บทที่ 214 กลิ่นหอมชวนหลงใหล
บทที่ 214 กลิ่นหอมชวนหลงใหล
หลี่เอ้อร์เช็ดหน้าตัวเองลวกๆ เพราะสำหรับคนที่หน้าหนาแบบเขา จะเช็ดหรือไม่เช็ดก็ไม่ต่างกัน
"คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าน้องชายเธอ คนที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยไปทุกเรื่องน่ะ กำลังหาพื้นที่เปิดร้านใหม่เพื่อขายไก่ทอดใช่ไหมล่ะ" ซาเหลียนหน่ามองอย่างรู้ทันพร้อมท่าทางภูมิใจราวกับรู้กลยุทธ์ของหลี่เอ้อร์และพี่น้องมานานแล้ว
"เอ่อ..." หลี่เอ้อร์หัวเราะแห้งๆ อย่างรู้สึกผิด "อย่าคิดมากเลยนะ เราก็แค่ทำมาหากินธรรมดา"
"ทำมาหากิน? ฉันแทบจะไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้วเพราะพวกนายทำกันแบบนี้!" ซาเหลียนหน่าพูดอย่างหงุดหงิด
"ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ถ้าไม่มีอะไรจะกินก็กินไก่ทอดไง!" หลี่เอ้อร์พูดพร้อมทำหน้าซื่อๆ
ซาเหลียนหน่าสูดลมหายใจลึก เธอกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะถูกหลี่เอ้อร์ทำให้หงุดหงิดจนเป็นลม
อย่างที่หลี่เอ้อร์เห็น การเปิดร้านไก่ทอดนั้นไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเท่าไหร่ ใครๆ ก็ทำได้ ขอแค่มีเงินทุนและคนงาน ซึ่งครอบครัวหลี่เองมีทั้งสองสิ่งนั้นพร้อมอยู่แล้ว แถมยังมีทีมส่งอาหารที่ดีที่สุดในฮ่องกงอีกด้วย ทำให้ซาเหลียนหน่าต้องยอมรับความจริงว่าสู้พี่น้องบ้านหลี่ไม่ไหวแน่ๆ
ทางเดียวที่ซาเหลียนหน่าจะเลือกได้ก็คือการผนวกธุรกิจของเธอกับร้านอาหารโปจี้ ชาชานถิง เข้าไปในเครือเดียวกัน หรือไม่ก็ยอมให้ตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการเติบโตของ โปจี้ ชาชานถิง
"ฉันยอมแบ่งหุ้นให้ 20 เปอร์เซ็นต์" ซาเหลียนหน่าพูดอย่างจริงจังในท่าทางที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
ไป่อันหนีจ้องมองหลี่เอ้อร์อย่างตกตะลึง นี่เธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเลย ไป่อันหนี แทบจะศรัทธาในตัว หลี่เอ้อร์อย่างล้นหลาม ในตอนแรกหลี่เอ้อร์ได้บอกเธอว่าซาเหลียนหน่าจะต้องมาชวนเขาให้ร่วมถือหุ้นร้านเธอแน่นอน แต่ไป่อันหนีไม่เคยเชื่อมาก่อน คิดว่าเขาเพ้อฝันไปเอง แต่วันนี้ซาเหลียนหน่ากลับเชิญชวนให้เขาร่วมหุ้นจริงๆ
ร้านไก่ทอดของซาเหลียนหน่าที่เป็นธุรกิจใหม่มีอนาคตที่สดใส หลี่เอ้อร์มองเห็นสิ่งนี้จากระยะไกล แล้วก็เพราะซาเหลียนหน่าไม่อาจห้ามตัวเองจากการอวดกับเหอหมิ่นได้เลย เหอหมิ่นก็นำเรื่องนี้ไปบอกหลี่เอ้อร์ด้วยความยินดี จึงเรียกได้ว่าซาเหลียนหน่าจัดการเรื่องนี้ให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว
หลี่เอ้อร์ก็คิดจะเปิดร้านไก่ทอดเหมือนกัน แต่เพราะขาดประสบการณ์ และ "โปจี้ชาชานถิง" เองก็มีถึงสิบสาขาแล้ว ซึ่งเขาต้องดูแลจึงแทบไม่มีเวลาพอ ทางที่ดีที่สุดคือการร่วมลงทุนกับซาเหลียนหน่าแทน แต่จะไปขอร่วมลงทุนด้วยคงไม่มีทางที่เธอจะยอมให้ง่ายๆ เพราะร้านไก่ทอดของเธอกำลังไปได้สวย
หลี่เอ้อร์จึงต้องใช้กลยุทธ์เล็กๆ โดยให้หลี่ซาน น้องชายตัวดี ไปป่าวประกาศว่าอยากเปิดร้านไก่ทอด จนเพียงไม่ถึงสัปดาห์ ซาเหลียนหน่าก็เริ่มวิตกหนักเพราะได้ทำการวิเคราะห์ตลาดและคาดการณ์ต่างๆ จนต้องรีบมาชวน หลี่เอ้อร์ร่วมหุ้นทันที
"ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เหรอ? ทำเป็นเกรงใจเลยนะ" หลี่เอ้อร์ยิ้มอย่างเขินอาย
ซาเหลียนหน่าส่งสายตาเย้ยหยันและกอดอกพร้อมกับมองเขา "นายจะเกรงใจจริงเหรอ?"
