไว้ แล้วข้าจะปล่อยให้ผ่านได้”
หัวหน้าหมู่บ้านสุ่ยหนิวไม่พอใจอย่างยิ่ง เขากัดฟันพูดว่า
“ของที่ข้าแบกมาคือแร่เหล็ก ท่านจะขายแลกเงินได้หรือ? กินได้ไหม? เอาเป็นว่า เราต่างยอมกันคนละครึ่ง เพิ่มให้เป็นแปดร้อยตำลึงเงินดีไหม?”
กัวซานเฟิงแค่นเสียง “น้อยกว่าถั่วทองห้าลูกก็อย่ามาพูดเลย”
ถั่วทองห้าลูกนั้นเท่ากับห้าพันตำลึงเงิน!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านสุ่ยหนิวก็ย่ำแย่ลงทันที
ชาวสุ่ยหนิวลำบากตรากตรำขุดเหมืองจนได้แร่เหล็กคุณภาพต่ำมาสักสองสามเกวียน ต่อให้ขายทั้งหมดก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ห้าถั่วทองตามที่ต้องการ
กัวซานเฟิงเรียกร้องเกินควร ทำให้ยากที่จะต่อรองกันได้ลงตัว
“ท่านกัวซานเฟิง รอสักครู่ ให้พวกเราได้ปรึกษากันหน่อย”
สามผู้เฒ่าสบตากันแล้วเดินคอตกกลับมา
ฟางจือสิงได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และ ได้ยินทุกคำ
“กัวซานเฟิงคนนี้โลภมากเกินไปจริง ๆ” หัวหน้าหมู่บ้านสุ่ยหนิวกล่าวอย่างโกรธเคือง
หัวหน้าหมู่บ้านเฮยหนิวถอนหายใจเงียบ ๆ แล้วกล่าวว่า “ดูท่าว่าเรื่องนี้จะจบดีไม่ได้ พวกเราไม่มีทางเลือก คงต้องฝ่าไปให้ได้”
ฟางจือสิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเสนอขึ้นว่า “ที่นี่มีผู้ลี้ภัยอยู่มาก พวกเราอาจรวบรวมผู้ลี้ภัยเหล่านี้ให้ช่วยกันพุ่งชนด่านของพวกโจรภูเขา ถ้าเราฝ่าไปได้ พวกเราก็จะผ่านด่านนี้ได้สำเร็จ”
เมื่อได้ยินข้อเสนอนั้น ผู้เฒ่าทั้งสามก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ผู้คนมากมายมีพลังรวมตัวกันที่น่าทึ่ง
ต่อให้พวกนั้นเป็นโจรภูเขา การจะหยุดคนจำนวนมากได้ก็ต้องออกแรงไม่น้อย
จากนั้น ผู้เฒ่าทั้งสามก็เริ่มรวบรวมผู้ลี้ภัยที่อยู่รอบ ๆ พร้อมเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาร่วมฝ่าด่านไปด้วยกัน
“ถ้าไม่ฝ่าไป ทุกคนจะต้องอดตายอยู่ที่นี่!”
“อย่ากลัวเลย! ตามพวกเราเข้าไปเถอะ!”
"คนเยอะพลังมาก เรามากันเป็นกลุ่มใหญ่ โจรภูเขาพวกนี้ต้องเกรงกลัวเราแน่!"
กลุ่มผู้ลี้ภัยที่หิวโซจนไร้ทางเลือก เห็นมีคนออกนำก็พร้อมที่จะตามอย่างยินดี
ในเวลานั้นเอง ฟางจือสิงเสนอให้ตัดฟืนที่ติดไฟง่ายมาทำเป็นคบเพลิง และ แจกจ่ายให้ผู้ลี้ภัยทุกคน หากโจรภูเขาพุ่งเข้ามา พวกเขาจะใช้คบเพลิงเป็นอาวุธโยนเข้าใส่
ทุกคนเห็นว่าความคิดนี้ดี เพราะทำได้ง่าย และ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็พร้อม
เวลานี้ ท้องฟ้าเริ่มโพล้เพล้ แสงบนภูเขาเมเปิ้ลค่อย ๆ มืดลง แต่กลับสว่างไสวด้วยแสงคบเพลิงระยิบระยับ ราวกับกลุ่มดาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเชื่อมต่อกันเป็นสายน้ำแห่งแสง
“บุก!” “บุก!”
เสียงตะโกนนำของผู้เฒ่าทั้งสามดังขึ้น พวกเขาเป็นผู้นำในการบุกขึ้นไป
“บุก!” “บุกเข้าไป!”
ผู้คนหลายร้อยคนโห่ร้องตอบรับ ชูคบเพลิง และ ตะโกนก้อง พร้อมใจกันมุ่งขึ้นไปยังยอดเขาอย่างคึกคัก
ฟางจือสิงเดินปะปนอยู่ในกลุ่ม จูงลาตามไปข้างหน้า แต่เขาตั้งใจอยู่ในส่วนท้ายของกลุ่ม
เมื่อทุกคนมาถึงยอดเขา ต่างก็วิ่งไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้นจนกระจายเป็นแถวยาว
ฟางจือสิงที่อยู่หลังสุด มองไปรอบ ๆ อย่างระวัง
ทันใดนั้น เขาเห็นเงาคนจำนวนมากโผล่ออกมาจากทางลาดสูง รวม ๆ แล้วมีกว่าโหล
คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่ในมือกลับมีอาวุธหลากหลาย ทั้งไม้กระบอง มีดล่าสัตว์ หอกยาว และ ธนู
“หัวหน้า เราจะเอาไงดี?”
