ตอนที่แล้วบทที่ 21 : ปฏิทรรศน์ของแฟร์มี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23:ลอง

บทที่ 22:คำแนะนำและการนับถอยหลัง


บทที่ 22:คำแนะนำและการนับถอยหลัง

“มันฝรั่ง!!นี่มันฝรั่งนี่นา!!!”

อัลเฟรดพุ่งตัวลงไปในแปลงมันฝรั่ง ทำให้บรรดาคนที่รับผิดชอบการปลูกมันฝรั่งแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทันที โดยเฉพาะชายผิวขาววัยกลางคนผู้สูงอายุที่สุดในกลุ่ม เตรียมจะเข้าไปดึงอัลเฟรด แต่ลู่หย่วนหมิงก็รีบเข้าไปขัดขวางไว้

ลู่หย่วนหมิงหันไปถามอัลเฟรดด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า “ผมแปลกใจมาก คุณอัลเฟรด คุณได้ยินว่าเราปลูกมันฝรั่ง ก็รีบวิ่งมาตะโกนโวยวายทันที ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับอนาคตด้านอาหารและเสบียงของเรา แต่เรื่องนี้ถึงกับทำให้คุณประหลาดใจขนาดนี้เลยหรือ”

อัลเฟรดใช้นิ้วมือปาดน้ำตาออกเบา ๆ เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปหา ลู่หย่วนหมิง จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงอย่างเคร่งขรึม แล้วเอ่ยว่า “ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าคุณคือเมสสิยาห์จริง ๆ แม้ว่าคุณจะไม่ใช่เมสสิยาห์ในความหมายทางศาสนา แต่ก็คือเมสสิยาห์ที่แท้จริงสำหรับมนุษย์...เราทดสอบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ยืนยันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดเราก็ยืนยันได้ว่า ยกเว้นมนุษย์แล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในโลกนี้ที่จะสามารถเปลี่ยนสสารมืดได้เลย หรือเติบโตขึ้นตามวิถีธรรมชาติได้ เข้าใจไหม?”

“อืม คุณเคยบอกว่า ยกเว้นสิ่งที่มีชีวิต...” ลู่หย่วนหมิง พูดจบก็เงียบไป เขาถามอย่างรวดเร็วว่า “เดี๋ยวนะ ปลูกพืชก็ไม่ได้ด้วยเหรอ!?”

“เข้าใจแล้วใช่ไหมล่ะ?”

อัลเฟรดหันไปมองทุ่งมันฝรั่งสองไร่ ราวกับกำลังมองดูแสงสว่างและความหวัง พร้อมกับพูดว่า "นิวยอร์กเป็นเมืองแรกของโลกที่ลดมิติลงสู่ชั้นสสารมืด ตามมาด้วยเมืองโดยรอบ แล้วก็เมืองต่างๆ ทั่วโลก ตามการคำนวณแบบจำลองการลดมิติของดร.ถังเจ๋ออัน ยิ่งใกล้เขตชานเมืองของนิวยอร์กมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเกิดปรากฏการณ์บิดเบี้ยวและทับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น ส่วนใจกลางเมืองจะยิ่งปลอดภัย จุดรวมตัวของมนุษย์จำนวนมากจะลดมิติลงสู่ชั้นสสารมืดในลักษณะเดียวกัน จนกระทั่งโลกทั้งใบตกลงสู่สสารมืดโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้จักรวาลของสสารฉีกช่องว่างของสสารมืด ในขั้นต้น ช่องว่างนี้จะขยายตัวไปยังพื้นที่โดยรอบด้วยความเร็วแสง จากนั้นความเร็วจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกินความเร็วแสง และความเร็วนี้ก็ไม่มีขีดจำกัด ผลลัพธ์ที่คำนวณได้จากแบบจำลองการลดมิติก็คือ จักรวาลจะพบกับจุดจบแบบที่สี่ นั่นคือ 'ความมืดมิด' นอกเหนือจากการยุบตัวครั้งใหญ่ ความร้อนครั้งใหญ่ และการฉีกขาดครั้งใหญ่"