"ก็เกรงใจจริงๆ น่ะสิ ผมมันเป็นคนอายง่าย แก้ไม่ได้หรอก เป็นมาตั้งแต่เกิด" หลี่เอ้อร์หัวเราะเล็กน้อย
ซาเหลียนหน่าถึงกับคิดในใจว่า นี่มันคนพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย!
"พูดตรงๆ เลยเถอะค่ะ ในเมื่อเราก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว งั้นนายว่าจะแบ่งยังไงถึงจะยุติธรรม? อย่าขอมากไปล่ะ ไม่งั้นฉันขายกิจการให้บริษัทใหญ่ไปเลยดีกว่า ตอนนี้ก็มีหลายบริษัทสนใจจะลงทุนกับ 'อี้ห่าว ไก่ทอดเบอร์หนึ่ง' อยู่แล้ว" ซาเหลียนหน่ากล่าวเตือน
หลี่เอ้อร์ลูบจมูกและทำหน้าเหมือนไม่รู้จะทำยังไงดี
"เกรงใจจริงๆ นะ เอางี้ไหม? พวกเราแบ่งหุ้นกันคนละยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็พอ ไม่ต้องแบ่งครึ่ง พี่น้องสี่คนอย่างพวกผมจะเอาส่วนแบ่งกันยังไงล่ะ? แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจเธอ ถ้าเธอจะเป็นคนบริหารก็เอาไปเยอะหน่อย ผมเองก็เกรงใจอยู่นะ"
ซาเหลียนหน่าหน้าแดงด้วยความโมโห นี่พูดเป็นภาษาคนหรือเปล่าเนี่ย!
"ดูสิ ดูทำหน้าเข้า ตื่นเต้นขนาดนี้" หลี่เอ้อร์เห็นว่าซาเหลียนหน่าเริ่มหายใจไม่ทัน จึงรีบยื่นมือไปตบหลังเธอเบาๆ "เอางี้ไหม ผมแค่ขอ 15 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นของคุณหมดเลย เราก็สนิทกันอยู่แล้ว คงไม่อยากให้ผมเอาเปรียบใช่ไหมล่ะ?"
ซาเหลียนหน่าหายใจเข้าลึกๆ อย่างพยายามสงบสติอารมณ์ เธอเกือบจะเป็นลมเพราะหลี่เอ้อร์ไปแล้วจริงๆ
"ในเมื่อไม่มีความจริงใจ ก็เลิกคุยเถอะ ฉันขาย 'อี้ห่าว ไก่ทอดเบอร์หนึ่ง' ดีกว่า" ซาเหลียนหน่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ดีเลย งั้นพวกเราซื้อกิจการของคุณแทนก็ได้!" หลี่เอ้อร์พูดพร้อมรอยยิ้มพลางกระพริบตา "เธอไม่จริงใจเองนี่นา"
ซาเหลียนหน่าจ้องหลี่เอ้อร์อยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า "งั้นนายเสนอราคาที่มีความจริงใจมาสิ"
หลี่เอ้อร์ส่ายหัว "ไม่ คุณพูดก่อน ผมไม่ค่อยชอบพูดก่อน"
"ถ้าอย่างนั้น 'โปจี้' ลงทุน 45 เปอร์เซ็นต์ของ 'อี้ห่าว ไก่ทอดเบอร์หนึ่ง' แต่ฉันก็ต้องการ 20 เปอร์เซ็นต์ของ 'โปจี้' ด้วยเหมือนกัน" ซาเหลียนหน่าพูดด้วยท่าทางจริงจัง
หลี่เอ้อร์หัวเราะเยาะ "คิดมากไปหรือเปล่า? 'โปจี้' ของเรามีตั้งหลายสาขา ของคุณมีอยู่กี่ร้านกัน? แถมเรายังมีทีมส่งอาหารที่ดีที่สุดในฮ่องกงอีกต่างหาก คุณยังอยากแลก 45 ต่อ 20 อีกเหรอ?"