หนึ่งในโจรภูเขาที่ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนแสดงความตื่นตระหนก ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะแต่ก่อนพวกเขาใช้วิธีดักปล้นผู้ลี้ภัยเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ยิงธนูซุ่มโจมตี หรือกระโจนเข้าชิงทรัพย์
แต่ตอนนี้ผู้คนมากมายพุ่งเข้ามาราวกับน้ำป่าไหลบ่าที่กั้นไม่ได้ ภาพที่เห็นช่างน่าตื่นตะลึง
“จะทำอะไร มองไม่เห็นหรือไง?” กัวซานเฟิงแหวออกมาพร้อมดาบเล่มใหญ่
เขาเป็นชายร่างยักษ์ มีแผลเป็นน่าเกลียดบนใบหน้า ดวงตาเหี้ยมเกรียม หน้าตาน่ากลัว คาบกระดูกไก่ไว้ในปาก เคี้ยวกร้วม ๆ
กัวซานเฟิงแสยะยิ้มเยาะเย้ย “ฟังนะ ใครขนของมาเยอะ เราก็ไปปล้นคนนั้น”
“รับทราบ!”
“หัวหน้าช่างเฉียบแหลม!”
เหล่าโจรเข้าใจดีทันที
พวกเขาหันไปจ้องที่กลุ่มขบวนรถของผู้เฒ่าทั้งสามซึ่งอยู่ด้านหน้าของขบวนใหญ่ ขบวนที่บรรทุกฝ้าย หนังสัตว์ และ แร่เหล็ก! เป็นเป้าหมายที่เด่นชัดจนยากจะมองข้าม
“พี่น้องทั้งหลาย ตามข้าไป!”
กัวซานเฟิงตะโกนก้อง ชูดาบพุ่งเข้าหาเป้าหมาย ขณะที่เหล่าโจรก็ส่งเสียงคำรามติดตามไป
“โจรภูเขามาแล้ว!” “โจรภูเขามาแล้ว!”
“วิ่งเร็ว!”
กลุ่มผู้ลี้ภัยต่างหวาดกลัว พากันวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง
“เร็วเข้า เร็วเข้า!” ผู้เฒ่าทั้งสามเร่งเร้า เสียงล้อรถหมุนก้องดัง "กูลูกูรู" ไปตลอดทาง
ทันใดนั้น ฟางจือสิงตะโกนเสียงดังว่า “อย่าตื่นตระหนก! รอให้โจรภูเขาเข้าใกล้แล้วเราค่อยโยนคบเพลิงใส่พร้อมกัน!”
เสียงตะโกนดังกังวานไปถึงทุกคน
พวกโจรได้ยินเสียงนี้เช่นกัน และ เพิ่งเข้าใจว่าทำไมผู้ลี้ภัยแต่ละคนถึงมีคบเพลิงในมือ จึงเริ่มเกิดความหวาดหวั่น ชะลอฝีเท้าลง
“พวกเจ้านี่คิดจะอดตายจริง ๆ หรืออยากกินดีอยู่ดี และ ได้ลิ้มรสสตรี!”
กัวซานเฟิงตะโกนกระตุ้นเสียงดัง ทำให้กลุ่มโจรเกิดฮึกเหิม พากันส่งเสียงร้องโหวกเหวก ราวกับลิงร้องระงม
ระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มค่อย ๆ ใกล้เข้ามา
สามสิบเมตร ยี่สิบเมตร สิบเมตร!
“โยน!” “โยน!”
ฟางจือสิงตะโกนเสียงดังเป็นคนแรก และ โยนคบเพลิงของเขาออกไป
เพียงแสงไฟคบเพลิงแรกพุ่งขึ้นไป ทันใดนั้นคบเพลิงหลายร้อยอันก็ถูกโยนตามขึ้นไปในอากาศ ส่องแสงสว่างไปทั่วป่าเมเปิ้ล ราวกับแสงดาวระยิบระยับ
เสียงหวิวหวิว~~ หวิวหวิว~~
คบเพลิงหลายร้อยอันลอยขึ้นไปในอากาศ โค้งลงพุ่งใส่กลุ่มโจร
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
คบเพลิงของฟางจือสิงกระแทกโดนโจรคนหนึ่งเต็ม ๆ ทำให้มันสะดุ้งลุกขึ้นแล้วล้มกลิ้งไป
โจรคนอื่น ๆ ต่างเงยหน้าหลบคบเพลิงที่พุ่งใส่ บางคนโดนคบเพลิงกระแทก บางคนหลบได้ แต่ส่วนใหญ่คบเพลิงตกลงพื้น ขวางทางเดินของพวกมัน
การโจมตีนี้สร้างความปั่นป่วน กลุ่มโจรเกิดความวุ่นวาย และ เสียขบวนอย่างหนัก
“ให้ตายเถอะ!”
กัวซานเฟิงโกรธจัด มองเห็นกลุ่มผู้ลี้ภัยหลายร้อยคนวิ่งผ่านหน้าเขาไปโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้
“เอาธนูมา!”
ทันใดนั้น เขายื่นมือออกไป
โจรคนหนึ่งรีบส่งธนู และ ลูกศรให้เขา
หัวหน้าหมู่บ้านสุ่ยหนิวรีบตะโกนว่า “แยกกันออกไป แยกวิ่ง!”
กลุ่มผู้ลี้ภัยต่างพุ่งหนีเข้าไปในป่าเมเปิ้ลอย่างอลหม่าน บรรยากาศในป่าจึงเต็มไปด้วยความโกลาหล
..........