ลู่หย่วนหมิงฟังอย่างนิ่ง ๆ อัลเฟรดจึงพูดต่อ "แต่ถ้ามนุษย์เราทั้งหมดกลายเป็นสสารมืด แม้ว่าดูเหมือนจะตายไปครั้งหนึ่งในโลกแห่งสสาร ร่างกายทั้งหมดเปลี่ยนจากสสารเป็นสสารมืด แต่นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ก็ได้ มากสุดก็แค่จักรวาลอันไร้ขอบเขตกลายเป็นโลกแห่งสสารมืดอันไร้ขอบเขตเหมือนโลกที่เราอยู่ตอนนี้ พอจะเข้าใจไหม? ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นความคิดของคุณและคนอื่นๆ หลายคน แต่...แล้วเรื่องอาหารล่ะ?"

“เรานำอาหารพืชผลทุกอย่างลงมาไม่ได้ ในขณะที่เมืองจำลองในโลกแห่งสสารมืดมีสิ่งของให้หา แต่ปริมาณนั้นน้อยมาก เราในโลกแห่งสสารมืดก็ยังต้องกินต้องดื่ม ในโลกแห่งสสารมืดมีน้ำ แต่จะหาอาหารอย่างไร? เมื่ออาหารที่หาได้หมดไป เราก็ต้องไปกินสัตว์ประหลาดเหล่านั้น แต่ถ้ากินสัตว์ประหลาดเหล่านั้น...”

ลู่หย่วนหมิงใจหายวาบ ก่อนหน้านี้เขายังคิดลองชิมเนื้อและเลือดของสัตว์ประหลาดเหล่านั้น ตอนนี้ได้ยินอัลเฟรดพูด ก็รู้ทันทีว่าไม่ดี เขาจึงรีบถาม “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากินเนื้อและเลือดของสัตว์ประหลาดพวกนั้น?”

อัลเฟรดหน้าซีดเผือด เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เราอาจกลายเป็นสัตว์ประหลาด หรือแม้แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาด ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกครั้ง แต่ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่ากินเนื้อและเลือดของสัตว์ประหลาดเหล่านี้เด็ดขาด! นี่คือบทเรียนที่พวกผมเองก็ได้รับรู้มาแล้ว จงจงจำไว้ให้ดี!!"

ลู่หย่วนหมิงจดจำคำพูดของอัลเฟรดไว้ เขาหันไปมองมันฝรั่งที่ปลูก "พืชที่ปลูกได้ในโลกแห่งสสารมืดนี้มันมีค่ามากขนาดนั้นเชียวหรือ?"

อัลเฟรดตอบอย่างรวดเร็ว "แน่นอนสิ มนุษย์สิ้นหวังเพราะไม่ว่าจะวางแผน จัดการ หรือจินตนาการอย่างไร สุดท้ายก็หนีไม่พ้นสองทาง ไม่ว่าจะมนุษย์ทุกคนต้องหนีออกจากเมือง หวังพึ่งโชคชะตาในการหาอาหารในโลกแห่งสสารมืด หรือไม่ก็ล่มสลายไปกับสงครามภายในเพื่อแย่งชิงขนมปังก้อนสุดท้าย ไม่มีอาหาร นั่นแหละ ผลลัพธ์ที่อาจดูไร้สาระ ซึ่งมันกำลังจะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว เพราะเรามีมันฝรั่ง มนุษย์มีหวังแล้ว! คุณลู่ คุณอาจเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์จริง ๆ !"

ลู่หย่วนหมิงยิ้มแหย ๆ พยายามรักษาความสุภาพ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็ถาม "แล้วคุณอัลเฟรดยังมีอะไรอีกหรือเปล่าที่ต้องการบอกผม?"

อัลเฟรดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น "เท่าที่ผมรู้ ผมก็บอกคุณไปหมดแล้ว... อ้อ ยังมีอีกอย่างหนึ่ง คือเรื่อง 'สุสานอารยธรรม' จากการสำรวจโลกแห่งสสารไปยังโลกแห่งสสารมืดที่มีอยู่อย่างจำกัด เราพบสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด มันเป็นพื้นที่ขนาดมหึมา คล้ายกับเมืองใหญ่ แม้ว่าสถาปัตยกรรมของเมืองจะดูแปลกประหลาดพิสดาร แต่เมื่อพิจารณาว่ามนุษย์ต่างดาวและมนุษย์เราอาจไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เราจึงสรุปได้ว่านั่นน่าจะเป็นเมืองใหญ่ของอารยธรรมต่างดาวอีกแห่งหนึ่ง ที่ลดมิติลงสู่โลกแห่งสสารมืดโดยสมบูรณ์ จากการคำนวณแบบจำลองของดร.ถัง เจ๋ออัน เราพอจะทราบตำแหน่งดาวเคราะห์ของอารยธรรมต่างดาวนี้ จึงเกิดคำถามขึ้นว่า สสารมืดจะฉีกดาวเคราะห์และจักรวาลของสสารจริงหรือไม่ แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าการคำนวณระยะทางและทิศทางผิดพลาด สรุปคือ ถ้าเราไม่ได้ไปสำรวจสุสานอารยธรรมของมนุษย์ต่างดาว เราจะไม่มีวันรู้ความจริงแน่"

ลู่หย่วนหมิงถามอย่างสงสัย “ทำไมตำแหน่งของอารยธรรมต่างดาวนี้ มันถึงเป็นตัวกำหนดว่าสสารมืดจะสามารถฉีกดาวเคราะห์และจักรวาลแห่งสสารออกจากกันได้หรือเปล่าล่ะ?”

“เพราะไอ้อารยธรรมต่างดาวทีว่า มันอยู่อังคารไงล่ะ” อัลเฟรด ยักไหล่ “คุณเชื่อไหม? ถ้ามันอยู่บนดาวอังคารจริง ๆ หมายความว่าดาวอังคารเคยมีอารยธรรมที่สามารถลดมิติเข้าไปในโลกแห่งสสารมืดได้ หากเป็นระดับนั้น นั่นแสดงว่าอารยธรรมนั้นอย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่าอารยธรรมมนุษย์ของเราหรอกใช่ไหมเล่า? ซึ่งมันหมายความว่า ถ้าอารยธรรมดาวอังคารลดมิติเข้าไปในโลกแห่งสสารมืดจริง ๆ โลก และระบบสุริยะของเราคงระเบิดไปนานแล้ว”

ลู่หย่วนหมิงคิดตาม ก็รู้สึกว่าการที่ดาวอังคารเคยมีอารยธรรมฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระ เลยไม่ถามอะไรต่อ อัลเฟรดจึงกล่าวต่อ “คุณลู่ ในตอนนี้ คุณควรตั้งกองกำลังของตัวเองให้เร็วที่สุด นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำมากที่สุดตอนนี้”

ลู่หย่วนหมิงรู้สึกแปลก ๆ เขาจึงถามว่า “แต่ผมก็สร้างกองกำลังคอมมิวนิสต์สากลประจำโลกหลังควาตายขึ้นมาแล้วนี่”

อัลเฟรดฟังคำถามของลู่หย่วนหมิง จนริมฝีปากกระตุก แต่เขาก็ตอบด้วยความอดทน “คุณลู่ ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ คุณไม่ได้สร้างองค์กร คุณเพียงแค่รวบรวมคนเหล่านี้ แล้วแสดงปาฏิหาริย์ต่อหน้าพวกเขาเท่านั้นเอง มากสุดก็แค่บาทหลวงเอ็ดเวิร์ด คนคลั่งศาสนาที่ใช้กรอบองค์กรระดับต่ำสุดสร้างกลุ่มผู้ศรัทธาให้คุณเท่านั้น มันไม่ใช่องค์กร มันเป็นแค่กองคน ที่อาหารอุดมสมบูรณ์ และมีกำลังมากพอ พวกเขาจะยืนเคียงข้างคุณ แต่หากเจอกับกลุ่มคนจำนวนมาก หรือกองกำลังที่มีระเบียบแบบแผน แม้พวกเขาจะคิดถึงคุณแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องก้มหัวให้กับคนอื่นอยู่ดี”