"ให้ซื้อหมอนหนุนด้วยไหมล่ะ เผื่อให้เอาไปฝันต่ออีกหน่อย"
ซาเหลียนหน่าทำท่าทางกระพริบตาแบบเดียวกับหลี่เอ้อร์ แต่ดูดีกว่ากันมาก เพราะสำหรับเธอแล้ว มันดูน่ารัก ขณะที่หลี่เอ้อร์ทำแล้วดูเจ้าเล่ห์
เก็บกลเม็ดน่ารังเกียจนี้ไปซะเถอะ ไป่อันหนีไม่ต้องแต่งหน้าก็ยังสวยกว่าคุณ"
ทั้งซาเหลียนหน่าและไป่อันหนีต่างก็มองค้อนใส่หลี่เอ้อร์ ใครเขาชมกันแบบนี้!
"แบ่งคนละครึ่ง ให้เรา 50 เปอร์เซ็นต์ของ 'อี้ห่าว ไก่ทอดเบอร์หนึ่ง' แล้วพวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารของร้านคุณ ส่วน 'โปจี้' จะยอมให้คุณเข้ามาร่วมหุ้น 15 เปอร์เซ็นต์ นี่คือข้อต่ำสุดแล้ว ถ้าไม่ตกลงก็ถือว่าจบ" หลี่เอ้อร์กล่าวก่อนจะหยิบขาไก่ทอดขึ้นมากัด
"อื้ม... หอมอร่อยดีจริง!"
ซาเหลียนหน่ามองหลี่เอ้อร์กินไก่อย่างคับแค้นใจ เพราะข้อตกลงนี้หลี่เอ้อร์ตีราคาไว้ที่ขีดต่ำสุดจนเธอแทบไม่ได้อะไรเลย ทำให้รู้สึกขัดใจจนทนไม่ไหว คนบ้าอะไรเนี่ย!
"เอาล่ะ ตกลง เราเซ็นสัญญาเมื่อไหร่ดี" ซาเหลียนหน่ายื่นมือให้หลี่เอ้อร์จับอย่างขมขื่น
"ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ จากนี้เราก็เป็นพวกเดียวกันแล้ว!" หลี่เอ้อร์ยื่นมือที่ยังมีคราบน้ำมันจากไก่ทอดไปจับมือกับเธอ
"อ๊าก—!"
ซาเหลียนหน่ารีบเปลี่ยนสีหน้าและหยิบกระดาษเช็ดมือออกมาทำความสะอาดมือของตัวเองโดยเร็ว เพราะเธอมีนิสัยรักสะอาด
หลี่เอ้อร์รีบดึงไป่อันหนีออกมาจากร้านของซาเหลียนหน่า
"อาจารย์คะ ซาเหลียนหน่าคงโมโหหน้าดูเลยค่ะ" ไป่อันหนีพูดพลางหัวเราะเบาๆ เธอเองก็รู้ดีว่าซาเหลียนหน่ามีนิสัยรักความสะอาด
"ไม่หรอก เธอโกรธครึ่งนึง จริงอีกครึ่ง" หลี่เอ้อร์ยิ้ม
"ทำไมล่ะคะ?"
"เพราะซาเหลียนหน่าเองก็อยากจะร่วมมือกับ 'โปจี้' เหมือนกัน ถ้าเธอจะเปิดร้านไก่ทอดสาขาใหม่ไปเรื่อยๆ คนเดียว ก็คงไม่มั่นใจเท่าไหร่" หลี่เอ้อร์ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
จริงๆ แล้วซาเหลียนหน่าก็เข้าใจดีว่า การทำธุรกิจแบบนี้ในอนาคตคงมีคนอื่นหรือทุนใหญ่เข้ามาสนใจแน่ หากเธอไม่ได้ผูกสัมพันธ์กับโปจี้สุดท้ายก็ต้องถูกกลืนไปอยู่ดี เธอจึงตัดสินใจเปิดทางให้หลี่เอ้อร์เข้ามาร่วม
หลี่เอ้อร์เช็ดหน้าแบบลวกๆ สำหรับคนที่ไม่อายอย่างเขาแล้ว เช็ดหรือไม่เช็ดก็ไม่ต่างกัน