“แก่นแท้ขององค์กรคือ ระบบ กฎเกณฑ์ และลำดับชั้นการบริหาร ตั้งแต่ระดับบนลงล่าง ซึ่งจะก่อให้เกิดแรงดึงดูด ประโยชน์ขององค์กร และสังคมขององค์กร... ส่วนสิ่งที่คุณเรียกว่าองค์กรนี้ แท้จริงแล้วมันไม่มีเลยสักอย่าง”

ลู่หย่วนหมิงยอมรับข้อนี้ทันที เพราะไม่ใช่แค่ประชาชน ถ้าตอนนี้มีทหารสมัยใหม่ที่มีระเบียบวินัยร้อยคน ยืนอยู่ตรงหน้าเขา แม้พวกเขาจะไม่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กลุ่มของพวกเขา แต่หากอีกฝ่ายมีอาวุธ เขาก็คงไม่กล้าต่อสู้ด้วยซ้ำ อาจจะยอมวางอาวุธทันทีที่พวกเขาตะโกนให้พวกเขาวางอาวุธ

อัลเฟรดมองทะลุเห็นจุดนี้จึงกล่าวต่อ “ไม่ต้องพูดถึงองค์กรของอารยธรรมยุคใหม่ เอาแค่หลักการพื้นฐานของการจัดตั้งกองทัพ คุณลู่สามารถสร้างระบบบริหารจัดการแบบลำดับชั้นได้หรือไม่? สามารถสร้างระบบการให้รางวัลและลงโทษได้หรือไม่? สามารถสร้างโครงสร้างด้านโลจิสติกส์และกองทัพได้หรือเปล่า? สามารถสร้างหลักการและแกนหลักขององค์กรได้ไหม? หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ กองทัพของคุณลู่ก็จะกลายเป็นเพียงกองทัพไร้ระเบียบวินัย”

ลู่หย่วนหมิงเข้าใจความหมายในคำพูดของอัลเฟรด แต่เขายังคงยึดมั่นในความคิดที่ว่าความจริงใจคืออาวุธที่ร้ายแรงที่สุด จึงกล่าวว่า “แต่เหตุผลที่ผมสร้างองค์กรนี้ขึ้นมา ก็เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง และเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่สามารถช่วยได้ หากมีผู้ที่มีความสามารถลงมาจริง ๆ และมีมนุษย์นับพันล้านลงมา ผมยินดีที่จะมอบอำนาจให้พวกเขาบริหารจัดการ ผมจะไม่ลังเลที่จะเสียสละกำลังของตัวเอง”

อัลเฟรดจ้องมองลู่หย่วนหมิงอย่างจริงจัง ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ยาวนาน เขาสามารถยืนยันได้ว่านี่คือความจริงใจของลู่หย่วนหมิง เขารู้สึกทั้งประทับใจและดีใจในเวลาเดียวกัน จึงรีบกล่าวว่า “ประเทศจีนมีสุภาษิตที่ว่า คนไม่มีเจตนาทำร้ายเสือ แต่เสือมีเจตนาทำร้ายคน ถูกไหม?”

เมื่ออัลเฟรดพูดสุภาษิตนี้ เขาใช้ภาษาจีน ทำให้ลู่หย่วนหมิงเบิกตากว้างและรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

อัลเฟรดหัวเราะเบา ๆ “ในความทรงจำของคุณลู่ เวลานั้นยังคงหยุดอยู่ที่เดือนกรกฎาคม ปี 2023 แต่สำหรับเราแล้ว ตอนนี้เป็นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2028 หน่วยวิเคราะห์ข้อมูลของเราทำนายไว้ว่า ถ้าไม่มีวิกฤตสสารมืด ลดมิติ ภายในเวลาอีกห้าปี ตำแหน่งมหาอำนาจอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอาจจะถูกประเทศอื่นยึดไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดี สมาชิกคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดี หรือแม้แต่คนที่หวังจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา ผมก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาด้วย อีกทั้งยังคุ้นชินกับวัฒนธรรมคนจีน”

“คุณลู่ ยังไม่เข้าใจหรือ? เมื่อคนน้อย คุณลู่มีทั้งกำลังวังชา อาหาร น้ำ และยังมีน้ำใจจริงใจ ไม่มีใคร ไม่มีกลุ่มใดจะสามารถต่อกรกับคุณลู่ได้ แต่เมื่อคนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่มาอยู่ที่โลกแห่งสสารมืด โลกนี้มีชาติพันธุ์มากมาย ประเทศมากมาย ศาสนามากมาย รวมถึงพวกผู้ก่อการร้าย กลุ่มอาชญากรรม และพวกมักใหญ่ใฝ่สูงที่ต้องการเอาเปรียบยามที่มีคนตกทุกข์ได้ยาก ถึงแม้ทุกคนรู้ว่าคุณลู่คือผู้ช่วยเหลือของมนุษย์เพียงหนึ่งเดียว คือพระเมสสิยาห์ตัวจริง ในยามจำเป็น พวกเขาก็คงจะฆ่าคุณลู่ เพราะนี่คือธรรมชาติของมนุษย์ พวกเขาจะไม่ยอมให้ศัตรูของพวกเขาได้คุณลู่ไป ถ้าถึงเวลานั้น คุณลู่จะทำอย่างไรล่ะ?”

ลู่หย่วนหมิงคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนตามคำพูดของอัลเฟรด ยิ่งคิด ยิ่งตัวสั่น

นี่เป็นข้อสรุปที่สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์อย่างยิ่ง ในยามที่ผู้คนยังน้อย หากมีความหวังและองค์กรเดียวกัน ทุกคนอาจลืมเลือนความแตกต่างทางชาติพันธุ์ สีผิว ศาสนา ประเทศชาติ... รวมถึงข้อขัดแย้งทั้งหมด แต่เมื่อจำนวนมนุษย์มากขึ้นถึงหลายพันล้าน และเกิดการล่มสลายลงสู่โลกแห่งสสารมืดอย่างฉับพลัน สงครามและสงครามกลางเมืองย่อมเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็จะตกเป็นเป้าหมายของเหล่านักการเมืองผู้ทะเยอทะยานและประเทศมหาอำนาจที่ต้องการรักษาโครงสร้างขององค์กรไว้ และคำพูดของอัลเฟรดก็อาจกลายเป็นความจริงได้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาคือผู้ช่วยเหลือเพียงหนึ่งเดียว แต่หากตัวตนเขาถูกเปิดเผย หรือเพื่อให้ชาติและเผ่าพันธุ์ของตนเองได้ครองความเป็นผู้นำมนุษย์ พวกเขาก็จะยึดติดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย หากมีความเป็นไปได้ที่เขาจะหลุดพ้นจากการควบคุม การสังหารเขาก็อาจเกิดขึ้นได้

อัลเฟรดยิ้มพลางเอ่ยว่า "ผมเชื่อว่าคุณลู่ไม่ใช่คนที่ใช้อำนาจเพื่อฆ่าผู้อื่น ดังนั้นโปรดรับผมเข้าร่วมองค์กรของคุณ ผมจะช่วยคุณสร้างองค์กรนี้ ผมจะปูทางสำหรับการจัดตั้งองค์กรนี้ ก่อนที่ผมจะตาย ผมได้รับข้อมูลสุดท้ายจากนักวิทยาศาสตร์ พวกเขาได้คำนวณแล้วว่านิวยอร์กจะพังทลายในเวลาประมาณเก้าเดือนถึงหนึ่งปี ส่วนอารยธรรมมนุษย์จะลดมิติและพังทลายในเวลาประมาณสามปี ขอให้ผมช่วยคุณ...ไม่สิ...พระเมสสิยาห์ ขอให้ผมเป็นสาวกของคุณ ขอให้ผมช่วยคุณก้าวขึ้นเป็นผู้ช่วยเหลือมนุษย์ที่แท้จริง!"

“ผม อัลเฟรด ออสตัน จะขออุทิศชีวิตนี้เพื่อรับใช้ท่านจนลมหายใจสุดท้าย” อัลเฟรดเอ่ยจบลงด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าลู่หย่วนหมิง ประโยคสุดท้ายนี้ อัลเฟรดเลือกใช้ภาษาจีนเพื่อแสดงถึงความจริงใจต่อลู่หย่วนหมิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด